การบรรลุธรรม

 
วิริยะ
วันที่  12 ต.ค. 2554
หมายเลข  19892
อ่าน  3,889

เรียนถาม

อยากทราบว่า บุคคลในอดีต สมัยที่พระพุทธเจ้ายังมีพระชมม์ชีพอยู่ เมื่อได้มีโอกาสฟังธรรมจากพระพุทธองค์ บางท่านฟังเพียงครั้งเดียวก็บรรลุธรรมเป็นพระอริยบุคคล มีเหตุผลอะไร และอย่างไร ขอความกรุณาอธิบายด้วยค่ะ

ขอบพระคุณอย่างสูง


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 12 ต.ค. 2554

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

ฝนตก ลง ภาชนะ มี ตุ่ม เป็นต้น เมื่อฝนเริ่มตก ตุ่มจึงค่อยๆ กักเก็บน้ำทีละน้อย เพียงฝนตกครั้งแรก ปริมาณน้ำน้อย ยังไม่มาก เพียงก้นตุ่ม แต่เมื่อฝนตกบ่อยๆ หลายๆ ครั้ง และใช้เวลาที่ยาวนาน น้ำก็เกือบเต็มตุ่ม มีปริมาณมาก และเมื่อฝนตกครั้งสุดท้าย เพียงตกไม่นาน น้ำก็ล้นจากตุ่มได้ เพราะ ปริมาณน้ำ เกือบเต็มตุ่มอยู่แล้ว ไมได้หมายความว่า อยู่ดีๆ ฝนตกครั้งสุดท้ายจะทำให้น้ำเต็มตุ่มทันที หากตุ่มว่างเปล่า แต่แสดงว่า ตุ่มได้มีการสะสมน้ำทีละน้อยมาแล้ว จากฝนที่ตกครั้งก่อนๆ อย่างยาวนาน จนถึงการตกของฝนครั้งนี้จึงทำให้น้ำเต็มตุ่ม เพียงครั้งเดียว ฉันใด การบรรลุธรรมของบุคคลในสมัยพุทธกาล บางท่านท่านฟังเพียงครั้งเดียวก็บรรลุธรรม ดูเหมือนง่าย แต่ในความเป็นจริง บุคคลเหล่านั้นก็ต้องอาศัยการอบรมปัญญา มายาวนาน นับชาติไม่ถ้วน หากได้อ่านอดีตชาติของอริยสาวกต่างๆ เช่น ท่านอบรมมา แสนกัปกว่าจะบรรลุ ไม่ใช่เวลาเล็กน้อยเลยครับ เพราะอาศัยการอบรมปัญญามายาวนาน เปรียบเหมือนเริ่มจากปัญญาน้อย น้ำมีน้อยในตุ่ม เพียงก้นตุ่ม แต่ก็ค่อยๆ สะสมปัญญา สะสมปริมาณน้ำฝนลงตุ่ม อย่างยาวนาน ได้พบบัณฑิต และพบพระพุทธเจ้าในอดีตมากมาย ค่อยๆ สะสมปัญญามาในอดีตชาติ จนในชาติปัจจุบัน น้ำใกล้เต็มตุ่ม คือ ปัญญาพร้อมที่จะได้ตรัสรู้แล้ว เพราะสะสมปัญญามามากพอแล้ว ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
paderm
วันที่ 12 ต.ค. 2554

ซึ่งเราก็จะได้ยินคำว่า อินทรีย์แก่กล้า พระพุทธเจ้าก็แสดงธรรม กับผู้ที่อินทรีย์แก่กล้าแล้ว บรรลุธรรมเมื่อได้ฟังพระธรรม คำว่า อินทรีย์ หมายถึง สัทธินทรีย์ (ศรัทธา) สตินทรีย์ (สติ) วิริยินทรีย์ (วิริยะ) สมาธินทรีย์ (สมาธิ) ปัญญินทรีย์ (ปัญญา) คือ อบรมคุณธรรม คือศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญามามากแล้วในอดีต จนมีอินทรีย์แก่กล้า ปัญญาแก่กล้าพร้อมที่จะบรรลุในชาตินั้น เมื่อได้ฟังพระธรรมจึงบรรลุครับ ดังนั้นทุกอย่าง ไม่ว่าสิ่งใดจะต้องมีเหตุ การบรรลุธรรมเพียงได้ฟังพระธรรมเพียงครั้งเดียวก็มีเหตุ ตามที่กล่าวมา คือ อบรมปัญญา อบรมอินทรีย์และคุณธรรมต่างๆ มาอย่างยาวนาน ถ้าไม่ได้อบรมอินทรีย์ มีปัญญา เป็นต้นมาเลย จะไม่สามารถบรรลุได้เลย แต่เพราะอบรมมาอย่างยาวนาน แสนกัปบ้าง จนชาติสุดท้ายจึงบรรลุได้รวดเร็วคัรบ เพราะน้ำจะเต็มตุ่มแล้วนั่นเอง น้ำเต็มตุ่ม จึงเปรียบเหมือนการบรรลุธรรม ปริมาณน้ำ เปรียบเหมือนปริมาณปัญญา น้ำเพียงก้นตุ่มเปรียบเหมือน ปัญญาที่เพิ่งเริ่มสะสมในอดีตชาติอันแสนนานครับ

พระอริยสาวกทั้งหลาย ท่านก็เริ่มจากความไม่รู้และค่อยๆ รู้ขึ้น ก็ด้วยอาศัยการฟังพระธรรมอย่างยาวนาน จนในที่สุดท่านก็บรรลุได้ ความเข้าใจทีละน้อย จึงประเสริฐและเกื้อกูลต่อการบรรลุธรรม สำคัญคือ การฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมต่อไป เพราะเป็นเรื่อง จิรกาลภาวนา การอบรมปัญญาอย่างยาวนานครับ

ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนา

อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
วิริยะ
วันที่ 12 ต.ค. 2554

ขอบพระคุณความเห็นที่ 1 และ 2 ค่ะ

ที่ท่านได้กรุณาอธิบายด้วยการเปรียบเทียบเพื่อให้เห็นภาพและเกิดความเข้าใจ

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
khampan.a
วันที่ 12 ต.ค. 2554

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ท่านพระอัญญาโกณฑัญญะ ได้ฟังพระธรรมที่ทรงแสดงโดยพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นครั้งแรก คือ ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร ทำให้ท่านได้บรรลุเป็นพระโสดาบัน, ท่านพระสารีบุตรเถระ เมื่อครั้งที่ยังเป็นอุปติสสปริพาชก ได้ฟังธรรมจากท่านพระอัสสชิ (หนึ่งในภิกษุปัญจวัคคีย์) ได้บรรลุเป็นพระโสดาบัน ท่านพระพาหิยทารุจีริยะ ได้ฟังพระธรรมจากพระสัมมาสัมพุทเจ้า ด้วยธรรมเพียงสั้นๆ ทำให้ท่านได้ตรัสรู้อย่างเร็วพลันสำเร็จเป็นพระอรหันต์ เป็นต้น จะมองเพียงชาตินั้นไม่ได้ เพราะก่อนที่ท่านจะมีวันดังกล่าว คือ วันที่ได้รู้แจ้งอริยสัจจธรรม เมื่อย้อนกลับไปในชาติก่อนๆ ท่านเหล่านั้น ล้วนเป็นผู้ได้สะสมอบรมเจริญปัญญา ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม จากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ก่อนๆ มาแล้วทั้งนั้น "ก่อนจะมีวันนั้นได้ ก็ต้องมีวันนี้ คือ วันที่มีการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม สะสมความเข้าใจถูก เห็นถูกไปตามลำดับ"

จะเห็นได้ว่าพระอริยบุคคลทั้งหลายในอดีต ก่อนที่ท่านเหล่านั้นจะได้รู้แจ้งอริยสัจจ-ธรรมถึงความเป็นพระอริยบุคคลได้นั้น ก็จะต้องเป็นผู้ได้สะสมอุปนิสัยที่ดี ได้สดับตรับฟังพระธรรมจากพระพุทธเจ้าพระองค์ก่อนๆ สะสมปัญญามาเป็นเวลาอันยาวนานด้วยกันทั้งนั้น ดังข้อความเตือนสติ ที่สรุปได้จากคำบรรยายของท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ตอนหนึ่ง มีว่า "ไม่มีใครฟังพระธรรมเพียงครั้งเดียวแล้วจะรู้ธรรมได้ในทันทีทันใด พระอริยบุคคลทั้งหลายในอดีต ล้วนเป็นผู้สะสมเหตุที่ดี คือ สะสมการฟังพระธรรม เป็นผู้สดับตรับฟังพระธรรม มามาก ทั้งนั้น" [อ้างอิงจาก .... ปันธรรม-ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๑๙ ] ข้อความนี้ ก็เป็นเครื่องเตือนใจที่ดี สำหรับผู้ที่มีโอกาสได้ฟังได้ศึกษาพระธรรม โดยเป็นผู้เห็นประโยชน์ของพระธรรม ว่า ไม่ควรที่จะท้อถอย ยิ่งยากก็ยิ่งจะต้องศึกษา เพราะปัญญาไม่สามารถจะเจริญขึ้นได้ภายในระยะเวลาอันสั้น ต้องค่อยๆ ฟังค่อยๆ ศึกษาไปตามลำดับ เพียงแค่วันนี้ พรุ่งนี้ หรือ ชาตินี้ ยังไม่พอ ต้องสะสมความเข้าใจต่อไปอีกเป็นเวลาอันยาวนาน ซึ่งมีข้ออุปมาเหมือนการจับด้ามมีด เมื่อจับบ่อยๆ นานๆ รอยสึกย่อมปรากฏได้ ปัญญาก็เช่นกัน ต้องอาศัยกาลเวลาอันยาวนานในการสะสม ในการอบรม จึงจะเจริญขึ้นได้ โดยที่ไม่ขาดการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม สะสมปัญญาต่อไป ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
nong
วันที่ 12 ต.ค. 2554

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
j.jim
วันที่ 12 ต.ค. 2554

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
เมตตา
วันที่ 13 ต.ค. 2554

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาในกุศลจิต อ.คำปั่น และ อ.ผเดิม ด้วยค่ะ...

ขอเชิญคลิกอ่านเพิ่มเติมได้ที่...

เหตุที่สมควรแก่การบรรลุธรรม

แม้มีพระอรหันต์อยู่ใกล้ๆ ก็ไม่สามรถบรรลุธรรมได้

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่าค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
jaturong
วันที่ 13 ต.ค. 2554

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
wannee.s
วันที่ 13 ต.ค. 2554

ในพระไตรปิฏกมีแสดงไว้ หลายท่าน เช่น ท่านยสะกุลบุตร ท่านเป็นลูกเศรษฐี วันหนึ่งเกิดเบื่อหน่าย เปล่งอุทานว่า ที่นี่วุ่นวายหนอ พระพุทธเจ้าก็ทรงตรัสกับท่านยสะกุลบุตรว่า ที่นี่ไม่วุ่นวาย ท่านได้ฟังธรรมจากพระพุทธเจ้าได้บรรลุพระโสดาบัน และได้ฟังธรรมอีกครั้งหนึ้่งก็ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ เพราะท่านได้สะสมบุญบารมีมาแล้วแต่อดีตชาตินับชาติไม่ถ้้วนค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
pat_jesty
วันที่ 13 ต.ค. 2554

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
วิริยะ
วันที่ 16 ต.ค. 2554

เรียนถาม

บุคคลในอดีต ท่านมีความรู้ทางอภิธรรม โดยการฟังธรรมจากพระพุทธเจ้าใช่หรือไม่ ดิฉันพยายามจะหาแนวทาง และหาเหตุผลในการโน้มน้าว ให้เพื่อนเริ่มจากการศึกษาพระอภิธรรม แต่เพื่อนของดิฉัน แยกปฏิบัติ และ ปริยัติ ออกจากกัน และบอกว่า แล้วแต่จริตของแต่ละคนที่จะไปในทางใดแต่ทางไหน ก็เป็นการขัดเกลากิเลสด้วยกันทั้งสิ้น เพื่อนบอกว่า เค้าถนัดนั่งสมาธิ แต่ดิฉันถนัดศึกษาปริยัติ เป็นปัญญาวิมุตติ ดิฉันก็เข้าไปค้นเพื่อให้แน่ใจว่า ปัญญาวิมุตติคือเช่นไร อ่านดูแล้ว ก็เข้าใจว่า จะใช้คำนี้ได้ ก็แต่พระอริยบุคคลเท่านั้น ไม่ทราบเข้าใจผิดหรือไม่

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
prachern.s
วันที่ 16 ต.ค. 2554

เรียนความเห็นที่ ๑๑ ผู้ที่บรรลุเป็นพระอริยบุคคลในสมัยครั้งพุทธกาล ในอดีตชาติท่านย่อมผ่านการสะสมการศึกษาพระธรรมโดยละเอียดด้วยเช่นกัน พระธรรมส่วนละเอียดก็คือพระอภิธรรมดังนั้น ในอดีตถ้าขาดการสะสมการฟังอย่างละเอียด ชาตินี้ก็บรรลุไม่ได้ครับ ส่วนคำว่า" ปัญญาวิมุตติ" หมายถึงพระอริยบุคคลเท่านั้นครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
orawan.c
วันที่ 23 ต.ค. 2554

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
chatchai.k
วันที่ 23 ส.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ