สติระลึกได้ แม้สี่งที่ล่วงมานานแล้ว เป็นสติปัฏฐานด้วยหรือเปล่า

 
pirmsombat
วันที่  20 ก.ย. 2553
หมายเลข  17240
อ่าน  1,262

ข้อความบางตอนจากการบรรยายธรรมโดยท่านอาจารย์ สุจินต์ บริหารวนเขตต์

พระภิกษุ จะถามอาจารย์ว่า มีสติระลึกได้แม้สี่งที่ล่วงมานานแล้ว ไม่ทราบว่าจะเป็น สติปัฏฐาน ด้วยหรือเปล่า

ท่านอาจารย์ ไม่จำเป็นเจ้าค่ะ ทุกคนคิดทุกวัน และบางคนก็คิดถึงเรื่องในอดีตเคยทำอะไร เคยพูดอะไรก็จำได้ แต่ตามปกติธรรมดานั้น จิตที่ระลึกนั้นเป็นอกุศล แล้วแต่จะระลึกด้วยโลภะบ้าง โทสะบ้าง แต่สำหรับสติแล้วละก็ จะต้องเป็นการระลึกด้วยกุศล สภาพของจิตที่ระลึกต้องเป็นกุศลเจ้าค่ะ แม้ว่าจะระลึกถึงสี่งที่เคยทำ หรือว่าคำที่เคยพูดไว้ เพื่อพิจารณาว่าผิดหรือถูกประการใด แล้วแก้ไข ถ้าระลึกถึงสี่งที่เคยทำไม่ดี มีประโยชน์ไหมคะ ถ้าระลึกด้วยความกังวล แล้วก็ขุ่นข้องใจ ขณะนั้นเป็นวิตกเจตสิก ไม่ใช่สติเจ้าค่ะ แต่ว่า ถ้าขณะนั้นระลึกแล้ว เห็นว่าเป็นสี่งที่ไม่ดี แล้วก็รู้ได้ว่า ไม่ควรที่จะกระทำอีกต่อไป ในขณะนั้นก็เป็น มหากุศล ที่ระลึก เรื่องที่เคยทำ หรือว่า คำที่ได้เคยพูดไว้

พระภิกษุ หมายความว่า ต้องเป็นไปในทางกุศลอย่างเดียว

ท่านอาจารย์ แน่นอนเจ้าค่ะ ถ้าเป็นสติ แล้วต้องเป็นกุศล มิฉะนั้นแล้วก็เป็นลักษณะของ วิตกเจตสิก เจ้าค่ะ

พระภิกษุ แล้วในขณะที่สติเกิด จะมีสัมปชัญญะ ร่วมทุกครั้งหรือเปล่า เจริญพร

ท่านอาจารย์ ถ้าเป็น มหากุศลญาณวิปยุต ก็ไม่มีเจ้าค่ะ

พระภิกษุ ส่วนใหญ่ที่เข้าใจ สติ การระลึกได้ และ สัมปชัญญะ การรู้ตัว นึ้ ต้องแยกกัน หรือเปล่า

ท่านอาจารย์ ต้องแยกกันเจ้าค่ะ เวลาที่กล่าวถึงสติสัมปชัญญะ และ ลักษณะของ สติสัมปชัญญะ จะแยกเลยว่า

ลักษณะของสติ เป็นอย่างไร
กิจของสติ เป็นอย่างไร
อาการปรากฏของสติ เป็นอย่างไร
และ
ลักษณะของสัมปชัญญะ เป็นอย่างไร
กิจของสัมปชัญญะ เป็นอย่างไร

แต่เวลาที่พูดรวมกัน สติสัมปชัญญะ ต้องหมายความถึง สติเจตสิก และ ปัญญาเจตสิก เจ้าค่ะ ซึ่งขณะใดที่มีความเข้าใจที่ถูกต้องเกิดขึ้น ขณะนั้นไม่ใช่มีแต่สติเจตสิกเท่านั้น เมื่อมีการพิจารณาในเหตุผล และมีความเข้าใจ ในขณะนั้นก็ต้องเป็น สติสัมปชัญญะ คือต้องมี ปัญญาเจตสิก ซึ่งเป็น สัมปชัญญะ เกิดร่วมกับ สติ นั้นด้วย

พระภิกษุ ถ้าอย่างนั้นในการเจริญสติปัฏฐาน ที่สติเกิดแต่ละครั้ง ในขณะทีพิจารณา รูปธรรม หรือ นามธรรม ก็ดี ในขณะนั้น ชื่อว่ามี สัมปชัญญะ ด้วย ใช่ไหม

ท่านอาจารย์ เวลาที่เป็นสติปัฏฐาน ธรรมดาแล้วจะต้องมีปัญญาเจตสิก เกิดร่วมด้วย ในขณะที่พิจารณา สังเกตลักษณะ ของ สภาพธรรม ที่ปรากฏ แม้ว่าลักษณะของ ปัญญา ยังไม่ปรากฏชัด แต่ที่ปัญญา จะเจริญได้ ต้องเรี่ม จากการสังเกต พิจารณา ศึกษา ลักษณะของ สี่งที่กำลังปรากฏ เพราะฉะนั้น ปัญญา ก็เกื้อกูลเป็นลำดับขั้น เจ้าค่ะ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
จักรกฤษณ์
วันที่ 20 ก.ย. 2553

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
วันชัย๒๕๐๔
วันที่ 20 ก.ย. 2553

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
pamali
วันที่ 22 ก.ย. 2553

กราบอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
opanayigo
วันที่ 22 ก.ย. 2553

ท่านอาจารย์ แน่นอนเจ้าค่ะ ถ้าเป็นสติ แล้วต้องเป็นกุศล มิฉะนั้นแล้วก็เป็นลักษณะของ วิตกเจตสิก เจ้าค่ะ

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
ภัสร์
วันที่ 23 ก.ย. 2553

เป็นหัวข้อที่น่าสนใจ ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
aditap
วันที่ 23 ก.ย. 2553

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
สมศรี
วันที่ 23 ก.ย. 2553
ขอบคุณและขออนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
สมศรี
วันที่ 23 ก.ย. 2553
ขอบคุณและขออนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
chatchai.k
วันที่ 19 ส.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ