เหตุแห่งความใฝ่ธรรมลดลง??

 
dets25226
วันที่  23 ก.พ. 2555
หมายเลข  20615
อ่าน  1,407

ด้วยความเคารพอย่างสูง

เรียนท่านอาจารย์และเพื่อนๆ ผู้สนใจในธรรมทุกท่าน

แต่ก่อนนี้ ผมมีโอกาสได้เรียนได้ศึกษาธรรมะก็มากอยู่ รู้สึกว่า มีความสนใจดี และใคร่รู้เป็นลำดับ ชีวิต ก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีค่อนข้างมาก แต่ก็ไม่ทั้งหมด

มาบัดนี้ ผมเองนั้น รู้สึกว่ามีความเบื่อหน่าย ไม่ค่อยสนใจใฝ่รู้ธรรมเหมือนแต่ก่อนอย่างเห็นได้ชัด ให้ฟังก็ฟังได้ แต่ก็ไม่ทั้งวันเหมือนแต่ก่อนนี้ แต่ก่อนนี้ ฟังธรรมได้เป็นวันๆ ของท่านอาจารย์องค์นั้นองค์นี่ ฟังหมด

อาการดังกล่าว เกิดจากเหตุใด ใคร่ขอความคิดเห็นในเรื่องประสบการณ์หน่อยนะครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 24 ก.พ. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขึ้นชื่อว่าปุถุชน ย่อมสะสมกิเลสมามากมายนับไม่ถ้วน จึงเป็นเหตุปัจจัยให้กิเลสที่สะสมมา มีโอกาสเกิดขึ้นได้เป็นปกติในชีวิตประจำวัน ซึ่งการที่บุคคลใด ที่สนใจในพระธรรมที่ถูกต้อง แสดงว่า เคยสะสมความเห็นถูกและสะสมความเข้าใจ และการฟังพระธรรมมาแล้วในอดีตชาติ และเมื่อชาตินี้ ได้มีโอกาสฟังพระธรรม ก็ถึงสนใจอีก เปรียบเหมือนคนที่เคยได้ยินเสียงกลอง เวลาผ่านไปนาน ก็ได้ยินเสียงกลองอีก จึงจำได้ว่า นี่คือเสียงกลองที่เคยได้ยิน ฉันใด ผู้ที่เคยสะสมความเข้าใจพระธรรมมา เมื่อได้ฟังพระธรรมอีกในชาตินี้ ก็ทำให้สนใจ และศึกษาพระธรรมนั้นต่อ แต่ต้องไม่ลืมว่า ความสนใจพระธรรมของปุถุชน มีกำลังน้อย เพราะเหตุว่า ยังสะสมปัญญามาน้อย สะสมศรัทธามาน้อย เมื่อเทียบกับอกุศล มีอวิชชา ความไม่รู้ เป็นต้น ที่สะสมมามากมายนับไม่ถ้วน เมื่อได้ยินเสียงกลองที่เคยได้ฟัง หรือ ได้ยินเสียงพระธรรมที่ได้ฟังครั้งแรก ย่อมทำให้สนใจในพระธรรมนั้น ในช่วงเวลานั้น เพราะช่วงเวลานั้น มีกุศลจิตที่เห็นประโยชน์ เพราะได้ยินเสียงกลอง หรือ ได้ยินพระธรรมครั้งแรก ก็ทำให้สนใจในสิ่งนั้น ที่เพิ่งได้ฟังเป็นธรรมดา แต่เมื่อเวลาผ่านไป เวลาที่ผ่านไป ไม่ใช่ผ่านไปเฉยๆ แต่เป็นการเกิดดับของจิต เจตสิก และเวลาที่ผ่านไป เป็นการเกิดดับของจิต เจตสิก โดยมากก็ด้วยกิเลส อกุศลจิตเกิดบ่อย และในเมื่อกิเลสที่เคยสะสมมามาก และปัจจุบันก็เกิดกิเลสบ่อยๆ ก็เป็นปัจจัยที่จะทำให้ความสนใจในพระธรรมน้อยลงได้ เพราะ ตามธรรมดา น้ำย่อมไหลไปสู่ที่ต่ำ จิตก็ย่อมไหลไปสู่อำนาจกิเลส แต่กลับสนใจในสิ่งที่เอื้อต่อกิเลส มีวัตถุกาม คือ รูป เสียง กลิ่น รส สิ่งที่กระทบสัมผัสที่น่าพอใจ เป็นธรรมดา มากกว่า สิ่งที่เป็นไปเพื่อ ละ กิเลส คือ พระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า จึงเป็นไปได้ และเป็นธรรมดาแน่นอน ครับ ที่จะสนใจพระธรรมน้อยลงในบางช่วงเวลา เพราะว่า มีการปล่อยมือจากพระธรรม คือ มีการฟังพระธรรมน้อยลง เมื่อฟังน้อยลง กุศลศรัทธาก็น้อยตามลง คือ เกิดน้อยลง เพราะขาดการฟังพระธรรม เมื่อกุศลธรรม มีศรัทธา และ ปัญญาเกิดน้อยลง ก็ทำให้กิเลส เกิดขึ้นแทน สนใจในสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์เกิดขึ้นแทนที่ ทำให้เบื่อ และไม่สนใจพระ ธรรมเป็นธรรมดาได้ในบางช่วงเวลา ครับ

อย่างเช่น ท้าวสักกเทวราช ซึ่งท่านก็เป็น พระโสดาบัน และที่ผ่านมาท่านก็ได้ฟังพระธรรม ท่านพระมหาโมคคัลลานะ ได้ไปที่ สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ซึ่งขณะนั้น ท้าวสักกะ ก็กำลังเล่น ชมสิ่งต่างๆ ท่านพระมหาโมคคัลลานะ ถามปัญหาธรรมว่า พระอินทร์ได้ฟังพระธรรมบทนี้จากพระพุทธเจ้าใช่หรือไม่ และ ที่ได้ฟัง ฟังว่าอะไร ท้าวสักกะ ท่านก็ตอบว่าใช่ แต่ท่านจำไม่ได้ และท้าวสักกะก็ได้เชื้อเชิญให้ท่านพระมหาโมคคัลลานะ เที่ยวชมดาวดึงส์ ท่าพระมหาโมคคัลลานะ จึงทำให้ท่าน สลดใจ คิดได้ ด้วยการใช้หัวแม้เท้าสะกิด เวชยันตปราสาทให้สั่นไหวไปทั้งหมด ท้าวสักกะ จึงสลดใจในการกระทำของท่าน ที่มัวแต่เพลิน ไม่สนใจพระธรรม และเมื่อท่านคิดได้ ก็สามารถนึกบทพระธรรมออกและกล่าวธรรมให้ท่านพระมหาโมคคัลลานะได้ฟังครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
paderm
วันที่ 24 ก.พ. 2555

จากตัวอย่างนี้ ให้เห็นถึง กำลังของกิเลสที่มีโอกาสเกิดขึ้นเป็นธรรมดา น้ำย่อมไหลไปสู่ที่ต่ำ คือ กิเลสย่อมเกิดขึ้นสนใจในสิ่งที่ไม่มีสาระ คือ วัตถุกามที่น่าพอใจ และไม่สนใจในพระธรรมที่แม้ได้ฟังมาแล้วได้เป็นธรรมดา ครับ ดังนั้น การสนใจพระธรรมลดลงจากเมื่อก่อน จึงมีได้ เพราะอำนาจกิเลส และ เพราะขาดการฟังพระธรรม แต่เมื่อใด ได้ฟังพระธรรม หรือ มีคนมาเตือน ดังเช่น เมื่อเทวดาประมาท ก็มีคนมาเตือน ก็กลับมาสนใจในพระธรรมอีกครั้งได้ และก็ไม่ประมาทที่จะฟังพระธรรมต่อไปในช่วงเวลานั้น แต่เวลาต่อไปก็ถอยกลับไปอีกได้ ตามอำนาจของกิเลสที่มีกำลัง กลับไปกลับมาอย่างนี้ จนกว่า ปัญญาจะคมกล้า มีกำลังมาก จึงเป็นผู้มีศรัทธาแน่นอน และยินดีในการฟังพระธรรมเสมอ ดังเช่น พระอรหันต์ครับ แต่เราๆ ท่านๆ ก็เป็นธรรมดาที่เป็นปุถุชนที่จะเบื่อ หรือ สนใจพระธรรมน้อยลง ตามกำลังกิเลสที่สะสมมามากมีกำลัง ก็ไม่สนใจ สนใจอย่างอื่นมากกว่าเป็นธรรมดา แต่ปัญญาที่สะสมมาไม่ได้หายไปไหน ก็เป็นปัจจัยให้กลับมาสนใจพระธรรมใหม่ เหมือนชาตินี้ที่ตอนแรกๆ เราก็ไม่ไ่ด้สนใจพระธรรม แต่พอได้ฟังครั้งแรกในชาตินี้ ก็มาสนใจพระธรรมนั่นเอง ครับ การได้คบสัตบุรุษและได้ฟังพระธรรม มีอุปการะมาก ต่อ ความเป็นผู้มีศรัทธาและปํญญา ครับ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
dets25226
วันที่ 24 ก.พ. 2555

ด้วยความเคารพอย่างสูง

ตามที่ได้อ่านคำชี้แนะ ก็เห็นว่าได้รับกรุณามาก ขอบคุณครับ

ประเด็นสำคัญ คือ ผมเบื่อหน่ายกับการฟังธรรมน่ะครับ เป็นความรู้สึกที่แปลกมาก ไม่อยากจะแสวงหา ไม่อยากจะทำความเข้าใจ ไม่อยากจะคิดนึกอะไรที่เกี่ยวกับธรรมะ หรือในหลายๆ เรื่อง อยากจะว่างๆ สบายๆ ครับ ประมาณนี้นะครับ อันนี้ ถือเป็นอกุศลใช่หรือไม่ครับ ...

ความรู้สึกที่ผมได้ขอความกรุณาชี้แนะนั้น อาจจะไม่ตรงกับความเป็นจริง ซึ่งเกิดจากความไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้ของผมเอง จึงถามในสิ่งที่ตนเองยังไม่เข้าใจชัด

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
paderm
วันที่ 24 ก.พ. 2555

เรียนความเห็นที่ 4 ครับ

การที่เบื่อ ไม่อยากฟังก็เป็นอกุศล เป็นธรรมดา ครับ ซึ่งอกุศลก็เกิดเป็นปกติ ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
khampan.a
วันที่ 24 ก.พ. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

การได้ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมในภพนี้ชาตินี้ ก็แสดงว่าต้องเป็นผู้เคยได้สะสมเหตุที่ดีมาแล้ว เคยได้ฟังพระธรรม เคยเห็นประโยชน์ของพระธรรมมาแล้ว จึงสนใจที่จะฟัง ที่จะได้ศึกษาสะสมความเข้าใจถูก เห็นถูกต่อไป ถ้าเป็นผู้ที่ไม่ได้สะสมเหตุที่ดีมา แม้เสียงของพระธรรมจะอยู่ใกล้ๆ ก็ไม่ฟัง เพราะเป็นผู้ไม่มีศรัทธา ไม่หลั่งศรัทธามาที่จะรองรับพระธรรม,

ตามความเป็นจริงแล้ว ชีวิตของผู้ที่ยังมีกิเลส ก็เป็นไปกับด้วยอำนาจของกิเลสเป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คือ โลภะ ความติดข้องยินดีพอใจในสิ่งต่างๆ และกิเลสประการอื่นๆ ด้วย คงไม่มีใครที่จะฟังพระธรรมได้ทั้งวัน ตลอด ๒๔ ชั่วโมง ชีวิตก็เป็นไปอย่างปกติ ไม่ใช่เรื่องที่ผิดปกติ แต่ผู้ที่เห็นประโยชน์ของพระธรรม แม้ว่าจะไหลไปด้วยอำนาจของกิเลสบ้าง แต่ก็ยังมีโอกาสที่จะได้ยินได้ฟังบ้างในวันหนึ่งๆ มากบ้าง น้อยบ้าง ตามโอกาสที่มี เป็นไปตามการสะสมของแต่ละบุคคล แม้เพียงเล็กน้อย ก็มีประโยชน์ เป็นประโยชน์แล้วที่ได้ยินได้ฟังในแต่ละครั้ง

เพราะบุคคลผู้เป็นบัณฑิต ท่านย่อมรู้ว่า การที่ปัญญาจะเจริญขึ้นได้นั้น ต้องอาศัยการฟัง การศึกษาพระธรรมเป็นปกติในชีวิตประจำวัน ขณะที่เพลิดเพลิน เป็นไปกับด้วยอำนาจของกิเลสนั้น เหมือนการตกไปในน้ำ ถูกพัดพาไปด้วยกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยว แต่พอได้หวนระลึกถึงพระธรรม เห็นประโยชน์ของพระธรรม ถอยกลับจากอกุศลในขณะนั้น ก็เปรียบเหมือนการถูกยกขึ้นจากน้ำที่ตกลงไป ด้วยอุปกรณ์มีเชือกหรือบันได เป็นต้น อย่างมั่นคง ที่เป็นเช่นนี้ได้ก็เพราะเคยเห็นประโยชน์ของพระธรรม นั่นเอง ซึ่งเป็นคนละขณะกัน ขณะที่เป็นไปกับด้วยอกุศล เป็นขณะหนึ่ง ขณะที่เห็นประโยชน์ของพระธรรม ก็เป็นอีกขณะหนึ่ง ไม่ปะปนกัน

และที่สำคัญ ผู้ที่เข้าใจธรรมซึ่งเป็นสิ่งที่มีจริงในชีวิตประจำวัน ถึงแม้ว่าจิตใจจะเป็นไปกับโลภะ เป็นโทสะ เป็นโมหะ ทำให้เป็นไปด้วยอำนาจของกิเลส แต่เพราะเหตุว่าได้ฟังเนืองๆ ได้ฟังบ่อยๆ ก็สามารถที่จะใส่ใจพิจารณารู้ลักษณะของธรรม ที่กำลังปรากฏในขณะนั้น ตามความเป็นจริงได้ ครับ.

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
pat_jesty
วันที่ 24 ก.พ. 2555

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
วิริยะ
วันที่ 24 ก.พ. 2555

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
เซจาน้อย
วันที่ 25 ก.พ. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
bsomsuda
วันที่ 26 ก.พ. 2555

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ