ขอนิทานเรื่อง โทษของการลักหรือขโมยทรัพย์ ค่ะ

 
Mind
วันที่  6 ส.ค. 2554
หมายเลข  18878
อ่าน  13,000

พอดีจะนำไปทำรายงาน คุ้นๆ ว่าเคยอ่านที่ไหน แต่จำชื่อและเนื้อเรื่องไม่ได้แล้ว

ประมาณว่า ลักหรือขโมยทรัพย์เขาแล้ว ตายไปเกิดเป็นทาสของคนๆ นั้น หลายร้อย

ชาติ ชาติสุดท้ายเกิดเป็นลา หรืออะไรสักอย่าง แล้วมีคนที่มาขโมยทรัพย์ใช้ล่าตัวนี้

ขนเงินทองไป ก่อนสิ้นใจตาย ลาตัวนี้ หัวเราะแล้วร้องไห้ ก่อนจะตายนะค่ะ ที่หัวเราะ

เพราะว่าเป็นชาติสุดท้ายของเขา แต่ร้องไห้ (จำไม่ได้) จึงอยากได้ข้อมูลหน่อยค่ะ ทั้ง

ชื่อเรื่อง ที่มา หรือแหล่งค้นหาเพิ่มเติมก็ได้ ขอความกรุณา ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ...


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 6 ส.ค. 2554

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย จากเรื่องที่คุณกล่าวมานั้น ที่เป็นลา หัวเราะ และร้องไห้ และขโมยทรัพย์ไม่มีเรื่องนี้

ในชาดกในส่วนของพระไตรปิฎกครับ มีแต่เรื่องที่ แพะตัวหนึ่ง ถูกจับจะเอาไปฆ่าเพื่อ

ที่จะได้อุทิศกุศลให้กับญาติที่ล่วงลับไปแล้ว แพะตัวนั้นระลึกถึงอดีตชาติและกรรมที่ตัว

เองทำไว้ได้ในอดีต รู้ว่าชาตินี้จะถูกฆ่า ตัดศีรษะ เป็นชาติสุดท้าย คือ ชาติที่ห้าร้อย ซึ่ง

ถูกฆ่ามาแล้ว 499 ชาติ พอรู้ว่าเป็นชาติสุดท้ายที่จะถูกฆ่าแบบนี้ก็ดีใจ หัวเราะลั่น แต่

เมื่อระลึกถึงพราหมณ์อาจารย์ที่จับตนเองมาเพื่อจะฆ่าและจะต้องถูกฆ่าอย่างตนอีก 500

ชาติ ก็สงสารพราหมณ์นั้นที่จะทำบาปใหม่และต้องเป็นเหมือนอย่างตน จึงสงสารและ

ร้องไห้ หลังจากหัวเราะเสร็จไม่นานครับ ลูกศิษย์จึงถามแพะตัวนั้นว่า ท่านหัวเราะและก็

ร้องไห้อีกทำไม แพะก็บอกว่า เราจะบอกต่อหน้าอาจารย์ของท่าน พอพาไปที่ต่อหน้า

พราหมณ์ผู้เป็นอาจารย์ ก็บอกเหตุผลว่าที่เราหัวเราะเพราะเราจะถูกฆ่าพ้นจากกรรมนี้

เป็นครั้งสุดท้าย แต่ที่เราร้องไห้เพราะสงสารตัวท่านที่จะมาทำบาปเหมือนเราละต้องรับ

บาปคือถูกฆ่าเหมือนเรา เพราะในอดีต เราเป็นพราหมณ์อาจารย์เหมือนท่านและจับแพะ

มาฆ่าดังเช่นท่านนั่นเอง ดังนั้นเราจึงสงสารท่านจึงร้องไห้ ซึ่งพราหม์อาจารย์รู้เหตุผล

ดังนี้ก็ไม่ฆ่าแพะ และก็บอกว่าจะรักษาชีวิตแพะ แต่แพะก็มั่นคงในกรรม แล้วก็กล่าวว่า

วันนี้เราต้องตาย จะรักษาเราอย่างไรก็ตามเพราะต้องเป็นไปตามกรรม เมื่อแพะตัวนี้จะ

ทานหญ้าที่ใกล้ก้อนหิน ฟ้าก็ผ่าลงที่ก้อนหิน สะเก็ดหินก็บาดคอแพะตายทันทีครับ ดัง

นั้นเรื่องที่ผมเล่ามาจะเป็นทำนองนี้ครับ

ส่วนเรื่องของโทษในการขโมยเพราะอาศัยความโลภ ในชาดกก็มีแสดงไว้บ้างครับ

ซึ่งจะขอเล่าเพื่อเป็นประโยชน์กับผู้ถามที่ต้องการเรื่องนิทาน ชาดกในเรื่องโทษของ

การขโมยครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
paderm
วันที่ 6 ส.ค. 2554

กโปตกชาดก

พระพุทธเจ้าทรงตรัสเรื่องนี้ ปรารภถึงภิกษุรูปหนึ่งที่มีความโลภ พระองค์จึงแสดง

ชาดกเรื่องนี้ว่าเมื่อก่อนท่านเป็นนกที่โลภ ขโมยอาหารก็ถึงการสิ้นชีวิต จึงตรัสเล่าว่า

พระโพธิสัตว์เกิดเป็นนกพิราบ อาศัยอยู่ในกรงนกในโรงครัวของเศรษฐี ในเมือง

พาราณาสี สมัยนั้นมีกา ผู้มักโลภ เห็นอาหารของมนุษย์อยากจะกิน จึงทำมาตีสนิทกับ

พระโพธิสัตว์ และอาศัยอยู่ในกรงอีกกรงหนึ่งใกล้ๆ พระโพธิสัตว์

วันหนึ่ง ที่โรงครัวมีเนื้อปลามากมาย เจ้ากาอยากจะกินเนื้อปลานั้น ก็แกล้งทำเป็นป่วย

นอนซมอยู่ พระโพธิสัตว์เรียกกา บอกว่าเราออกไปหากินข้างนอกกันเถอะ ซึ่งปกติ กา

และพระโพธิสัตว์ก็ออกไปหาอาหารข้างนอกไม่มีการกินในโรงครัวเลย แต่เจ้ากาก็ตอบ

ว่าเรามึนเมาอาหาร อาหารไม่ย่อย ท่านไปเถอะ พอพระโพธิสัตว์บินไปแล้ว จึงคิดจะ

ขโมยปลา จึงบินไปที่เนื้อปลานั้น เกิดเสียงดังในภาชนะ พ่อครัวเห็นพอดี จึงจับเจ้ากา

ถอนขนทั้งหมด และก็ทาด้วยเครื่องเทศและขิงสดที่แสบร้อนและเอาชิ้นกระเบื้องผูกคอ

และจับไปที่กรงอีก พระโพธิสัตว์บินกลับมาจึงทำการเยาะเย้ยและตอนหลังได้กล่าว

เตือนว่าไม่ควรทำอย่างนี้ สุดท้าย กานั้นก็สิ้นใจเพราะผลของการกระทำของตนคือการ

ขโมยเนื้อปลานั่นเองครับ

จากชาดกเรื่องนี้แสดงให้เห็นโทษของความโลภ จึงทำให้มีการทำการลักขโมยและ

โทษของการลักขโมย ก็มีทั้งในปัจจุบันชาติ มีการถูกจองจำ ทำร้ายและถูกประหาร สิ้น

ชีวิตได้ ดังเช่น กาตัวนี้ครับ

เชิญคลิกอ่าน ดาวโหลดเรื่องราวในชาดกโดยตรงที่ลิ้งนี้ครับ

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เอกนิบาตชาดก เล่ม ๓ ภาค ๒ - หน้าที่ 16

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
paderm
วันที่ 6 ส.ค. 2554

อีกเรื่องหนึ่ง คือ ปุปผรัตตชาดก

มีสามี ภรรยาคู่หนึ่ง เมื่องานมหรสพ จัดขึ้น ผู้คนก็ออกไปเที่ยวมากมาย เขาก็เอาผ้าที่

เขามี ซึ่งผ้าเก่่าสีขาว ออกมาซักและฟาด แต่ผ้าก็ได้แตกยับ เป็นริ้วรอยมากมาย สามี

ภรรยาที่เป็นคนจนนั้น ฝ่ายภรรยาก็บอกว่าฉันอยากได้ ผ้าย้อมดอกคำ นุ่งห่ม สามีกล่าว

ว่าเราเป็นคนจนจะได้มาได้อย่างไร เรานุ่งผ้าขาวของเราเถิด แต่ภรรยาไม่ยอมจึงกล่าว

กับเขาว่า ถ้าเช่นนั้นท่านก็ไปเที่ยวกับหญิงอื่นเถิด สามีบอกว่าทำไมเธอคาดคั้นเราจัง

เราจะได้ผ้าย้อมดอกคำจากที่ไหน ภรรยาจึงกล่าวว่า ในสวนของพระราชา มีดอกคำมิ

ใช่หรือ สามีบอกว่า เขามีการป้องกันแข็งแรงจะเอามาได้อย่างไร ภรรยาจึงแนะโดยให้

ไปตอนกลางคืนโดยการขโมย สามีทนการรบเร้าของนางไม่ไหว จึงแอบไปขโมยที่

สวนดอกคำของพระราชา แต่คนเห็นและร้องว่าขโมย ถูกจับได้ จึงถูกจับเสียบหลาว นี่

คือโทษในปัจจุบันของการขโมยครับ

เชิญคลิกอ่าน ดาวโหลดเรื่องราวในชาดกโดยตรงที่ลิ้งนี้ครับ

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เอกนิบาตชาดก เล่ม ๓ ภาค ๒ - หน้าที่ 587

--------------------------------------------------------------------

โทษของการลักขโมยที่เป็นอทินนาทานในพระไตรปิฎกก็แสดงว่า ทำให้เกิดโทษใน

ปัจจุบัน ตามที่กล่าวมาแล้วและโทษในสัมปรายภพ คือ ภพหน้าด้วย คือ เมื่อมีการทำ

อกุศลกรรม การขโมยทีเป็นอทินนาทานเกิดขึ้น เมื่อกรรมนี้ให้ผล ตายไปย่อมทำให้ตก

นรก และวิบาก คือผลของกรรมอย่างเบา เมื่อกลับมาเกิดเป็นมนุษย์ โภคทรัพย์ ทรัพย์

สมบัติก็ย่อมพินาศเพราะอาศัยกรรมคือการลักขโมยครับ ดังนั้นอกุศลธรรมจึงนำมาซึ่ง

สิ่งที่ไม่ดีกับตนเองทั้งในปัจจุบันและในโลกหน้าครับ

พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย อัฏฐกนิบาต เล่ม ๓๗ - หน้าที่ ๔๙๕

๑๐. สัพพลหุสสูตร

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อทินนาทานอันบุคคลเสพแล้ว เจริญแล้วกระทำให้มากแล้ว ย่อมยังสัตว์ให้เป็นไปในนรก ในกำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน ในเปรตวิสัย วิบากแห่งอทินนาทานอย่างเบาที่สุด ย่อมยังความพินาศแห่งโภคะให้เป็นไปแก่ผู้มาเกิดเป็นมนุษย์.

---------------------------------------------------------------------------

จึงควรเห็นโทษของอกุศลกรรมตามกำลังปัญญาและอาศัยการฟังพระธรรม เมื่อ

ปัญญาเจริญขึ้น ก็จะเห็นโทษของอกุศลมากขึ้น การทำบาปก็น้อยลงตามกำลังของ

ปัญญานั่นเองครับ ขออนุโมทนา

อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
khampan.a
วันที่ 6 ส.ค. 2554

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น พระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดง ไม่ว่าจะเป็นพระสูตร รวมถึง ชาดกต่างๆ ,พระวินัย พระอภิธรรม ล้วนเป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูลสำหรับผู้ที่ได้ศึกษาเป็นอย่างยิ่ง ตามกำลังความเข้าใจของแต่ละบุคคล เป็นความจริงที่ว่า ถ้ายังไม่รู้แจ้งอริยสัจจธรรมถึงความเป็นพระอริยบุคคล ก็ย่อมมีโอกาสที่จะเกิดในอบายภูมิได้ ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม เพราะเหตุว่าโลภะ โทสะ โมหะ ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ วันหนึ่งๆ มีมากมายเหลือเกิน นี้แหละที่จะเป็นเชื้อที่จะนำไปสู่อบายภูมิได้ เพราะเหตุว่าถ้าอกุศลจิตนั้นมีกำลังมากขึ้นทำให้กระทำอกุศลกรรม ประการต่างๆ ก็ย่อมจะเป็นเหตุให้เกิดในอบายภูมิได้ ซึ่งจะเป็นผู้ประมาทไม่ได้เลยทีเดียว และเป็นที่น่าพิจารณาทีเดียวว่า อกุศลกรรมทั้งหลาย น่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง เป็นกรรมที่ให้ผลเผ็ดร้อน นำมาซึ่งความทุกข์ความเดือดร้อนมากมาย เมื่อเป็นเช่นนี้ บุคคลผู้มีปัญญาท่านจึงเห็นโทษของกุศล พร้อมทั้งเห็นโทษของวัฏฏะอันน่ากลัวนี้ ว่า เป็นทุกข์ ไม่น่ายินดี ควรอย่างยิ่งที่จะออกไปจากวัฏฏะ แล้วจะออกไปจากวัฏฏะได้อย่างไร? ต้องด้วยปัญญาเท่านั้นจริงๆ พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงตรัสรู้และทรงแสดงพระธรรมเกื้อกูลแก่สัตว์โลก เพื่อช่วยให้สัตว์ทั้งหลายพ้นจากกองทุกข์ นี้ ดังนั้น ผู้ที่ศึกษา มีความเข้าใจและน้อมประพฤติตามพระธรรมคำสอน ย่อมจะพ้นจากทุกข์ คือ พ้นจากกรรมและการได้รับผลของกรรมทั้งปวงได้ ในที่สุด ครับ. ...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
Mind
วันที่ 6 ส.ค. 2554

ขออนุโมทนา สาธุการ

ขอบคุณค่ะ....

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
wannee.s
วันที่ 7 ส.ค. 2554

ในพระไตรปิฏกมีแสดงไว้ พระนางสามาวดีให้สาวใช้ชื่อนางขุชชุตตรา ไปซื้อดอกไม้

มาสักการะบูชาพระรัตนตรัย นางขุชชุตตราก็ยักยอกเงินค่าดอกไม้ทุกวัน ซื้อครึ่งหนึ่ง

ยักยอกครึ่งหนึ่ง ภายหลังได้ฟังธรรมจากพระพุทธเจ้า และ ได้บรรลุเป็นพระโสดาบัน

ก็ไม่ยักยอกเงิน เอาเงินซื้อดอกไม้ทั้งหมดเลยค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ