สงสัยเรื่องชวนะจิต และ เรื่องเกี่ยวกับนิพพาน

 
v_ponch
วันที่  21 ก.ค. 2549
หมายเลข  1648
อ่าน  1,059

ขอเรียนถามข้อสงสัยบางประการ 1. ชวนจิตในปัญจทวารและในมโนทวาร มีเหตุปัจจัยการเกิดต่างกันอย่างไร ทำไม

การประจักษ์การเกิดดับต้องเกิดแต่ในมโนทวารด้วย เกิดในปัญจทวารไม่ได้หรือ ในเมื่อมีชวนจิตเหมือนกัน? หรือจริงๆ แล้วชวนจิตทั้งสองทวารมีอะไรที่ต่างกัน? 2.จิตในรูปฌาน ต้องมีปัญญาเกิดร่วมด้วยหรือไม่? (หมายถึง ญาณสัปปยุต) 3.นิพพาน สามารถเป็นอารมณ์ได้เฉพาะโลกุตตรจิตเท่านั้นหรือ? แสดงว่าจิตที่หลุด

พ้นแล้วของพระอรหันต์ หลังจากอรหัตตมรรคและผลเกิดและดับไปแล้ว ก็ไม่สามารถมีนิพพานเป็นอารมณ์ได้อีกเลยหรือ? และในอนุสสติข้อที่ ๑๐ บุคคลประเภทใดที่สามารถใช้นิพพานเป็นอารมณ์ได้?

4. การที่มีความเข้าใจว่า พระอรหันต์ ดับขันธ์ปรินิพพานแล้ว ไม่เหลืออะไรเลยทั้งรูปและนามเป็นอุจเฉททิฏฐิหรือไม่? 5. ที่กล่าวว่า พระอริยบุคคลชั้นต่างๆ สามารถเข้าผลสมาบัติในขั้นของตนๆ ได้ นั้น เป็นอย่างไร? ท่านทำได้เสมอกันทุกคนหรือไม่ หรือได้เฉพาะพวกที่ได้ฌานมาก่อน และขณะที่ท่านเข้าผลสมาบัติ จิตท่านมีอะไรเป็นอารมณ์ และในขณะนั้น มีการรับรู้เวทนาทางกายบ้างหรือไม่? 6.ทำไมสติจึงสามารถระลึกรู้สภาพธรรม ที่ดับไปแล้วได้ เช่น โทสเจตสิก? ขณะนั้นจะชื่อว่าปัจจุบันอารมณ์ได้หรือ? 7.มีการกล่าวไว้ในที่แห่งใดในพระไตรปิฏกบ้างหรือไม่ว่า การเจริญวิปัสสนา ต้องมีปรมัตถธรรมเป็นอารมณ์เท่านั้น ใช้บัญญัติไม่ได้?


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
study
วันที่ 23 ก.ค. 2549


๑. ชวนทางมโนทวารรู้อารมณ์ทั้งรูปและนาม การประจักษ์แจ้งความเกิดดับของนามรูป จึงต้องเป็นทางมโนทวาร ทางปัญจทวารรู้เพียงรูปธรรมเท่านั้น ๒. ฌานจิตทั้งหมดต้องประกอบด้วยปัญญา ถ้าไม่มีปัญญาจิตไม่สามารถสงบถึงขั้นฌานได้ ๓. จิตที่มีพระนิพพานเป็นอารมณ์ได้ มีทั้งหมด ๑๙ ดวง คือ มโนทวาราวัชชนะ ๑ มหากุศลญาณสัมปยุตต์ ๔ มหากิริยาญาณสัมปยุตต์ ๔ อภิญญาจิต ๒ โลกุตตรจิต ๘ ๔. ถ้าเข้าใจว่าพระอรหันต์เมื่อดับขันธปรินิพพานแล้ว ไม่เหลืออะไรอีกเลยเพราะไม่มีเหตุปัจจัยให้อะไรเกิดอีก เป็นความเห็นที่ถูกต้อง แต่ถ้าเข้าใจว่าพระอรหันต์เมื่อตายแล้วสูญ เป็นความเห็นผิด ๕. พระโสดาบันบุคคล เข้าผลสมาบัติขั้นโสดาปัตติผลได้ พระสกทาคามี พระอนาคามี และพระอรหันต์ก็เข้าผลสมาบัติตามมรรคของตนได้ ขณะที่เข้าผล-สมาบัติจิตสงบขั้นอัปนาสมาธิมีพระนิพพานเป็นอารมณ์ ส่วนพระอริยบุคคลที่ไม่ได้ฌานเข้าผลสมาบัติ ยังไม่ปรากฏชัดในหลักฐานต่างๆ ๖. เมื่อนามธรรมที่เกิดขึ้นแล้วดับไปสติระลึกรู้ลักษณะของนามธรรมที่พึ่งดับไปนั้นได้ชื่อว่า เป็นปัจจุบันสันตติ ๗. ในพระไตรปิฎกและอรรถกถากล่าวถึงวิปัสสนาภูมิว่าได้แก่ ขันธ์ ธาตุ อายตนะ ปฏิจจสมุปบาท เป็นต้น
ทั้งหมดเป็นปรมัตถธรรม

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
Suvidech
วันที่ 18 ส.ค. 2550
จิรกาลภาวนา กว่าจะถึง...
 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ