มิตรโง่

 
พิมพิชญา
วันที่  21 ก.พ. 2555
หมายเลข  20597
อ่าน  2,307

มีคำพูดที่ว่า อย่าให้มิตรโง่รู้ความลับ

แล้วจะทราบได้อย่างไรคะว่ามิตรโง่มีลักษณะอย่างไร


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 22 ก.พ. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ปัญญาในพระพุทธศาสนา คือ ไม่รู้ว่าอะไรควร หรือ ไม่ควร ไม่รู้ว่าอะไรถูกหรือผิด ไม่รู้ ผิดชอบ ชั่วดี แม้จะฉลาดทางโลก แต่ฉลาดแกมโกงก็ชื่อว่า โง่ มีปัญญาทราม เพราะ ไม่มีปัญญารู้ผิดชอบชั่วดี เมื่อไม่มีปัญญา ก็ย่อมกระทำสิ่งที่ผิด สิ่งที่ไม่ควรกับตนเอง และคนรอบข้างได้ครับ

ดังนั้น มิตรโง่ ก็ต้องเป็นเพื่อนที่ไม่รู้ว่าอะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ ไม่รู้ผิดชอบชั่วดี เมื่อไม่รู้ เพราะไม่มีปัญญา ก็ย่อมกระทำสิ่งที่ไม่ดี ดังนั้น เมื่อบอกความลับกับเพื่อนที่ไม่รู้จักผิดชอบ ชั่วดี ไม่รู้ว่าอะไรควรทำ ไม่ควรทำ เพราะความที่เป็นคนโง่ด้วยกิเลสและอวิชชา เมื่อบอกความลับไป ความลับนั้นก็ไม่เป็นความลับ และย่อมนำมาซึ่งความเสียหายกับผู้ที่ต้องการจะปกปิด เพราะขึ้นชื่อความลับ ย่อมไม่เป็นสิ่งที่ผู้บอกอยากเปิดเผย ย่อมทำให้ความลับแพร่งพราย และทำให้เกิดความเสียหายแก่ผู้บอกเอง เพราะความที่มีมิตรโง่ มีเพื่อนที่ไม่มีปัญญา แม้ฉลาดแกมโกงทางโลก ก็ชื่อว่ามิตรโง่ ทำให้เกิดความเสียหายตามมา ครับ มิตรโง่ (ไม่มีปัญญารู้ผิดชอบชั่วดี) จึงไม่ต่างกับ ศัตรู ที่จะนำความเสียหายมาให้ ครับ

การปกปิดความลับ ไม่บอกกับมิตรโง่ หรือ คนที่เป็นศัตรู จึงเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เพราะไม่นำความเสียหายมาให้ในการเปิดเผยความลับ ครับ

ส่วนการจะรู้จักว่าใครเป็นคนโง่ คือ ไม่มีปัญญา หรือ มีปัญญาหรือไม่ พระพุทธเจ้า ทรงแสดงว่า บุคคลนั้นก็จะต้องมีปัญญาเหมือนกัน ถ้าไม่มีปัญญาก็จะไม่มีทางรู้จักว่าใครเป็นคนโง่ ใครเป็นคนมีปัญญา เพราะตัวเองเป็นคนโง่นั่นเอง เปรียบเหมือนคนตาบอด ย่อมไม่รู้ว่าใครตาดี ใครตาบอด ส่วนผู้มีปัญญาเท่านั้น ย่อมรู้ว่าใครโง่ ไม่มีปัญญา ใครมีปัญญา เปรียบเหมือนคนตาดี ย่อมรู้ว่าใครตาบอด ใครตาดี ครับ คนโง่ พาลทรามปัญญา ย่อมแสดงออกมาทางกาย ที่เป็นกายทุจริตมีการฆ่าสัตว์ เป็นต้น วาจาทุจริต มีการพูดเท็จ และมโนทุจริตมีความเห็นผิด เป็นต้น อยู่เนืองนิจนั่นเองครับ บัณฑิตผู้มีปัญญา ก็ ตรงกันข้ามกับที่กล่าวมา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
paderm
วันที่ 22 ก.พ. 2555

ความลับ ไม่มีในโลก และไม่มีที่เป็นความลับ โดยเฉพาะการทำความชั่ว ตัวเองย่อมรู้ก่อนว่าทำอะไร ซึ่งความลับควรเปิดเผย กับคนที่ดี มีคุณธรรม คนที่เป็นมิตรที่มีปัญญามีคุณธรรม หากเปิดเผยแล้วเป็นประโยชน์จึงเปิดเผย ความลับใดหากยังไม่สำเร็จ คือยังทำไม่เสร็จงาน ไม่ควรเปิดเผย เมื่อเสร็จแล้วจึงควรเปิดเผย ครับ

ขออนุโมทนา

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๔

๕. สีลวิมังสชาดก

ความลับไม่มีในโลก

[๕๑๘] ขึ้นชื่อว่าที่ลับ ย่อมไม่มีในโลก แก่คนผู้กระทำบาปกรรม ต้นไม้ที่เกิดในป่าก็ยังมีคนเห็น คนพาลย่อมสำคัญบาปกรรมนั้นว่าเป็นที่ลับ.

[๕๑๙] ข้าพเจ้าย่อมไม่เห็นที่ลับ หรือแม้ที่ว่างเปล่าก็ไม่มี ในที่ใดว่างเปล่า ข้าพเจ้าไม่เห็นใคร ที่นั้นก็ไม่ว่างเปล่าจากข้าพเจ้า.

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๗

[๒๒๔๔] การปกปิดความลับเอาไว้นั่นแหละเป็นความดี การเปิดเผยความลับบัณฑิตไม่สรรเสริญเลย นักปราชญ์พึงอดกลั้นไว้ในเมื่อประโยชน์ยังไม่สำเร็จ เมื่อประโยชน์สำเร็จแล้ว พึงกล่าวตามสบาย ไม่ควรเปิดเผยความลับเลย ควรรักษาความลับนั้นไว้เหมือนรักษาขุมทรัพย์ ฉะนั้น ความลับอันบุคคลผู้รู้แจ่มแจ้ง ไม่เปิดเผยนั่นแหละเป็นความดี

บัณฑิตไม่ควรบอกความลับแก่สตรี และแก่คนที่ไม่ใช่มิตรกับอย่าบอกความในใจแก่คนที่ถูกอามิสลากไป และแก่คนที่ไม่ใช่มิตร

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
khampan.a
วันที่ 22 ก.พ. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

มิตรที่ดี ย่อมมีความหวังดี มีความเป็นมิตรเป็นเพื่อนให้กับบุคคลอื่นอย่างจริงใจ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ทำหรือไม่ได้พูดในสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่กัน แต่จิตใจก็ย่อมเป็นมิตรและหวังดีต่อกันในทุกทางและทุกเมื่อด้วย ส่วน มิตรที่ไม่ดี มิตรโง่ เป็นผู้ที่ไม่มีปัญญาเป็นเครื่องนำทางชีวิต ไม่รู้ว่าอะไรถูก อะไรผิด เป็นผู้กระทำในสิ่งที่ไม่ควรทำ ไม่กระทำในสิ่งที่ควรทำ กระทำในสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์แก่ผู้อื่น ซึ่งไม่พ้นไปจากอกุศลเลย,

การที่จะรู้ได้ว่าใครเป็นคนดีหรือไม่ดี จะต้องอาศัยการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมให้เข้าใจ ถ้าไม่มีความเข้าใจธรรม ที่แสดงถึงความเป็นจริงของสภาพธรรมที่มีจริงในชีวิตประจำวัน มี กุศลธรรม อกุศลธรรม เป็นต้น ก็ยากที่จะรู้ได้ว่าใครเป็นคนดีหรือไม่ดี

ชีวิตประจำวัน จำเป็นจะต้องมีการพูด มีการสื่อสารกันเป็นปกติ พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ดีแล้วเท่านั้น ที่จะเป็นเครื่องเตือนที่ดี แม้ในการพูด ควรพูดถ้อยคำจริง ที่ไพเราะ เป็นประโยชน์ ถูกกาละ และพูดด้วยจิตที่ประกอบด้วยเมตตา และที่สำคัญไม่ใช่ว่าจะพูดไปทุกเรื่อง มีอะไรเกิดขึ้น ได้ยินอะไรมา ก็จะพูดไปทั้งหมด ก็ไม่ใช่ จะต้องมีความละเอียดว่า สิ่งใดควรพูด สิ่งใด ไม่ควรพูด เป็นไปเพื่อประโยชน์หรือไม่ได้เป็นไปเพื่อประโชน์แก่ผู้อื่นเลย แม้แต่ในสิ่งที่เป็นความลับ ควรบอกแก่บุคคลที่ควรบอก ได้แก่ บอกแก่บุคคลผู้มีปัญญา เพราะบุคคลผู้มีปัญญาที่จะกระทำในสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์แก่ผู้อื่น นั้น เป็นไม่มี แต่ไม่ควรบอกแก่ผู้ที่ไม่ควรบอก คือ คนที่ไม่ดี ไม่มีปัญญา เพราะไม่มีประโยชน์ใดๆ เลยที่จะให้มิตรโง่รู้ความลับ ครับ.

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
ผิน
วันที่ 22 ก.พ. 2555

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
jaturong
วันที่ 22 ก.พ. 2555

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
kinder
วันที่ 22 ก.พ. 2555

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
พิมพิชญา
วันที่ 24 ก.พ. 2555

ขอบพระคุณอย่างสูงค่ะ ขออนุโมทนา

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ