วิปากของผู้ที่ด่าว่าผู้เผยแผ่ธรรมที่ถูกต้อง

 
SOAMUSA
วันที่  20 ม.ค. 2555
หมายเลข  20404
อ่าน  1,266

ขอเรียนถามค่ะว่า

ผู้ที่ติเตียนผู้ที่เผยแผ่พระอภิธรรมที่ถูกต้อง ตำหนิท่านพระอาจารย์ที่รจนาหนังสือเรียนพระอภิธรรม กล่าวตำหนิติเตียนอย่างแรงว่า เผยแผ่ธรรมะผิด ทั้งๆ ที่ท่านพระอาจารย์และอาจารย์ที่ถูกว่านั้นเป็นผู้ตรงต่อพระอภิธรรม เผยแผ่ด้วยความถูกต้อง จนเป็นถึงผู้สอนและผู้รจนาหนังสือพระอภิธรรม

วิปากที่ผู้ที่กล่าวตำหนิด้วยความหยาบช้านั้น จะเป็นเช่นไรคะ บังเอิญไปอ่านเจอคนที่ด่าว่าอาจารย์สอนพระอภิธรรมและท่านพระอาจารย์ที่รจนาหนังสือ ที่เว็บแห่งหนึ่งค่ะ

ขอบพระคุณค่ะ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 20 ม.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

บุคคลที่กล่าววาจาด้วยอกุศล มีการว่าร้าย เป็นต้น ซึ่ง ในพระธรรมที่พระพุทธเจ้า ทรงแสดง แสดงไว้ว่า ผู้ที่กล่าวสรรเสริญคนที่ควรตำหนิ หรือ ตำหนิคนที่ควรสรรเสริญ ด้วยอำนาจของอกุศล และไม่เลื่อมใสในสิ่งที่ควรเลื่อมใส และเลื่อมใสในสิ่งที่ไม่ควรเลื่อมใส และเพราะการกระทำบาปมีการว่าร้าย ผู้ที่ประพฤติธรรม กล่าวพระธรรมไว้ถูกต้อง ขณะนั้นเป็นบาป และเป็นอกุศลกรรม อันเกิดจากความไม่รู้ และมีความเห็นผิด จึงไม่เลื่อมใสในสิ่งที่ไม่ควรเลื่อมใส การว่าร้ายนั้น พระพุทธเจ้าทรงแสดงว่าได้รับ บาป เป็นอันมาก เมื่อตายไป หากกรรมนั้นให้ผล ย่อมตกนรกอันร้ายแรง และนับชาติไม่ถ้วนเลยครับ ซึ่งจะขอยกข้อความในพระไตรปิฎกในเรื่องผลของกรรมในเรื่องนี้ในความเห็น ที่ 2 ครับ ซึ่งในความเป็นจริง ก็เป็นแต่เพียงสภาพธรรม ที่เป็น จิต เจตสิกและรูปที่เกิดขึ้น ซึ่ง วาจาจะมีได้ ก็เพราะมีจิต เจตสิกเกิดขึ้นทำกิจหน้าที่ เมื่อจิตดี กาย วาจาก็น้อมไปใน ทางที่ดี เมื่อจิตไม่ดีเกิดขึ้น กาย วาจาที่ไม่ดีก็เกิดขึ้น ก็น้อมไปตามจิตที่ไม่ดี ทุกอย่างล้วนแล้วแต่เป็นอนัตตา คือ บังคับบัญชาไม่ได้ ตามการสะสมมาของแต่ละคน หรือ แต่ละจิตที่จะให้กาย วาจาเป็นอย่างไรในชีวิตประจำวัน แต่เพราะอาศัยพระธรรมของพระพุทธเจ้า จากกาย วาจาที่ไม่ดี ที่เกิดจากจิตที่ไม่ดีบ่อยๆ เมื่อปัญญาเจริญขึ้น ปัญญานั่นเอง ย่อมนำทางให้ กาย วาจาน้อมไปในางที่ดีขึ้นทีละเล็กละน้อย เพราะเกิดจากความเห็นถูก อันเกิดจากการฟังพระธรรมที่ถูกต้อง นั่นเอง

ดังนั้น สำคัญที่ปัญญา ความเห็นถูกเป็นสำคัญ ซึ่งจะมีได้ก็ด้วยการศึกษาพระธรรม แต่หากได้รับฟัง อสัทธรรม คือ พระธรรมที่ผิด ก็ทำให้เกิดความเห็นผิด และไม่เลื่อมใสในบุคคลที่ควรเลื่อมใส แต่เลื่อมใสในสิ่งที่ผิด บุคคลที่ผิด นั่นคือ เลื่อมใสในความเห็นผิด กาย วาจาก็จึงน้อมไปในทางที่ผิดนั่นเอง ดังนั้น ควรเข้าใจว่า ไม่มีใคร มีแต่การสะสม ความเห็นถูก และความเห็นผิด และมีแต่เพียง จิต เจตสิกที่เกิดขึ้น น้อมไปตามการสะสมของจิตนั่นเองครับ เมื่อเข้าใจ ดังนี้ จึงเห็นใจ บุคคลนั้นที่เป็นเช่นนั้น เพราะธรรม คือ ความเห็นผิดทำให้เป็นเช่นนั่น นั่นเองครับ ประโยชน์คือเข้าใจชีวิต เข้าใจจิต เข้าใจเหตุการณ์ในชีวิตประจำวัน และ เมื่อเห็นตามความเป็นจริง จึงไม่ประมาท อบรมปัญญาเท่าที่กำลังปัญญาจะทำได้นั่น เองครับ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
paderm
วันที่ 20 ม.ค. 2555

พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย จตุกนิบาต เล่ม ๒

๓. ปฐมขตสูตร

ว่าด้วยธรรม ๔ ประการ ของคนพาลและบัณฑิต

[๓] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๔ ประการเป็นคนพาล เป็นคนโง่เขลา เป็นอสัตบุรุษ ครองตนอันถูกขุด (รากคือความดี) เสียแล้ว ถูกขจัดไปครึ่งหนึ่งแล้ว เป็นคนประกอบด้วยโทษ ผู้รู้ติเตียน และได้สิ่งอันไม่เป็นบุญมากด้วย

ธรรม ๔ ประการเป็นไฉน คือ

บุคคลไม่ใคร่ครวญไม่สอบสวนแล้ว ชมคนที่ควรติ ๑

ติคนที่ควรชม ๑

ปลูกความเลื่อมใสในฐานะอันไม่ควรเลื่อมใส ๑

แสดงความไม่เลื่อมใสในฐานะ อันควรเลื่อมใส ๑

บุคคลประกอบด้วยธรรม ๔ ประการนี้แล เป็นคนพาล ฯลฯ และได้สิ่งอันไม่เป็นบุญมากด้วย ผู้ใดชมคนที่ควรติ หรือ ติคนที่ควรชม ผู้นั้น ชื่อว่าก่อ (กลี) ความร้ายด้วยปาก เพราะความร้ายนั้น เขาก็ไม่ได้ความสุข นี่ ร้ายไม่มาก คือการเสียทรัพย์ในการพนัน แม้จนสิ้นเนื้อประดาตัว สิ่งนี้สิ ร้ายมากกว่า คือทำใจร้าย ในท่านผู้ดำเนินดีแล้วทั้งหลาย คนที่ตั้งใจและใช้วาจาลามก ติเตียนท่านผู้เป็นอริยะ ย่อมตกนรกตลอดเวลา สิ้นแสนสามสิบหกนิรัพพุทะกับอีกห้าอัพพุทะ (นับชาติไม่ถ้วน)

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
เซจาน้อย
วันที่ 20 ม.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
khampan.a
วันที่ 20 ม.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

คำพูดไม่สะอาด ก็เพราะจิตใจไม่สะอาด เป็นอกุศล แสดงให้เห็นถึงกำลังของกิเลสที่มีมากจริงๆ จึงมีการกล่าวคำที่เป็นประเภทการว่าร้ายผู้อื่นได้ ถ้าเป็นกุศลจิตแล้วจะไม่เป็นอย่างนี้เลย จะมีแต่คำพูดที่ประกอบด้วยเมตตา ไม่มีการประพฤติที่เป็นไปเพื่อเบียดเบียนผู้อื่นเลยแม้แต่น้อย ต้นเหตุจริงๆ ของการว่าร้าย กล่าวร้ายผู้อื่น รวมไปถึงพฤติกรรมที่ไม่สมควรอื่นๆ ด้วย คือ กิเลสที่ได้สะสมมา พร้อมทั้งไม่ได้ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง และไม่น้อมประพฤติปฏิบัติตามพระธรรม ซึ่งมีแต่จะเพิ่มพูนกิเลสอกุศลให้กับตนเองมากยิ่งขึ้น เป็นผู้หนักไปด้วยกิเลสอกุศล และจะเป็นเหตุให้เกิดในอบายภูมิ มีนรกเป็นต้น ตามสมควรแก่อกุศลกรรมที่ได้กระทำแล้ว

คนที่กระทำชั่ว ประพฤติไม่เหมาะสมประการต่างๆ นั้น เป็นบุคคลผู้น่าสงสาร น่าเห็นใจมาก เพราะเขาได้สะสมเหตุที่ไม่ดีให้กับตนเอง และตนเองนั่นแหละที่จะเป็นผู้ได้รับผลของกรรมนั้นๆ ไม่ใช่คนอื่นเลย หนทางที่จะทำให้เป็นผู้รอดพ้นจากกิเลสทั้งปวง คือ ต้องฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปตามลำดับ และน้อมประพฤติปฏิบัติตามพระธรรม ไม่ประมาทในการสะสมความดี และอบรมเจริญปัญญา เพื่อขัดเกลาละคลายกิเลส จนกว่ากิเลสทั้งปวงจะดับหมดสิ้นไป ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
tanakase
วันที่ 21 ม.ค. 2555

กระทำกรรมเช่นไร ... จะได้รับผลเช่นนั้น

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
SOAMUSA
วันที่ 21 ม.ค. 2555

กราบอนุโมทนาอาจารย์ ขอบพระคุณอย่างสูงค่ะ

วิบากกรรมของพวกตำหนิผู้มีคุณนั้น น่ากลัวมากนะคะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
วิริยะ
วันที่ 21 ม.ค. 2555

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
aurasa
วันที่ 28 ม.ค. 2555

"คำพูดไม่สะอาด ก็เพราะจิตใจไม่สะอาด เป็นอกุศล แสดงให้เห็นถึงกำลังของกิเลสที่มีมากจริงๆ จึงมีการกล่าวคำที่เป็นประเภทการว่าร้ายผู้อื่นได้"

ขอบคุณ และอนุโมทนา ในกุศลเจตนาของ อ. คำปั่นค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
kinder
วันที่ 31 ม.ค. 2555
ขออนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
jaturong
วันที่ 1 ก.พ. 2555

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
chatchai.k
วันที่ 15 ม.ค. 2564

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ