นักรบที่ยิงไกลและยิงไว - ผู้ที่อบรมเจริญปัญญา

 
pirmsombat
วันที่  4 ส.ค. 2553
หมายเลข  16869
อ่าน  1,349

ข้อความบางตอนจาการสนทนาธรรมโดยท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ..

ท่านอาจารย์ ไม่ใช่เรื่องอนุญาต แต่เป็นเรื่องสภาพธรรมตามความเป็นจริง นามธรรมทั้งหมด ไม่ว่าริษยา ก็เป็นนามธรรม หมั่นใส้ ก็เป็นนามธรรม เพราะฉะนั้น ถ้าไม่ใช่เป็นผู้มีปกติเจริญสติปัฏฐาน จะไม่เข้าใจพยัญชนะ ที่ว่าผู้เจริญสติปัฏฐาน คือผู้ที่อบรมเจริญปัญญา เหมือนนักรบที่ยิงไกลและยิงไว จะไม่เข้าใจเลยถ้าไม่ใช่ผู้เจริญสติปัฏฐานจริงๆ แต่ถ้าเป็นผู้มีปกติเจริญสติปัฏฐาน โดยถูกต้องและอบรมแล้ว จะรู้ได้เลยว่า สภาพธรรมทั้งหลายไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชา แล้วก็ไม่มีตัวตน แล้วสภาพธรรมที่อาศัยเหตุปัจจัยเกิดขึ้น ทางตา...ทางกาย ทางใจ เป็นไปอย่างรวดเร็วและสั้นมาก ถ้าสติไม่เกิด ขณะนี้อาจจะกำลังจดจ้องอยู่ที่หนึ่งที่ใด กำลังสนใจที่หนึงที่ใด แต่ว่าถ้าสติเกิดละคลายความติด

เพราะฉะนั้นก็แล้วแต่สภาพธรรมใดจะมีปัจจัยเกิดขึ้นปรากฏ จะเห็นสภาพธรรมนี้ละเอียดขึ้นเพราะว่าเพียงเสียงนิดเดียว ก็ได้ยินแล้ว ลองสิคะ เวลานี้อาจจะเป็นน้ำฝนหยด นี่โดยพยัญชนะ ที่ใช้คำว่าเสียงน้ำฝนหยด แต่ความจริงนั้นเสียงนั้นเล็กแผ่ว แต่ก็ดัง และก็รู้แล้ว เพราะฉะนั้นปัญญาที่รู้นี้ รู้ในขณะที่เสียงปรากฏไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตน แล้วทันทีที่เสียงนั้นหมดไป สภาพธรรมอื่นมีปัจจัยเกิดสติก็ระลึกรู้ในลักษณะของสภาพธรรมนั้น เพราะฉะนั้น จะเห็นความเป็นปริตธรรม คือธรรมซึ่งอาศัยเหตุปัจจัยเกิดแล้วดับอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งเห็นว่าไม่มีสาระไม่ว่าจะสุข ความรู้สึกนิดเดียว ก็เปลี่ยนเป็นเห็น เปลี่ยนเป็นได้ยิน เปลี่ยนเป็นการรู้สึกแข็ง สามารถที่จะยิงไกล คือสี่งซึ่งเวลาที่สติปัฏฐานไม่เกิด แล้วจะเหมือนไม่ปรากฏ แต่ความจริงแล้ว จิตได้ยิน แต่โมหะแทนปัญญา เพราฉะนั้นจึงไม่รู้ในเสียงที่ปรากฏ ผ่านไปเหมือนกับว่าไม่ได้ยิน หรือว่ากำลังเห็นก็ผ่านไปเหมือนไม่เห็น แต่ถ้าปัญญาสามารถที่จะระลึกรู้ลักษณะได้ทั่วทั้ง ๖ ทวาร แล้วเป็นผู้ที่ยี่งรู้ก็ยี่งละ สภาพธรรมก็จะยี่งปรากฏโดยละเอียดขึ้น มือนกับการยิงซึ่งยิงได้ไกลมาก ไม่ว่าสี่งนั้นจะปรากฏเพียงเล็กน้อย นิดหน่อย สักเท่าไร ทางตา...ทางกาย ทางใจเพียงแวบเดียวที่เกิดขึ้นปรากฏก็สามารถจะรู้ในลักษณะที่เป็นนามธรรมหรือรูปธรรมได้ นี่คือผู้ยิงไกล คือสี่งซึ่งแต่ก่อนนี้ไม่เคยสังเกต ไม่เคยรู้ว่าเกิดขึ้นเพียงชั่วขณะสั้นๆ แล้วดับ เพราะว่าเป็นผู้ที่ไม่สนใจในเสียงนั้น ในกลิ่นนั้น แล้วก็หลงลืมสติ เพราะว่าอวิชชา ทำให้ไม่รู้ลักษณะของสภาพธรรมนั้น แต่สติมีลักษณะตรงกันข้ามกับอวิชชา เพราะว่าสภาพธรรมใดที่ปรากฏเป็นปกติ เวลาสติระลึกสภาพธรรมนั้นก็ปรากฏเหมือนปกติ แต่ปรากฏกับสติด้วย อย่างแข็งนี้ทุกคนก็กระทบได้ก็มีสภาพที่รู้แข็งคือกายวิญญาณจิต ไม่ใช่เรา เป็นสภาพรู้อาศัยกาย จึงเกิดขึ้นรู้สิ่งที่กำลังกระทบสัมผัสว่าแข็ง ขณะนั้นโดยปกติ และหลงลืมสติ แต่ถ้าเป็นผู้ที่มีสติ แข็งนั้นก็ปกติกับสติด้วย ด้วยเหตนั้นจึงรู้ลักษณะของแข็งแล้วก็รู้ว่าเป็นสภาพธรรมอย่างหนึ่ง พร้อมกันนั้นก็รู้ว่า ไม่ใช่เราที่กำลังรู้แข็ง แต่เป็นสภาพรู้ เป็นอาการรู้เท่านั้น นี่คือปกติธรรมดาจริงๆ แต่ปัญญาเท่านั้นที่เจริญขึ้นๆ ๆ จนสามารถที่จะประจักษ์การเกิดขึ้นและดับไป จึงชื่อว่ายิงไว เพราะว่าทันทีที่สภาพธรรมเกิดแล้วดับ ก็สามารถที่จะรู้ได้ตามความเป็นจริง

กราบอนุโมทนา และ กราบขอบพระคุณ ท่านอาจารย์อย่างสูงครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
จักรกฤษณ์
วันที่ 5 ส.ค. 2553

กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
คุณ
วันที่ 5 ส.ค. 2553

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
hadezz
วันที่ 6 ส.ค. 2553

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
วันชัย๒๕๐๔
วันที่ 6 ส.ค. 2553

"...ลองสิคะ...เวลานี้อาจจะเป็นน้ำฝนหยด นี่โดยพยัญชนะ ที่ใช้คำว่าเสียงน้ำฝนหยด แต่ความจริงนั้นเสียงนั้น เล็กแผ่ว แต่ก็ดัง และ ก็รู้แล้ว เพราะฉะนั้นปัญญาที่รู้นี้ รู้ในขณะที่เสียงปรากฏ ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตน แล้วทันทีที่เสียงนั้นหมดไป สภาพธรรมอื่นมีปัจจัยเกิด สติก็ระลึกรู้ในลักษณะของสภาพธรรมนั้น เพราะฉะนั้น จะเห็นความเป็นปริตธรรม คือธรรมซึ่งอาศัยเหตุปัจจัยเกิดแล้วดับอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งเห็นว่าไม่มีสาร..."

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
pirmsombat
วันที่ 6 ส.ค. 2553

ขอบคุณและขออนุโมทนา ทุกท่านครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
เซจาน้อย
วันที่ 20 ธ.ค. 2553

ขอบคุณและขออนุโมทนา ทุกท่านครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
chatchai.k
วันที่ 19 ส.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ