มโนมยิทธิ

 
วิริยะ
วันที่  10 ส.ค. 2554
หมายเลข  18913
อ่าน  3,220

มโนมยิทธิ แปลว่าอะไร


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 10 ส.ค. 2554

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัยพระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย พุทธวงศ์ เล่ม ๙ ภาค ๒ - หน้าที่ 90

ฤทธิ์ที่มาโดยนัยนี้ว่า ภิกษุในพระศาสนานี้เนรมิตกายอื่นนอกจากกาย

นี้ มีรูป สำเร็จด้วยใจ มีอวัยวะน้อยใหญ่ครบถ้วน มีอินทรีย์ไม่บกพร่อง

เป็นต้น ชื่อว่า มโนมยาอิทธิ [มโนมยิทธิ] เพราะเป็นไปโดยสำเร็จแห่ง

สรีระที่สำเร็จมาแต่ใจ อันอื่น ในภายในสรีระนั่นเอง.

------------------------------------------------------------------

มโนมยิทธิญาณ คือ ปัญญทำให้เกิดฤทธิ์ที่สำเร็จด้วยใจ สามารถนิรมิตกายอื่นขึ้นนอกจากกายนี้ ให้เหมือนกับกายที่เป็นอยู่เป็นต้น ดังอุปมาเรื่องงู กับคราบของงู

เป็นต้น ซึ่งเป็นหนึ่งในวิชชา ๘ ของผู้สำเร็จเฌานขั้นสูงสุด ชำนาญ จนคล่องแคล่ว

ดังนั้นผู้ที่จะมีฤทธิ์ดังกล่าวนี้ได้ ต้องเจริญฌานทั้งรูปฌานและอรูปฌานและ มีความ

ชำนาญมากครับ และก็เนรมิตรูปอื่น ด้วยใจที่ออกจากฌานสูงสุด รูปนั้นก็เหมือนกับรูป

ที่คิดไว้และเหมือนกับรูปของตนทุกประการ เป็นต้นครับ เพราะฉะนั้นจึงเป็นเรื่องของ

ปัญญาระดับสูงที่อบรมฌานจนถึงขั้นสูงสุดที่สำคัญ ยังไม่เข้าใจเรื่องฌาน ไม่ได้เห็น

โทษของกิเลสในชีวิตประจำวัน แต่กับมีความต้องการฤทธิ์ด้วยโลภะ ดังนั้นโลภะจึง

ไม่ใช่หนทางไปสู่การเจริญสมถภาวนาเลยครับ จึงเป็นเรื่องของปัญญาตั้งแต่ต้นเพราะ

ฉะนั้นจึงไม่ใช่ใคร บุคคลใดที่จะไปทำมโนมยิทธิได้แบบง่ายๆ ครับ และมโนมยิทธิก็

ไม่ใช่หนทางดับกิเลสครับ ขออนุโมทนา

อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
วิริยะ
วันที่ 10 ส.ค. 2554
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
khampan.a
วันที่ 10 ส.ค. 2554

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น เรื่องของฤทธิ์ทางใจ (มโนมยิทธิ) เป็นผลของการอบรมฌานจนถึงความชำนาญคล่องแคล่ว และไม่ใช่เป็นเรื่องง่าย เป็นสิ่งที่ยากมาก แต่ประการสำคัญที่ควรพิจารณา คือ ไม่ใช่หนทางที่เป็นไปเพื่อการดับกิเลส หนทางที่เป็นไปเพื่อการดับกิเลสมีทางเดียวเท่านั้น คือ การอบรมเจริญปัญญา อบรมเจริญมรรคมีองค์ ๘

(สติปัฏฐาน) อันเป็นหนทางที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า และพระอริยสาวกทั้งหลาย ดำเนินมาแล้ว
ศึกษาพระธรรมให้เข้าใจตั้งแต่เบื้องต้น เป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะเป็นการเริ่มต้นด้วย
คามเข้าใจที่ถูกต้อง สิ่งที่สามารถศึกษาและเข้าใจได้ในชีวิตประจำวัน คือ สภาพธรรมที่กำลังมีกำลังปรากฏในขณะนี้ ที่จะต้องฟังบ่อยๆ เนืองๆ เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องจริงๆ เรื่องปกติธรรมดาๆ ในชีวิตประจำวัน แต่รู้ได้ยาก เพราะเหตุว่าสะสมความไม่รู้มาอย่างเนิ่นนาน ซึ่งจะต้องมีความอดทนพร้อมทั้งมีความเพียรที่จะฟังพระธรรมต่อไป

การฟังพระธรรมศึกษาพระธรรม อบรมเจริญปัญญาตลอดชาตินี้ [และในชาติต่อๆ ไปด้วย] จุดประสงค์ก็เพียงเพื่อการเข้าใจสภาพธรรมที่เป็นนามธรรมและรูปธรรม ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตน ตามความเป็นจริง เพราะเหตุว่า ไม่ว่าจะอยู่ ณ ที่ใดก็ตาม ภพใดก็ตาม ก็เป็นการเกิดขึ้นของนามธรรมและรูปธรรม แต่ละขณะเท่านั้นจริงๆ และที่สำคัญเวลาฟังธรรม ฟังในเรื่องของนามธรรมและรูปธรรม ก็คือฟังเรื่องของสภาพธรรมที่เคยยึดถือว่าเป็นตัวตน ให้รู้ให้เข้าใจว่าแท้ที่จริงแล้ว ก็เป็นลักษณะของนามธรรมและลักษณะของรูปธรรม แต่ละอย่างๆ เท่านั้นจริงๆ เพื่อละคลายความเห็นผิด และความไม่รู้ต่อไป ครับ. ...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
paew_int
วันที่ 11 ส.ค. 2554
ขออนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
acoustic_sx
วันที่ 11 เม.ย. 2558

สาธุ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ