สงสัยค่ะ

 
tookta
วันที่  18 พ.ค. 2555
หมายเลข  21136
อ่าน  1,939

คนเราเมื่อตายไปแล้วก็จะต้องเกิดทันที แล้วทำไมถึงมีคนเห็นคนที่ตายไปแล้วทั้งๆ ที่เขาก็ได้ตายไปเป็นเวลาหลายเดือน หรือ หลายปีแล้ว สงสัยค่ะ

ขอรบกวนท่านผู้รู้ ช่วยอธิบายให้หายสงสัยด้วยนะคะ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 18 พ.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ตามธรรมดาแล้ว ผู้ที่จุติเกิด คือ ตายไป จะต้องปฏิสนธิจิตเกิด คือ เกิดเป็นบุคคลใหม่ทันที ไม่มีการวนเวียนของวิญญาณ ครับ เพราะ วิญญาณไม่มีวนเวียน เพราะ วิญญาณ คือ จิต จิตไม่มีวนเวียน แต่ จิตเกิดขึ้นและดับไป ไม่ขาดสาย วิญญาณไม่มีรูปร่างอะไรเลย ครับ เพราะเป็นแต่เพียงนามธรรม จึงไม่สามารถปรากฏได้ทางตา แต่ ปรากฏได้ทางใจ ปรากฏกับสติ และ ปัญญาที่รู้ว่า วิญญาณ เป็นสภาพธรรม ที่เป็นจิต ไม่ใช่เรา ครับ ดังนั้น ตายแล้วเกิดทันที ไม่มีการวนเวียน เป็นวิญญาณ ครับ

ส่วนในบางกรณีสำหรับการที่บางบุคคลพบกับบุคคลที่ตายไปแล้ว ยังมาให้เจออีก ประเด็นนี้เราควรมีความเข้าใจถูกครับว่าที่เห็นเป็นบุคคลที่ตายแล้ว ยังอยู่ให้เห็นก็เพราะสัตว์นั้น ไปเกิดเป็นเปรตทันที ต้องการส่วนบุญ เพราะเปรต อาหารที่เขาจะได้รับ คือการอุทิศส่วนกุศลไปให้ แล้วจะทำอย่างไรให้เขารู้ได้ก็ด้วยการปรากฏให้เห็น เพื่อ บุคคลอื่นจะได้ทำบุญไปให้กับเปรตนั้นครับ แต่จะต้องเข้าใจใหม่ว่าไม่ใช่เป็นวิญญาณล่องลอย ที่คอยตามและแสวงหาที่เกิด แต่ตายแล้วเกิดทันทีครับ ผู้ที่เกิดเป็นเปรต ต้องการส่วนบุญจึงปรากฏให้เห็น

ซึ่งในพระไตรปิฎก สมัยพุทธกาลก็มีบางบุคคลเจอบุคคลที่ตายแล้ว เพื่อมาขอส่วนบุญกับบุคคลที่เจอ โดยให้คนที่มีชีวิตอยู่อุทิศกุศลที่ทำไปแล้วไปให้เปรตได้รับรู้และอนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
tookta
วันที่ 18 พ.ค. 2555

ขอบคุณนะคะที่อธิบายให้ทราบ

แล้วมีบางคนกล่าวว่าคนที่เห็นผี (หรือคนที่ตายไปแล้ว) เป็นคนดวงตกก็ไม่จริงใช่ไหมคะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
khampan.a
วันที่ 18 พ.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขออนุญาตร่วมแสดงความคิดเห็นจากความคิดเห็นที่ 2 ครับ

ผู้ที่ยังมีการเกิด ก็เพราะยังมีกิเลสอยู่ ยังไม่สามารถดับกิเลสอันเป็นเหตุแห่งการเกิดได้ เมื่อจุติเกิดขึ้น ทำกิจเคลื่อนจากความเป็นบุคคลนี้ในชาตินี้แล้วดับไป เป็นปัจจัยให้จิตขณะต่อไป คือ ปฏิสนธิจิตเกิดสืบต่อในภพใหม่ทันที โดยไม่มีจิตอื่นคั่น ซึ่งเป็นความเกิดขึ้นเป็นไปของสภาพธรรมที่เป็นจริงอย่างนี้ ใครๆ ก็เปลี่ยนแปลงไม่ได้

ตามความเป็นจริงแล้ว สัตว์โลก ไม่ได้มีเฉพาะมนุษย์ กับ สัตว์ดิรัจฉาน เท่านั้น สัตว์โลกประเภทอื่น ที่มีนอกจากนี้ ก็มี คือ สัตว์นรก เปรต อสุรกาย เทวดา และพรหม ซึ่งทั้งหมดทั้งปวงนั้น เพราะมีสภาพธรรมที่จริง กล่าวคือ จิต เจตสิก และรูป จึงมีการสมมติว่าเป็นสัตว์โลก เพราะฉะนั้น ขึ้นอยู่กับว่าจะเรียกสัตว์ในภพภูมิอื่นว่าอย่างไร ก็เรียกไปตามสมมติเท่านั้น แท้ที่จริงแล้ว สัตว์ บุคคล ตัวตน ไม่มี มีแต่ธรรม เท่านั้นจริงๆ

การที่จะประสบกับสิ่งที่ไม่น่าปรารถนา ไม่น่าใคร่ ไม่น่าพอใจ ย่อมเป็นผลของอดีตอกุศลกรรมที่ตนได้กระทำแล้ว โดยที่ไม่มีคนอื่นทำให้ ถ้าไม่มีเหตุ คือ อกุศลกรรมที่ตนได้กระทำแล้ว ผลที่ไม่น่าปรารถนาดังกล่าวก็จะเกิดขึ้นไม่ได้ แต่ที่ควรจะได้พิจารณาต่อไป คือ ขณะที่เป็นการได้รับผลของกรรมในชีวิตประจำวัน นั้น ไม่พ้นไปจากขณะเห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รู้สิ่งที่กระทบสัมผัสทางกาย เป็นเพียงจิตที่เกิดขึ้นรับผลของกรรม แล้วก็ดับไป ย่อมเป็นสภาพธรรมที่ไม่เป็นเหตุให้เกิดผลต่อไปในภายหน้า แต่สิ่งที่จะเป็นเหตุให้เกิดผลในภายหน้า จะต้องเป็นการกระทำกรรมที่เป็นกุศลกรรม และ อกุศลกรรม เท่านั้น ซึ่งเราไม่สามารถที่จะรู้ได้ว่า กรรมใด จะให้ผลเมื่อใด และกรรมก็มีมากมาย กระทำมาอย่างมากมาย ไม่ใช่เฉพาะในชาตินี้เท่านั้น ในอดีตชาติที่ผ่านมาๆ ก็มากมายนับไม่ถ้วน

ผู้ที่เป็นชาวพุทธจะต้องเป็นผู้มีความมั่นคงในเรื่องกรรมและผลของกรรม เป็นผู้ไม่ประมาทในการสะสมความดี และ ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมสะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกเป็นปัญญาของตนเอง สะสมเป็นที่พึ่งต่อไปในภายหน้า เพราะสิ่งที่จะเป็นที่พึ่งได้นั้น ต้องเป็นกุศลธรรม เท่านั้น ไม่ใช่ อกุศลธรรม ครับ

...ขออนุโมนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
paderm
วันที่ 18 พ.ค. 2555

เรียนสนทนาในความเห็นที่ 2 ครับ

จากคำถามที่ว่า

แล้วมีบางคนกล่าวว่าคนที่เห็นผี (หรือคนที่ตายไปแล้ว) เป็นคนดวงตกก็ไม่จริงใช่ไหมคะ


- ก็ต้องเข้าใจก่อนครับว่า ดวงตก คือะไร

ดวงตก ตามความคิดของชาวโลก คือ การได้รับสิ่งไม่ดี มีการเสียทรัพย์ และ รวมถึงการได้รับความทุกข์กายและทุกข์ใจด้วย นี่คือความหมายของดวง ที่เป็นดวงตก

จะเห็นนะครับว่า ดวงตก ตามความคิดของชาวโลก ไม่ตรงตามพระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงเลย เพราะ พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมที่เป็นเหตุ คือ กรรมดี และ กรรมไม่ดี และพระองค์แสดงถึง ผลของกรรมที่เป็นผลด้วย ที่เรียกว่า วิบาก ซึ่งเกิดขึ้นทางตา หู จมูก ลิ้น กาย เช่น ขณะที่เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รู้กระทบสัมผัส ขณะนั้นเป็นผลของกรรม ดังนั้น ขณะที่ได้รับกรรมที่ไม่ดี เกิดจากการกระทำกรรมที่ไม่ดีที่เป็นอกุศลกรรม มีการฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ เป็นต้น นี่เป็นเหตุที่จะทำให้ได้รับสิ่งที่ไม่ดี ที่เรียกว่า ดวงตก ตามที่ชาวโลก เข้าใจ การเห็นสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่ไม่ดี เช่น เห็นผี หรือ เห็นรูปที่ไม่ดี นั่นไม่ใช่เหตุ แต่เป็นผลของกรรม ดังนั้น การเห็นสิ่งที่ไม่ดี ที่สมมติว่าผี จึงไม่ใช่เหตุที่จะทำให้เกิดสิ่งที่ไม่ดี ที่เป็นผลของกรรมที่ไม่ดีได้เลย แต่เหตุที่แท้จริง คือ การทำกรรมไม่ดี ดวงตก ไม่ได้อยู่ที่การเห็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด แต่ฤกษ์ที่ไม่ดี คือ กำลังทำเหตุที่ไม่ดี คือ การทำอกุศลกรรม ครับ

ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
เซจาน้อย
วันที่ 19 พ.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

"ตราบใดที่ยังมีกิเลสอยู่ เมื่อจุติจิตเกิดแล้วดับ ปฎิสนธิจิตเกิดสืบต่อทันทีครับ"

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาในกุศลจิตของอ.ผเดิม, อ.คำปั่นและทุกๆ ท่านครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
tookta
วันที่ 19 พ.ค. 2555

ขอขอบคุณ คุณ paderm นะคะที่อธิบายคำถามที่ถามไป

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
kinder
วันที่ 20 พ.ค. 2555

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
wannee.s
วันที่ 21 พ.ค. 2555

ในพระไตรปิฎกมีแสดงไว้ ภพภูมิทั้งหมดมี ๓๑ ภูมิ มนุษย์ ๑ เทวดา ๖ อบายภูมิ ๔ รูปพรหม ๑๖ อรูปพรหม ๔ ส่วนคนที่ตายจากโลกนี้ไปแล้ว ถ้าเขาเกิดเป็นเทวดายังมีความผูกพันก็ยังวนเวียนมาหาได้ และที่สำคัญอยู่ที่กรรมของคนนั้นเองไม่มีใครทำค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ