แปลกใจจริงๆ งงจังเลยเรื่องนิสัยคนอินเดีย

 
dhoom
วันที่  14 พ.ย. 2554
หมายเลข  20026
อ่าน  3,633

คนอินเดียนิสัยต่างจากคนไทยมากมายเลย แต่ทำไมพระพุทธโคดม ไม่เลือกมาประสูติที่

ประเทศไทย   ใครไปอินเดียปัจจุบันนี้ ก็รู้ว่าอาหาร อินเดีย คนอินเดีย ความเชื่อแบบฝัง

แน่น ยากมากที่พระพุทธศาสนาจะเผยแพร่ได้แปลกใจจริงๆ ไหม ทำไมทำไม ถึงเลือกที่

อินเดีย มากกว่าประเทศไทย


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 14 พ.ย. 2554

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย แม้แต่การประสูติของพระพุทธเจ้า ผู้เป็นบุคคลผู้เลิศ ประเสริฐที่สุดในจักรวาลก็ต้อง

มีเหตุผล อันสมควรว่าควรประสูติด้วยเหตุผลใด ณ สถานที่ไหนครับ สำหรับการประสูติ

ของพระพุทธเจ้า ก่อนที่พระโพธิสัตว์จะจุติจากสวรรค์ชั้นดุสิต เพื่อมาบังเกิดในโลก

มนุษย์ พระองค์ก็ต้องพิจารณาความเหมาะสม 5 ประการ ที่เรียกว่า มหาวิโลกนะ 5

ประการ คือ พระองค์ทรงพิจารณา 1.กาลเวลา คือ พระพุทธเจ้าจะบังเกิดในช่วงเวลาที่

มนุษย์อายุระหว่าง 100 ปี ถึง แสนปี ถ้าน้อยกว่า หรือ มากกว่านั้น เวลานั้นพระองค์ก็ไม่

ทรงบังเกิด 2.อายุพระมารดา คือ มารดาของพระโพธิสัตว์ต้องมีอายุ เพียง 7 วันหลัง

จากที่ประสูติแล้ว 3.ตระกูล คือ พระองค์จะบังเกิดในตระกูลที่โลกสมมติว่าเป็นใหญ่ใน

ช่วงเวลานั้น คือ ตระกูลกษัตริย์ 4.ทวีป พระพุทธเจ้าย่อมจะบังเกิดในทวีปที่ประเสริฐ

คือ ชมพูทวีปเท่านั้น 5.ประเทศ พระองค์พิจารณาประเทศที่จะบังเกิด คือ มัชฌิม

ประเทศ ซึ่ง อินเดีย เป็นมัชฌิมประเทศ ในสมัยนั้น อันเป็นประเทศที่สมควรที่จะบังเกิด

ดังนั้น คำว่าอินเดีย ก็เป็นเพียงสมมติที่เรียกกันมาภายหลังในสมัยนี้ แต่ในสมัยนั้นก็

คือ ดินแดนที่เป็นประเทศอันสมควร ที่เรียกว่า มัชฌิมประเทศ อันเป็นประเทศที่เจริญ

ซึ่งประเทศไทยในสมัยนั้น ไม่ใช่ประเทศที่เจริญ ไม่ใช่ มัชฌิมประเทศ แต่เป็นปัจจันต

ชนบท อันไม่เหมาะสมที่พระพุทธเจ้าจะบังเกิดครับ

นี่คือเหตุผลที่พระโพธิสัตว์ บังเกิดที่โลกสมมติเรียกกันในสมัยนี้ว่าอินเดีย เพราะสมัยก่อนก็ไม่ได้เรียกว่าอินเดีย ก็มีแคว้นต่างๆ ในสมัยนั้นครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
paderm
วันที่ 14 พ.ย. 2554

ซึ่งในความเป็นจริงในเรื่องของนิสัยของสัตว์โลกก็แตกต่างกันไปตามการสะสม แต่

สิ่งที่สำคัญคือ ไม่ว่าจะมีอุปนิสัยอย่างไร เราไม่สามารถรู้ได้เลยว่า ใคร บุคคลใด สะสม

อะไรมามากหรือน้อย เพราะแม้บางคนจะมีนิสัยตระหนี่มาก (สมัยพุทธกาล) แต่ก็อบรม

ปัญญามาในสมัยพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ ก็ได้ฟังพระธรรม และได้บรรลุธรรมก็มี บางคน

ก็มีมานะ มาก ไม่ไหว้ บิดา มารดาเลย ไม่เคารพผู้ใหญ่ แต่เมื่อได้ฟังธรรมก็ได้บรรลุ

ธรรม บางคนก็ขี้โกรธมาก แต่ฟังธรรมก็ได้บรรลุธรรม บางคนเห็นผิด เข้าใจผิด แต่

เพราะเคยสะสมความเห็นถูกมา เมื่อฟังธรรมก็ได้บรรลุธรรมจะเห็นว่า อุปนิสัยอย่างไร

ก็ไม่เป็นเครื่องกั้นต่อการบรรลุธรรม เพราะเป็นผู้สะสมปัญญามาในอดีตแล้วครับ

นิสัยที่ไม่ดี มีได้เป็นธรรมดา ตราบเท่าที่ยังเป็นปุถุชนผู้หนาด้วยกิเลส แต่ก็สามารถอบรมปัญญา ศึกษาพระธรรมได้ และค่อยๆ เข้าใจความจริงที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงและในอนาคต กิเลสที่ยังไม่ได้ดับ ก็ยังทำให้มีอุปนิสัยที่ไม่ดีได้ แต่เพราะอบรมปัญญา

ก็สามารถบรรลุธรรม เมื่อได้ฟังพระธรรม และเมื่อบรรลุธรรม ปัญญาเกิดแล้ว อุปนิสัยที่ไม่ดีก็ค่อยๆ หายไป หายไปตามกิเลสที่ได้ดับไปนั่นเองครับ ขณะนี้อยู่ในเวลาที่ดี ได้พบพระธรรม จึงเป็นผุ้ไม่ควรประมาทในการอบรมปัญญา ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนาครับ

อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
ผิน
วันที่ 14 พ.ย. 2554

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาในกุศลวิริยะของ คุณเผดิม ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
khampan.a
วันที่ 14 พ.ย. 2554

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงอุบัติขึ้นในโลกเพื่อประโยชน์ในการอนุเคราะห์เกื้อกูลสัตว์โลกให้ได้เข้าใจธรรมตามความเป็นจริงและหลุดพ้นจากกองทุกข์ทั้งปวง ด้วยการทรงแสดงพระธรรม ซึ่งมีผู้ที่ตรัสรู้ตามพระองค์เป็นจำนวนมากมายนับไม่ถ้วน พระธรรมที่พระองค์ทรงแสดง มีประโยชน์เฉพาะสำหรับผู้ที่ได้ฟัง ได้ศึกษาพร้อมทั้งมีความเข้าใจไปตามลำดับเท่านั้น ส่วนบุคคลนอกนี้ย่อมจะไม่ได้รับประโยชน์ ความเป็นผู้สนใจที่จะศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรมให้เข้าใจนั้น เป็นเรื่องของการสะสมของแต่ละบุคคล เพราะได้สะสมศรัทธา สะสมปัญญา เห็นประโยชน์ของพระธรรม มาแล้ว จึงมีความสนใจ ที่จะฟัง ที่จะศึกษาเพื่อความเข้าใจยิ่งขึ้น ต่อไป ซึ่งจะต่างจากบุคคลผู้ที่ไม่ได้สะสมเหตุที่ดีมา เป็นผู้ไม่มีศรัทธา อย่างสิ้นเชิง ไม่ว่าจะเกิด ณ ประเทศใดก็ตาม และประการที่สำคัญ ผู้ที่ไม่สนใจศึกษาพระธรรมนั้น ไม่ได้มีเฉพาะในยุคนี้สมัยนี้เท่านั้น มีทุกยุคทุกสมัย แม้แต่ในสมัยที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังทรงพระชนม์อยู่ ทรงประกาศพระศาสนาเกื้อกูลแก่สัตว์โลก ก็มีคนจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว ที่ไม่ฟัง ไม่ศึกษา ไม่ได้รับประโยชน์จากพระธรรมที่พระองค์ทรงแสดง เพราะฉะนั้นแล้วก็ไม่ควรที่จะไปเพ่งเล็งเฉพาะคนอินเดีย (แท้ที่จริงคนก็ไม่มี มีแต่ธรรมเท่านั้นที่เกิดขึ้นเป็นไป) เนื่องจากว่าไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามที่ยังมีกิเลสอยู่ ความประพฤติที่ไม่เหมาะสมก็ย่อมมีเป็นธรรมดา รวมถึงตัวเรา ด้วย, ประโยชน์อยู่ที่การได้ฟังพระธรรม ได้ศึกษาพระธรรม อบรมเจริญปัญญา สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปตามลำดับ เพราะยุคนี้สมัยนี้พระธรรมยังดำรงอยู่ จึงควรที่จะได้ศึกษาเป็นอย่างยิ่ง ความเข้าใจพระธรรมนี้เองที่จะเป็นเครื่องขัดเกลากิเลสอกุศลธรรมทั้งหลาย จนกว่าจะดับหมดสิ้นไปในที่สุด ครับ ...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
เซจาน้อย
วันที่ 15 พ.ย. 2554

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย ...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
หลานตาจอน
วันที่ 15 พ.ย. 2554

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
ผ้าเช็ดธุลี
วันที่ 15 พ.ย. 2554

* * * -------------------------- * * *

อนุโมทนากุศลจิตที่เกิดมีทุกท่านครับ และ ขอบคุณสำหรับความรู้เพิ่มนี้นะครับ

ขออนุญาตแสดงความอีกมุมนึงนะครับ

"ผู้คนยุคนี้ หรือยุคไหน โลกนี้หรือโลกไหน ก็เป็นเรื่องราวแตกต่างกันไป ถึงแม้พระองค์

จะพิจารณาที่ประเทศไทย ก็คงไม่ต่างมั้งครับ บางคนสนใจ บางคนก็ไม่สนใจเลย++

เพราะไทยมีที่เผยแพร่พระธรรมมากมาย แต่ก็ผิดเพี้ยนไป ทำหนังสือออกมาสอน โดย

แทรกความเห็นของผู้เขียนเข้าไป ออกแบบเล่มซะสวยงาม คนที่ศึกษาเผินๆ ก็เข้าใจผิด ซึ่งพระธรรมลุ่มลึกยากเข้าใจ ด้วยมากจากพระปัญญาของพระพุทธองค์ ซึ่งเปรียบเทียบกันไม่ได้เลย ดังนั้นเรายุคนี้ก็ควรเลือกศึกษาจากหลักฐานเดียวที่มีแทนพระองค์ คือ พระไตรปิฎก ซึ่งก็ยากที่จะมีผู้ชำนาญเรื่องอรรถกถา ซึ่งลึกซึ้งมากมาย โดยสำคัญขณะนี้ผู้ศึกษาควรศึกษาจากอาจารย์ที่มีความชำนาญ ในหลายๆ ด้าน ที่มาจากการสะสม มศพ เป็นที่ที่ฝากความหวังได้กับคนศึกษาใหม่ และ เก่าครับ ไม่ได้ชมหรือยกยอ แต่เป็นการใช้เหตุผลแล้ว และศรัทธาในสถานที่ และ อาจารย์ทุกท่านครับ

แต่เราวันนี้มีความโชคดี ได้ศึกษาพระธรรมบ้าง ใช้คำว่าบ้างเน๊าะ แต่ก็อุปสรรคก็ยังมีที่่ว่าศึกษาแล้วเข้าใจมากน้อยเพียงใด ซึ่งก็ต้องทำใจ เพราะต้องเกิดจากการสะสมการศึกษาพระธรรม เพื่อความเห็นถูกเข้าใจถูก ถึงแม้จะเป็นเวลายาวนานกว่าจะเข้าใจตรงตามความเป็นจริงก้อตาม บอกกับตัวเองเสมอ * * ไม่ต้องใจร้อน อาจารย์สอนว่า

* * เหมือนจับด้ามพร้า กว่าจะสึกก็ใช้เวลา++ * *

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
JANYAPINPARD
วันที่ 15 พ.ย. 2554

ไม่มีสัตว์บุคคลตัวตน..มีแต่จิตเจตสิกรูปจึงไม่มีคนอินเดียและคนไทย..พระพุทธศาสนาที่

เผยแพร่ในประเทศไทยปัจจุบันที่ตรงตามพระธรรมมีน้อยมาก...ตามมหาวิโลกนะ 5ความ

เหมาะสมของสถานที่ ณ.เวลาหนึ่งอาจไม่เหมาะสมกับอีกเวลาหนึ่ง..เพราะทุกอย่างเป็น

อนัตตา        ในทางกลับกันถ้าพระพุทธเจ้ามาประสูติที่ประเทศไทยแต่คนไทยไม่เข้าใจในพระ

ธรรมคำสอน..ไม่น้อมประพฤติปฏิบัติตาม..แม้เป็นสถานที่ประสูติก็ไม่มีประโยชน์ต่อ

ประชาชนประเทศนั้นเช่นกัน                                        ขออนุโมทนาคะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
วิริยะ
วันที่ 15 พ.ย. 2554

เรียนถาม

จากความเห็นที่ 1 อยากทราบว่า ทำไมพระมารดาของพระโพธิสัตว์จึงต้องมีอายุเพียง 7

วันหลังจากที่พระโพธิสัตว์ประสูติ

ขอบพระคุณอย่างสูง

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
nong
วันที่ 15 พ.ย. 2554

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
paderm
วันที่ 16 พ.ย. 2554

เรียนความเห็นที่ 9 ครับ

เหตุที่พระมารดาของพระโพธิสัตว์ต้องมีอายุ เพียง 7 วันหลังประสูติพระโพธิสัตว์ เพราะ

สัตว์อื่น ไม่ควรจะมาเกิดร่วมกับพระครรภ์เดียวกับพระโพธิสัตว์      ดังนั้นมารดาของพระ

โพธิสัตว์ จึงต้องสิ้นชีวิต หลังประสูติพระโพธิสัตว์ได้ 7 วันครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
ผู้ร่วมเดินทาง
วันที่ 16 พ.ย. 2554

ขอบพระคุณและขออนุโมนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
jaturong
วันที่ 16 พ.ย. 2554

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
j.jim
วันที่ 16 พ.ย. 2554

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
Graabphra
วันที่ 18 พ.ย. 2554

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 16  
 
สมศรี
วันที่ 18 พ.ย. 2554
ขอบพระคุณและอนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 17  
 
Jans
วันที่ 20 พ.ย. 2554

ขอบคุณ และขออนุโมทนาคะ

 
  ความคิดเห็นที่ 18  
 
orawan.c
วันที่ 21 พ.ย. 2554
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ