ความเห็นผิด 3 ประการ

 
sutta
วันที่  6 ก.ค. 2554
หมายเลข  18691
อ่าน  2,969

พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ติกนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้าที่ 278

อธิบายปุพเพกตเหตุวาทะ

บทว่า ปุพฺเพกตเหตุ แปลว่า เพราะกรรมที่คนทำไว้ในชาติก่อน เป็นเหตุ อธิบายว่า บุรุษบุคคลเสวย (สุขเวทนา ทุกขเวทนา หรือทุกขม- สุขเวทนา) เพราะกรรมที่คนทำไว้ในชาติก่อนเป็นปัจจัยเท่านั้น. ด้วยบทว่า ปุพฺเพกตเหตุ นี้ มิจฉาทิฏฐิกบุคคลทั้งหลายปฏิเสธ กรรมเวทนา (เวทนา เกิดแต่กรรม) และกิริยเวทนา (เวทนาเกิดแต่กิริยา) ยอมรับแต่เฉพาะวิปาก เวทนา (เวทนาที่เกิดจากวิบาก) อย่างเดียวเท่านั้น.

ว่าด้วยโรค ๘ อย่างเป็นต้น

พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสโรคไว้๘อย่างเหล่านี้คืออาพาธมีน้ำดี (กำเริบ) เป็นสมุฏฐาน ๑ อาพาธมีเสมหะเป็นสมุฏฐาน ๑ อาพาธมีลมเป็นสมุฏฐาน ๑ อาพาธที่เกิดจากโรคดี โรคเสมหะ โรคลม มาประชุมกัน ๑ อาพาธที่เกิดจาก เปลี่ยนฤดู ๑ อาพาธที่เกิดจากการบริหาร (ร่างกาย) ไม่ถูกต้อง ๑ อาพาธ ที่เกิดจากการพยายาม (ทำให้เกิดขึ้น) ๑ อาพาธที่เกิดจากวิบากกรรม ๑. ใน โรคทั้ง ๘ อย่างนั้น. มิจฉาทิฏฐิกบุคคลปฏิเสธโรค ๗ อย่างข้างต้นแล้วยอมรับ แต่เฉพาะโรคชนิดที่ ๘ เท่านั้น.

ในบรรดากองแห่งกรรม ๓ ชนิด ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ คือ ทิฏฐธรรมเวรทนียกรรม (กรรมให้ผลในภพปัจจุบัน) ๑ อุปปัชชเวทนีย- กรรม (กรรมให้ผลในภพถัดไป) ๑ อปรปริยายเวทนียกรรม (กรรมให้ ผลในภพต่อๆ ไป) ๑ มิจฉาทิฏฐิกบุคคลปฏิเสธกรรม ๒ ชนิด (ข้างต้น) ยอมรับแต่เฉพาะอปรปริยายกรรม อย่างเดียวเท่านั้น. แม้ในกองวิบาก ๓ ชนิด ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ คือ ทิฏฐธรรม เวทนียวิบาก (วิบากของกรรม ที่ให้ผลในปัจจุบัน) ๑ อุปปัชชเวทนียวิบาก (วิบากของกรรมที่ให้ผลในภพ ถัดไป) ๑ อปรปริยายเวทนียวิบาก (วิบากของกรรมที่ให้ผลในภพต่อๆ ไป) ๑. มิจฉาทิฏฐิกบุคคลปฏิเสธวิบาก ๒ อย่าง (ข้างต้น) ยอมรับแต่เฉพาะอปร- ปริยายวิบากอย่างเดียวเท่านั้น.

แม้ในกองเจตนา ๔ ชนิด ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ คือ กุศลเจตนา ๑ อกุศลเจตนา ๑ วิปากเจตนา ๑ กิริยเจตนา ๑ มิจฉาทิฏฐิก บุคคลปฏิเสธเจตนา ๓ ชนิด ยอมรับแต่เฉพาะวิปากเจตนาอย่างเดียวเท่านั้น.

อธิบายอิสสรนิมมานเหตุ

บทว่า อิสฺสรนิมฺมานเหตุ แปลว่า เพราะการนิรมิตของพระอิศวร เป็นเหตุ. อธิบายว่า บุรุษบุคคลเสวยสุขเวทนา ทุกขเวทนา หรือทุกขม- สุขเวทนา ก็เพราะถูกพระอิศวรนิรมิต (บันดาล) . ด้วยว่า มิจฉาทิฏฐิกบุคคล เหล่านั้นมีความเข้าใจดังนี้ว่า เวทนาทั้ง ๓ นี้ บุรุษบุคคลไม่สามารถเสวยได้ เพราะมีกรรมที่ตนทำไว้ในปัจจุบัน เป็นมูลบ้าง เพราะสั่งบังคับ (ของคนอื่น) เป็นมูลบ้าง เพราะกรรมที่ตนทำไว้ในชาติก่อนบ้าง เพราะไม่มีเหตุไม่มีปัจจัย (คือ โดยบังเอิญ) บ้าง แต่บุรุษบุคคลเสวยเวทนาเหล่านี้ได้ เพราะการนิรมิต ของพระอิศวรเป็นเหตุอย่างเดียว.

ก็มิจฉาทิฏฐิกบุคคลเหล่านี้มีวาทะอย่างนี้ จึงไม่ยอมรับโรคแม้ชนิด หนึ่งในบรรดาโรค อย่างที่กล่าวไว้แล้วในตอนต้น ปฏิเสธทั้งหมด และไม่ ยอมรับกรรมชนิดหนึ่งในบรรดากองกรรม ๓ ชนิด วิบากชนิดหนึ่งในบรรดา กองวิบาก ๓ ชนิด และเจตนาชนิดหนึ่งในบรรดากองเจตนา ๔ ชนิด ที่กล่าว ไว้แล้วในตอนต้น ปฏิเสธทั้งหมด.

อธิบายอเหตุปัจจยา

บทว่า อเหตุอปจฺจยา ได้แก่ เว้นจากเหตุและปัจจัย. อธิบายว่า บุรุษบุคคลเสวยสุขเวทนา ทุกขเวทนา หรืออทุกขมสุขเวทนา โดย ไม่มีเหตุเลย. ด้วยว่า มิจฉาทิฏฐิกบุคคลเหล่านั้นมีความเข้าใจดังนี้ว่า เวทนา ทั้ง ๓ นี้ ใครๆ ไม่สามารถจะเสวยได้ เพราะกรรมที่ตนทำไว้ในปัจจุบันเป็น มูลบ้าง เพราะการสั่งบังคับ (ของคนอื่น) เป็นมูลบ้าง เพราะกรรมที่ทำไว้ ในชาติก่อนบ้าง เพราะการนิรมิตของพระอิศวรเป็นเหตุบ้าง บุรุษบุคคลเสวย เวทนาเหล่านี้ โดยไม่มีเหตุไม่มีปัจจัยเลย. ก็มิจฉาทิฏฐิกบุคคลเหล่านั้นมีวาทะ อย่างนี้ จึงไม่ยอมรับเหตุทั้งหลายที่กล่าวไว้แล้วในตอนต้น มีโรคเป็นต้น แม้สักอย่างหนึ่ง ปฏิเสธทั้งหมด.


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 6 ก.ค. 2554

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
นาวาเอกทองย้อย
วันที่ 6 ก.ค. 2554

อธิบายปุพเพกตเหตุวาทะ

บทว่า ปุพฺเพกตเหตุ แปลว่า เพราะกรรมที่คนทำไว้ในชาติก่อน เป็นเหตุ อธิบายว่า บุรุษบุคคลเสวย (สุขเวทนา ทุกขเวทนา หรือทุกขม- สุขเวทนา) เพราะกรรมที่ คน ทำไว้ในชาติก่อนเป็นปัจจัยเท่านั้น. (ข้อความจาก

ความเห็นผิด 3 ประการ [ติกนิบาต] )

เวทนาทั้ง ๓ นี้ บุรุษบุคคลไม่สามารถเสวยได้เพราะมีกรรมที่ตนทำไว้ใน ปัจจุบัน เป็นมูลบ้าง เพราะสั่งบังคับ (ของคนอื่น) เป็นมูลบ้าง เพราะกรรมที่ตน ทำไว้ในชาติก่อนบ้าง (ข้อความจาก ความคิดเห็นที่ 1 )


คำว่า กรรมที่คนทำไว้ (คน ค ควาย) กับคำว่า กรรมที่ตนทำไว้ (ตน ต เต่า) ย่อมมีความหมายต่างกัน

กรรมที่ คน ทำไว้ ส่องความว่า ผู้ทำกรรมนั้นเป็นคน คือเป็นมนุษย์ ไม่ใช่สัตว์ เดรัจฉานทำ ไม่ใช่เทวดาทำ เป็นต้น อาจส่องความต่อไปว่า ถ้ามนุษย์ทำ ผล จะเป็นอย่างหนึ่ง ถ้าสัตว์เดรัจฉานทำ ผลก็เป็นอย่างหนึ่ง ถ้าเทวดาทำ ผลก็จะ เป็นอีกอย่างหนึ่ง อะไรทำนองนี้

แต่ กรรมที่ตนทำ (ตน ต เต่า) ส่องความว่า ตนเป็นผู้ทำ ไม่ใช่คนอื่นทำ และ ตน ในที่นี้จะเป็นมนุษย์ เป็นสัตว์ เป็นเทวดา ก็มีนัยเท่ากัน คือ ตนทำเอง คนอื่น ไม่ได้มาทำให้

อันที่จริง กระผมก็แค่จะเรียนว่า หนังสือพิมพ์ผิดครับ คำที่ถูกทั้ง ๒ แห่ง คือ ตน (ตน ต เต่า) ไม่ใช่ คน (คน ค ควาย) แต่ต้องการชี้ให้เห็นว่า แม้เพียง พยัญชนะคลาดเคลื่อนโดยไม่เจตนา ก็อาจทำให้อรรถะพลอยแปรปรวนไปได้ กระผมเคยตั้งข้อสังเกตว่า เป็นเพราะในแป้นพิมพ์นั้น ค ควาย กับ ต เต่า อยู่ติดกัน จึงอาจจะกดพลาดโดยไม่เจตนา แต่ถึงกระนั้น ถ้าศึกษาโดยไม่ระวัง ก็อาจทำให้

เข้าใจความหมายคลาดเคลื่อนไปได้

ขออนุโมทนาอย่างยิ่งที่นำข้อความจากพระไตรปิฎกมาให้ศึกษา สาธุ สาธุ

สาธุ อนุโมทามิ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
paderm
วันที่ 7 ก.ค. 2554

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
khampan.a
วันที่ 7 ก.ค. 2554

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ