ทำไม พุทธศาสนา มี ๒ นิกาย

 
ผ้าเช็ดธุลี
วันที่  2 ส.ค. 2554
หมายเลข  18848
อ่าน  8,599

กราบรบกวนสอบถามครับ

เนื่องด้วยหลังจากพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า เสด็จดับขันธปรินิพพาน จึงมีเรื่องการ

สังคายนา พระไตรปิฎก ที่มีพระอรหันต์ ๕๐๐ องค์ ทำกันในถ้ำสัตบรรณพต

แล้วภิกษุที่เหลืออยู่นอกถ้ำ ก็ทำสังคายนาอีกส่วน (อ้างถึงพระไตรปิฎกฉบับ

ประชาชน)

ความจริงแล้ว ผู้ศึกษาใหม่ควรทราบ และ ทำความเข้าใจอย่างไรบ้างครับ

๑ ทำไมต้องมีสองนิกาย

๒ สองนิกาย แตกต่างกันอย่างไร หรือ แตกต่างกันที่คำสอน

เพราะพระวัดป่า ใช้จีวรสีเข้มๆ พระวัดบ้านใช้จีวรสีเหลืองทอง (นี่เป็นที่มาของการถาม

ครับ) กราบของพระคุณอย่างสูงครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 2 ส.ค. 2554

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย ในความเป็นจริง ตั้งแต่สมัยพุทธกาล ก็เริ่มมีการแตกแยกกัน แบ่งเป็นนิกายต่างๆ อัน

เริ่มจาก เมื่อคราวทำสังคายนาครั้งที่ 1 พระมหากัสสปะ ทำสังคายนา พระปุราณะที่ไม่

เข้าใจคำสอน กับบริวาร 500 ไม่รับการทำสังคายนาครั้งนี้ อันมีความเข้าใจผิดในพระ

ธรรม จึงเริ่มมีการแตกแยกตั้งแต่การทำสังคายนาครั้งนี้ การแตกแยกทีเป็นนิกายต่างๆ

จึงเกิดจากกิเลส ความไม่รู้ ความเข้าใจผิดในพระธรรม จึงทำให้มีการแยกไประหว่าง

ความเห็นถูกและความเห็นผิดเป็นธรรมดาครับ น้ำกับน้ำมันย่อมแยกจากกันเป็นธรรมดา

เมื่อมีการทำสังคายนารั้งที่ 2 ก็มีการแยกออกเป็นนิกายต่างๆ แยกจากเถรวาทออกไป

อันถือมติส่วนใหญ่ และก็แตกแยกออกไปอีก เป็น 18 นิกายครับ

เชิญคลิกอ่านที่นี่ครับ... นิกายต่างๆ หลังพระพุทธเจ้าปรินิพพาน [กถาวัตถุ]

จะเห็นว่าเพราะความเข้าใจพระธรรมผิด ความไม่เคารพในพระพุทธ ไม่เคารพในพระ

สงฆ์ ไม่เคารพในคำสอน คือการศึกษาไม่ละเอียดและไม่เคารพในเพื่อนพรหมจรรย์ก็ทำ

ให้เกิดการแตกแยกออกไปตามการสะสมมานั่นเองครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
paderm
วันที่ 2 ส.ค. 2554

และจากคำถามที่ว่า

๑ ทำไมต้องมีสองนิกาย?

ก็เพราะสัตว์โลกย่อมคบกันโดยธาตุตามการสะสม ตามอุปนิสัย ผุ้ที่เคร่งครัด คิดว่าสิ่ง

นี้ดีก็เห็นด้วยกับสิ่งนั้น ส่วนบางพวกเห็นว่าสิ่งนี้ดี ไม่มีโทษก็ประพฤติเห็นด้วยกับสิ่งนั้น

จึงแบ่งเป็น 2 นิกาย 3 นิกาย 18 นิกาย และอีกมากมายในปัจจุบันครับ ------------------------------------------------------------------------------------

๒ สองนิกาย แตกต่างกันอย่างไร หรือ แตกต่างกันที่คำสอน

เพราะพระวัดป่า ใช้จีวรสีเข้มๆ พระวัดบ้านใช้จีวรสีเหลืองทอง (นี่เป็นที่มาของการถามครับ)

สองนิกายแตกต่างกันตรงความประพฤติเข้มงวดในพระธรรมวินัย กับไม่เข้มงวดใน

พระธรรมที่วินัย สีจีวรที่ถูกต้องควรเศร้าหมอง ไม่ใช่สีเหลืองทอง หากพระได้ผ้าจีวรสี

เหลืองทองแล้ว ควรจะทำให้เหมาะสม ใช้สีที่เหมาะครับ มีสีที่เศร้าหมอง เป็นต้น ดังนั้น

ที่แตกต่างกัน แบ่งเป็นนิกายก็เพราะบางท่านไม่ประพฤติตามพระวินัย บางท่านประพฤติ

เคร่งครัดตามพระวินัย จึงอยู่ร่วมกันไม่ได้ มีความรังเกียจกันและกันทั้งทางพระวินัยและ

ข้อปฏิบัติ จึงมีการแตกแยกกันเป็นนิกายต่างๆ จนถึงปัจจุบันครับ

ในความเป็นจริงพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าไม่มีการแบ่งแยก ไม่มีการ

เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย เพราะเป็นสัจจะ ความจริงเช่น สภาพเห็นเป็นความจริง

เป็นธรรม ไม่ว่าใคร บุคคลใด นิกายไหน การเห็นก็เป็นธรรมเปลี่ยนแปลง กุศล อกุศล

เป็นสภาพธรรมที่มีจริงเป็นสิ่งที่เป็นสัจจะ ไม่เปลี่ยนแปลง การแบ่งเป็นนิกาย เป็นลัทธิ

แสดงให้เห็นถึง ความเข้าใจผิดในพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า ผู้ทีศึกษาธรรมใน

ปัจจุบัน ควรเป็นผู้ละเอียดด้วยการศึกษาธรรมด้วยความเป็นผู้ตรงและละอียดรอบคอบ

ยึดพระธรรมเป็นสำคัญก็ย่อมสามารถเข้าถึงความจริง โดยไมได้แบ่งไปตามนิกายไหน

เลย หากปัญญาเจริญ ความเห็นถูกเกิดขึ้นจะไม่มีการแบ่งนิกาย เพราะพระธรรมเป็น

สัจจะ ความจริงหนึ่งเดียวครับ ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนาครับ

อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
Thirachat.P
วันที่ 2 ส.ค. 2554
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
ผ้าเช็ดธุลี
วันที่ 2 ส.ค. 2554

* * * ------------------------ * * *

กราบขอบพระคุณอาจารย์ครับ

และ

ขออนุโมทนาบุญกับใจดีดีที่เมตตาครับ

* * * ---------------------------------------------- * * *

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
khampan.a
วันที่ 2 ส.ค. 2554

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น สัตว์โลกมีอัธยาศัยที่แตกต่างกัน ตามการสะสม ถึงแม้จะได้บวชเป็นบรรพชิตในพระพุทธศาสนา ก็มีทั้งผู้ที่ได้รับประโยชน์จากการเป็นบรรพชิต กับ ผู้ที่ไม่ได้รับประโยชน์ ทั้งนี้เป็นเพราะการสะสมมาที่แตกต่างกัน มีปัญญา หรือ ไม่มีปัญญา สำหรับผู้ที่มีความเข้าใจถูกเห็นถูก มีความมั่นคงในพระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดง ย่อมจะมีความเคารพในการฟัง ในการศึกษาพระธรรมด้วยความละเอียดรอบคอบ เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง และขัดเกลากิเลสของตนเองเป็นสำคัญ เป็นผู้ที่มั่นคงในพระธรรมวินัย อันเป็นพระธรรมคำสอนทำให้ผู้ศึกษาได้รับประโยชน์ทุกระดับขั้น ตั้งแต่เบื้องต้นจนกระทั่งสามารถรู้แจ้งอริยสัจจธรรมถึงความเป็นพระอริยบุคคลขั้นต่างๆ ดับกิเลสได้ ตามลำดับ ส่วนที่มีการแตกแยกกันออกไป ก็ไม่พ้นไปจากกิเลสอกุศลธรรม ที่ตนเองมี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คือ ความเห็นผิด การฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดง เป็นไปเพื่อความเข้าใจถูก เห็นถูกในลักษณะของสภาพธรรมตามความเป็นจริง เป็นไปเพื่อการขัดเกลากิเลส สูงสุดเป็นไปเพื่อการรู้แจ้งอริยสัจจธรรม, ผู้ได้ฟัง ได้ศึกษา ย่อมมีความเข้าใจไปตามลำดับ พระธรรม เป็นประโยชน์ทุกกาลสมัย แต่จะเป็นประโยชน์เฉพาะสำหรับบุคคลผู้ที่เห็นประโยชน์ของความเข้าใจธรรม มีศรัทธาที่จะฟัง เท่านั้น ไม่ได้เป็นประโยชน์แก่บุคคลนอกนี้ ซึ่งควรจะได้พิจารณาเป็นอย่างยิ่ง ครับ. ...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
Jans
วันที่ 2 ส.ค. 2554
ขอบคุณและขออนุโมทนาคะ
 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
nong
วันที่ 3 ส.ค. 2554

.... หากปัญญาเจริญ ความเห็นถูกเกิดขึ้นจะไม่มีการแบ่งนิกาย เพราะพระธรรมเป็น

สัจจะ ความจริงหนึ่งเดียว....

ขอขอบพระคุณและขออนุโมทนาคุณ Paderm และคุณ Khumpan ค่ะ ที่กรุณาให้คำ

อธิบายอย่างชัดเจนอยู่เสมอ...

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
หลานตาจอน
วันที่ 3 ส.ค. 2554
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาบุญครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
ผ้าเช็ดธุลี
วันที่ 3 ส.ค. 2554

* * * ------------------------ * * *

กราบขอบพระคุณอาจารย์ครับ

และ

ขออนุโมทนาบุญกับใจดีดีที่เมตตาครับ

* * * ---------------------------------------------- * * *

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
วิริยะ
วันที่ 3 ส.ค. 2554

เรียนถามท่านผู้รู้

การสังคยานาครั้งที่ 1 เกิดขึ้นหลังจากพระพุทธองค์เสด็จดับขันธ์ปรินิพพานไปแล้วนาน

เท่าไร ขอบพระคุณอย่างสูง

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
paderm
วันที่ 3 ส.ค. 2554

เรียนความเห็นที่ 10 ครับ

การสังคายนาครั้งที่ 1

ปฐมสังคายนา : หลังจากพระพุทธเจ้าปรินิพพาน 3 เดือน ประธานสงฆ์ : พระมหากัสสปเถระ มีพระอุบาลีเป็นผู้เรียบเรียงสวดพระวินัย พระอานนท์เป็นผู้เรียบเรียงสวดพระสูตรและพระอภิธรรม ผู้เข้าร่วมประชุมสังคายนา : พระอรหันตขีณาสพจำนวน 500 รูป

องค์อุปถัมภ์ : พระเจ้าอชาตศัตรู

เหตุปรารภในการทำสังคายนา : พระสุภัททะกล่าวจ้วงจาบพระธรรมวินัย

สถานที่ประชุมทำสังคายนา : ถ้ำสัตตบรรณคูหา ข้างภูเขาเวภารบรรพต เมือง

ราชคฤห์

ระยะเวลาในการประชุม : กระทำอยู่ 7 เดือนจึงสำเร็จ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
pat_jesty
วันที่ 3 ส.ค. 2554

พระธรรมคือความจริง เป็นหนึ่ง ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้

เพราะไม่มี "ตัวตน" ค่ะ

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
wannee.s
วันที่ 4 ส.ค. 2554

ถ้าไม่มีกิเลส ไม่มีอกุศล ก็จะไม่มีการทะเลาะกัน ไม่มีการแตกแยก ในครั้งพุทธกาล

พระภิกษุชาวโกสัมพีทะเลาะกัน มีความเห็นไม่ตรงกัน ขนาดพระพุทธเจ้ามาห้ามก็ยัง

ไม่ฟัง พระพุทธเจ้าก็เสด็จไปอยู่ในป่า มีช้างคอยดูแล นี้แสดงให้เห็นกิเลสของ

ปุถุชนที่มีทุกยุคทุกสมัยค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ