การสอนเรื่องทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่วแก่เด็กๆยุคนี้

 
homenumber5
วันที่  19 ก.ค. 2554
หมายเลข  18771
อ่าน  1,977

เรียนท่านวิทยากร

ยุคหลังกึ่งพุทธกาลนี้ เด็กไทยเรามีสื่อมากมายมาถึงตัว หายากที่จะสนใจคำสอนพระพุทธเจ้า ส่วนมากเมื่อเปิดเทปธรรม เขาก็ขอให้ปิดบ้าง หลับบ้าง จึงใคร่ขอคำชี้แนะสำหรับสอนลูกวัยรุ่น (ไม่ยอมไปวัด ไม่ฟังเทปธรรม)

ให้เขาเชื่อในเรื่องการทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 19 ก.ค. 2554

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย พระธรรมคือความเห็นถูกไม่สาธารณะกับสัตว์โลกทั้งหมดครับ ผู้ที่สะสมศรัทธาและ

ปัญญามา เมื่อมีเหตุปัจจัยได้ฟังพระธรรมก็สนใจศึกษาพระธรรมเพราะสะสมความเข้าใจ

ถูกมา ส่วนผู้ที่ไมได้สะสมปัญญาและความเห็นถูกมาในพระพุทธศาสนา แม้ได้ยินได้ฟัง

พระธรรม ก็เพียงได้ยิน แต่ไม่สนใจในสิ่งนั้น ดังนั้นสิ่งใดที่ผู้นั้นสะสมความเห็นถูกมา

พระธรรมก็มีค่าสำหรับบุคคลนั้น แต่ผู้ใดไมได้สะสมความเห็นถูกมา สิ่งนั้นก็ไม่มีค่า

สำหรับบุคคลนั้นเลยครับ แต่กับเห็นสิ่งที่ไม่มีค่า ไม่มีสาระ คือ รูป เสียง กลิน รสที่น่า

ปรารถนา น่าพอใจมีค่า เพราะมีค่า สำหรับเขาด้วยอำนาจกิเลสที่ไหลไปและยึดถือใน

สิ่งนั้นว่ามีค่าครับ ดังนั้น ลูกหลาน เด็กๆ ทั้งหลาย ตอนนี้เป็นเด็ก แต่ชาติก่อนๆ ก็คือ

ผู้ใหญ่ก็ได้ ผู้ใหญ่ที่ไม่สนใจพระธรรมมา ซึ่งในความเป็นจริงก็คือ จิตและเจตสิกที่สะสม

หรือไม่สะสมความเห็นถูกมานั่นเองครับ จะทำอย่างไรได้ กับผู้ไม่สนใจพระธรรมครับ

อย่างเช่น หลายๆ คน บางคนก็ได้ฟังพระธรรมตอนอายุมากและสนใจ ก็มีคำพูดว่า

แหมถ้าได้ฟังตอนอายุน้อยๆ และสนใจตอนอายุน้อยก็คงจะดี มีเวลามากกว่านี้ ดูเหมือน

จะใช่ แต่ในทางธรรมแล้ว เหตุปัจจัยพร้อมเมือ่ไหร่ที่จะฟังและสนใจก็เมื่อนั้น ไม่มีจะอายุ

น้อยจะไปสนใจได้ ถ้าเหตุปัจจัยไม่พร้อมที่จะสนใจเลยครับ ดังนั้นจะเห็นถึงการทำ

หน้าที่ของธรรมว่าเป็นไปตามธรรมและเหตุปัจจัย ที่ใครจะสนใจหรือไม่สนใจ หรือสนใจ

ตอนไหนครับ ก็เป็นอนัตตาทั้งสิ้นครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
paderm
วันที่ 19 ก.ค. 2554

ตัวเราเองที่มีความเห็นถูก ก็สามารถอธิบาย แนะนำเล็กๆ น้อยๆ กับคนอื่นๆ ได้บ้าง

ตามโอกาสและตามสมควรครับ และต้องไม่ลืมถึงความเป็นอนัตตา ที่สำคัญไม่ลืมการ

สะสมความเห็นถูกมา ไม่ได้สะสมมาทุกคนครับ ดังนั้นเมื่อเข้าใจตรงนี้ เมื่อเห็นสิ่งทีเกิด

ขึ้นในปัจจุบัน ก็ย่อมเป็นธรรมดาที่สัตว์โลกส่วนมากก็ย่อมไหลไปในความไม่สนใจธรรม

และไหลในกิเลสเป็นธรรมดาครับ เมื่อเข้าใจแบบนี้ ก็วางใจด้วยปัญญา ไม่ทุกข์ เดือด

ร้อนกับคนอื่นที่จะสนใจหรือไม่สนใจครับ เพราะรู้ว่าเป็นเรื่องของการสะสมมาของแต่

ละคน ใครสะสมมาก็สนใจ แม้สะสมมาก็อาจจะไม่สนใจตอนนี้ อีก 10 ปีก็ได้ ก็อนัตตา

ทั้งนั้นครับ เมื่อเข้าใจว่าเป็นหน้าที่ของธรรมก็เบาสบายไม่จัดการ ไม่เดือดร้อนกับผู้อื่น

มากนักครับ ตัวเราเองก็มีหน้าที่ศึกษาพระธรรมให้เห็นถูกมากขึ้นและเมื่อมีโอกาสก็แนะ

นำผู้อื่นตามสมควร ส่วนใครจะสนใจหรือไม่สนใจนั้นก็เป็นอนัตตาและตามการสะสมมา

ครับ เราไม่สามารถทำแผ่นดินบนโลกนี้ให้ราบเรียบด้วยฝ่ามือครับ สัตว์โลกก็เป็นไป

ตามการสะสมของเขามาเช่นกัน ขออนุโมทนาครับ

อุทิศกุศลใหสรรพสัตว์

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
khampan.a
วันที่ 19 ก.ค. 2554

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น พระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดง มีประโยชน์เฉพาะสำหรับผู้ที่ได้ฟัง ได้ศึกษาพร้อมทั้งมีความเข้าใจไปตามลำดับเท่านั้น ส่วนบุคคลนอกนี้ย่อมจะไม่ได้รับประโยชน์ ความเป็นผู้สนใจที่จะศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรมให้เข้าใจนั้น เป็นเรื่องของการสะสมของแต่ละบุคคล เพราะได้สะสมศรัทธา สะสมปัญญา เห็นประโยชน์ของพระธรรม มาแล้ว จึงมีความสนใจ ที่จะฟัง ที่จะศึกษาเพื่อความเข้าใจยิ่งขึ้น ต่อไป ซึ่งจะต่างจากบุคคลผู้ที่ไม่ได้สะสมเหตุที่ดีมา เป็นผู้ไม่มีศรัทธา ถึงแม้ว่าพระธรรมจะเปิดอยู่ใกล้ๆ เขาก็ไม่ฟัง ซึ่งไม่ต้องลงทุน ไม่ต้องเสียเงินเลย ก็ไม่ฟัง และประการที่สำคัญ ผู้ที่ไม่สนใจศึกษาพระธรรมนั้น ไม่ได้มีเฉพาะในยุคนี้สมัยนี้เท่านั้น มีทุกยุคทุกสมัย แม้แต่ในสมัยที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังทรงพระชนม์อยู่ ทรงประกาศพระศาสนาเกื้อกูลแก่สัตว์โลก ก็มีคนจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว ที่ไม่ฟัง ไม่ศึกษา ไม่ได้-รับประโยชน์จากพระธรรมที่พระองค์ทรงแสดง

สำหรับผู้ที่เห็นประโยชน์ของพระธรรมนั้น เมื่อตนเองมีความเข้าใจแล้วในระดับหนึ่งแล้ว มีความปรารถนาที่จะให้ผู้อื่นได้ฟัง ได้ศึกษาด้วย นั้น เป็นสภาพจิตที่ดีงามเป็นที่น่าอนุโมทนาเป็นอย่างยิ่ง การเกื้อกูลกันด้วยการให้ได้เข้าใจพระธรรม เป็นการเกื้อกูลที่ดีที่สุด ถ้าเราไม่แนะนำเลย ไม่พูดให้เขาฟังเลย แล้วเขาจะได้ยินได้ฟังได้อย่างไร อย่างน้อยก็ทำหน้าที่ของกัลยาณมิตรให้ดีที่สุด ด้วยการพูด ด้วยการแนะนำ[ไม่ว่าจะกับลูก บิดามารดา หรือ ใคร ก็ตาม] ถ้าเขารับฟัง พร้อมที่จะศึกษา ก็เป็นโอกาสที่ดีที่สุดในชีวิตของเขาที่จะได้สะสมในสิ่งที่ประเสริฐ คือ ปัญญา แต่ถ้าเขาไม่รับฟัง ก็ควรพิจารณาอยูเสมอว่า สัตว์โลกมีกรรมเป็นของตน เพราะเขาสะสมมาที่จะไม่เห็นประโยชน์ เขาจึงไม่สนใจ ก็จะทำให้เราเป็นผู้เบาด้วยกุศลได้ในขณะนั้น ไม่เสียใจที่คนที่เราแนะนำไม่สนใจ ครับ. ...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
หลานตาจอน
วันที่ 19 ก.ค. 2554
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
ธนฤทธิ์
วันที่ 19 ก.ค. 2554
ขอบคุณและขออนุโมทนา
 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
SOAMUSA
วันที่ 20 ก.ค. 2554

กราบอนุโมทนาในธรรมทานค่ะ ดิฉันก็ฟังธรรมะจากท่านอาจารย์สุจินต์ทางวิทยุ ตั้งแต่

อายุไม่กี่ขวบ ฟังเพราะพ่อเปิดฟัง รู้ว่าจำเรื่องราวได้นิดหน่อยค่ะ รู้แต่ว่าเสียงท่านอาจารย์

เพราะมากค่ะ พอโตขึ้นมาดิฉันก็เปลี่ยนไปฟังเพลง ดูแต่ทีวี ใช้ชีวิตมีครอบครัว หลายสิบ

ปีต่อมา ดิฉันก็กลับมาฟังท่านอาจารย์สุจินต์อีกครั้ง ได้กลับมาฟังใหม่อีกก็ตอนที่ลูกโตเป็น

วัยรุ่นแล้วค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
pat_jesty
วันที่ 20 ก.ค. 2554

ทุกอย่างเป็นไปตามเหตุตามปัจจัยค่ะ ใครสะสมมาที่จะเห็นประโยชน์ ก็จะฟังต่อไป ส่วน

ใครไม่ได้สะสมเหตุที่จะทำให้เห็นประโยชน์ก็ยังไม่สนใจ เมื่อมีเหตุปัจจัยพร้อมให้สนใจ

ฟังก็จะฟังเองค่ะ พระธรรมที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้เป็นสิ่งที่ประเสริฐที่สุดสำหรับผู้ที่ศึกษาอย่างละเอียด และเข้าใจถูกค่ะ

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่าน

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
homenumber5
วันที่ 20 ก.ค. 2554
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
พรรณี
วันที่ 20 ก.ค. 2554

ขอนุโมทนาค่ะ

ขอสนทนาด้วยค่ะ ตามที่คุณ Homenumber 5 มีจิตเป็นกุศลอยากให้ลูกได้สนใจเข้า

วัดฟังธรรมะ หรือฟังเทปจากการที่คุณได้เปิดฟัง ดิฉันคิดว่าเราต้องมีความอดทนไม่

ย่อท้อถ้าเขาไม่สนใจที่จะฟังคงไม่ต้องใช้วิธีบังคับ แต่เราจะใช้วิธีให้เขาได้ซึมซับวัน

ละเล็กละน้อยจากการได้พูดคุยกับลูกในชีวิตประจำวัน เช่น ชี้ให้เห็นโทษของการฆ่า

สัตว์ ในกรณีที่เขาจะทำร้ายสัตว์เล็กสัตว์น้อย เด็กก็เหมือนผ้าขาว วันนี้เขายังดื้อดึงอยู่

แต่สิ่งที่เราคอยตักเตือนนั้นมันไม่ได้หายไปไหน สมองของเขาจะเก็บจำคำพูดนั้นไป

โดยอัตนโนมัติ แต่เขายังไม่ได้บอกเราหรอกว่าเขาจำมันแล้วและจะปฏิบัติตาม เช่น

เดียวกับศีลข้ออื่นๆ เราก็ใช้วิธีเช่นเดียวกัน เพราะธรรมะเกี่ยวข้องและมีอยู่ในชีวิต

ประจำวัน ขออย่างเดียวอย่าละความพยายามที่จะชี้หนทางที่ควรให้เขาเท่านั้น เขานับ

ว่าโชคดีที่เกิดมาในครอบครัวที่มีบิดาหรือมารดาที่ได้ฟังพระธรรม

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
homenumber5
วันที่ 21 ก.ค. 2554
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ