ณ กาลครั้งหนึ่ง ที่ ศรีลังกา ตอนที่ ๒ มหินตาเล-อนุราธปุระ

 
วันชัย๒๕๐๔
วันที่  2 เม.ย. 2553
หมายเลข  15817
อ่าน  5,409

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ในวันนี้ คณะของเราเดินทางไปยังเมืองมหินตาเล อันเป็นสถานที่ ที่พระมหินทเถระ พระโอรสของพระเจ้าอโศกมหาราช เสด็จมาเผยแผ่พระพุทธศาสนา แก่พระเจ้าเทวานัมปิยะติสสะ ที่เพิ่งเสวยราชสมบัติ เป็นครั้งแรกที่เขามหินตาเลในปี พ.ศ. 236

ดังความตอนหนึ่งใน พระวินัย ปิฎก มหาวิภังค์ เล่ม ๑ ภาค ๑ กล่าวไว้ดังนี้

" ... เวลานั้น ท้าวสักกะ ผู้เป็นจอมแห่งทวยเทพ เสด็จเข้าไปหาพระมหินทเถระ แล้วได้ตรัสคำนี้ว่า ข้าแต่พระคุณเจ้าผู้เจริญ! พระเจ้ามุฏสีวะ สวรรคตแล้ว, บัดนี้ พระเจ้าเทวานัมปิยดิสมหาราชเสวยราชย์แล้ว, และสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ทรงพยากรณ์องค์ท่านไว้แล้วว่า ในอนาคต ภิกษุชื่อมหินท์ จักยังชาวเกาะตัมพปัณณิทวีปให้เสื่อมใส ข้าแต่พระคุณเจ้าผู้เจริญ! เพราะเหตุดังนั้นแล เป็นกาลสมควรที่ท่านจะไปยังเกาะอันประเสริฐแล้ว แม้กระผม ก็จักร่วมเป็นเพื่อนท่านด้วย ... "

บรรณาการที่ประเสริฐสุด คือ พระรัตนตรัย " ... การที่ทุกท่านเกิดมาพบกันแต่ละชาติในสังสารวัฏฏ์ บางชาติก็อาจจะเป็นมิตรสหาย บางชาติก็อาจเป็นศัตรู หรือ บางชาติก็อาจจะเป็นมารดา บิดา เป็นญาติพี่น้อง แต่ชาติที่ได้เกื้อกูลกัน เป็นมิตรกันในพระธรรมหรือ มีส่วนร่วมกันเผยแพร่พระธรรมชาตินั้นก็ต้องเป็นชาติที่ประเสริฐสุดในสังสารวัฏฏ์ ยิ่งกว่าชาติอื่นๆ ที่เกิดมาโดยสถานอื่น ... "



  ความคิดเห็นที่ 1  
 
วันชัย๒๕๐๔
วันที่ 2 เม.ย. 2553

ความอีกตอนหนึ่งใน พระวินัย ปิฎก มหาวิภังค์ เล่ม ๑ ภาค ๑ กล่าวว่า

" ... พระเถระรับคำของท้าวสักกะนั้นแล้ว เป็น ๗ คนทั้งตน เหาะขึ้นไปสู่เวหาจากเวทิสบรรพต แล้วดำรงอยู่บนมิสสกบรรพต ซึ่งชนทั้งหลายในบัดนี้จำกันได้ว่า เจติยบรรพตบ้าง ทางทิศบูรพาแห่งอนุราชบุรี ... "

" ... พระโบราณาจารย์ทั้งหลายจึงได้กล่าวไว้ว่า พระเถระทั้งหลายพักอยู่ที่เวทิสคิรีบรรพตใกล้กรุงราชคฤห์ สิ้น ๓๐ ราตรีได้ดำริว่า เป็นกาลสมควรที่จะไปยังเกาะอันประเสริฐ, พวกเราจะพากันไปสู่เกาะอันอุดม ดังนี้ แล้วได้เหาะขึ้นจากชมพูทวีปลอยไปในอากาศดุจพญาหงส์บินไปเหนือท้องฟ้าฉะนั้น, พระเถระทั้งหลายเหาะขึ้นไป แล้วอย่างนั้นก็ลงที่ยอดเขาแล้ว ยืนอยู่บนยอดบรรพต ซึ่งงามไปด้วยเมฆ อันตั้งอยู่ข้างหน้าแห่งบุรีอันประเสริฐราวกะว่า หมู่หงส์จับอยู่บนยอดเขาฉะนั้น ... "

ภาพ อัมพัตกลเจดีย์ (เจดีย์บนเนินมะม่วง) เป็นเจดีย์ที่บรรจุอัฐิธาตุของพระมหินทเถระ ผู้นำพาพระศาสนามาเผยแผ่ที่เกาะลังกา จนมีความเจริญรุ่งเรืองจนปัจจุบัน

พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสคาถา ประพันธ์ ดังนี้ว่า พระพุทธเจ้าทรงทราบบุคคล บางคนในโลกนิ้มีจิตผ่องใส ได้ทรงพยากรณ์เนื้อความนี้แก่ ภิกษุทั้งหลาย ในสำนักของพระองค์ว่า ถ้าในสมัยนี้ บุคคลนี้พึงกระทำกาละไซร้ บุคคลนี้พึงเข้าถึงสุคติเพราะ จิตของเขาผ่องใส เขาเป็นอย่างนั้นเหมือนเชิญมาฉะนั้น เพราะเหตุแห่งจิตผ่องใสแล สัตว์ทั้งหลายย่อมไปสู่สุคติ

ภาพนี้ ทำให้ข้าพเจ้านึกถึงคำที่พี่แดง (kanchana.c) กล่าวอยู่บ่อยครั้งว่า " ... ท่านอาจารย์เปรียบเสมือนคลังแห่งพระธรรม ... " ข้าพเจ้าเห็นด้วยอย่างยิ่ง เหตุเพราะ ได้อยู่ใกล้ๆ ท่านแล้ว นับเป็นบุญยิ่งที่ได้ความเข้าใจในพระธรรมเพิ่มขึ้น ในทุกๆ ขณะ ได้เห็นท่านในสถานที่เช่นนี้ ก่อให้เกิดกุศลจิต ปีติมากมายครับ


พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสคาถา ประพันธ์ ดังนี้ว่า ภิกษุใดผู้มีมิตรดี มีความยำเกรง ความเคารพ กระทำตามคำของมิตรดีทั้งหลาย มีสติสัมปชัญญะ ภิกษุนั้น พึงบรรลุธรรมอันเป็นที่สิ้นไปแห่งสังโยชน์ทั้งปวง โดยลำดับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
วันชัย๒๕๐๔
วันที่ 2 เม.ย. 2553

ภาพยอดเขา ที่ท่านพระมหินทเถระและคณะพระธรรมทูต เหาะจากอินเดียมาลงบนยอดเขานี้เป็นครั้งแรก

" ... กุศลขั้นทานก็ควรเจริญ กุศลขั้นศีลก็ควรเจริญกุศล ขั้นความสงบก็ควรเจริญ คือมีเมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขาต่อบุคคลอื่นระลึกถึงคุณของพระผู้มีพระภาค คุณของพระธรรม คุณของพระสงฆ์ ระลึกถึงคำสอนที่ทำให้จิตใจพ้นจาก ความโลภ ความโกรธ ความหลง ในขณะนั้นก็เป็นกุศลขั้นความสงบเป็นการ อบรมเจริญสมถะในชีวิตประจำวัน ... "

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
วันชัย๒๕๐๔
วันที่ 2 เม.ย. 2553

พระมหาเสยะเจดีย์สีขาวขนาดใหญ่แห่งนี้ เป็นสถานที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุพระนลาฏ (หน้าผาก) ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ข้าพเจ้าขอกราบอนุโมทนาพี่ประสาร คุณผเดิม และสหายธรรมทุกท่าน ที่ได้บริจาคและรวบรวมจัดหา ผ้าห่มรอบพระเจดีย์ ในทุกๆ ที่ ที่เราไป ได้เห็นภาพความศรัทธาและการช่วยกันอย่างแข็งขันของทุกท่าน โดยเฉพาะได้เห็นคุณผเดิมที่ทั้งหอบทั้งอุ้มผ้าสี่ห้าม้วน (หนักมาก) เดินเท้าเปล่าในระยะทางแสนไกลกว่าจะถึงพระเจดีย์
ขอกราบอนุโมทนาในกุศลศรัทธามาอีกครั้งหนึ่งครับ

พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ 300
[๒๐๓] พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสตอบว่า ศรัทธา เป็นทรัพย์เครื่องปลื้มใจอย่างประเสริฐของคนในโลกนี้ ธรรมที่บุคคลประพฤติดีแล้ว นำความสุขมาให้ ความจริงเท่านั้น เป็นรสที่ดียิ่งกว่ารสทั้งหลาย คนที่เป็นอยู่ด้วยปัญญา นักปราชญ์ทั้งหลายกล่าวว่า มีชีวิตประเสริฐ.

ตอนบ่าย เราเดินทางไปชม วิหารอิสุรุมุณิยะ วิหารที่เจาะอยู่ในภูเขาหินแกรนิต เป็นสถานที่ประดิษฐานรอยพระพุทธบาท

ภายในวิหาร มีพระพุทธรูปปางต่างๆ สวยงามมาก เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงความศรัทธา ของผู้คนในสมัยนั้นได้เป็นอย่างดี

ที่นี่ ท่านอาจารย์และคณะของเรามิได้ปล่อยเวลาให้ผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์เลย ได้อาศัยร่มเงาไม้ นั่งสนทนาธรรมด้วยความร่าเริง อิ่มเอิบใจ เป็นอย่างยิ่งครับ


ข้าพเจ้าขอนำความตอนหนึ่งที่ท่านสนทนามาให้ทุกท่านได้พิจารณาดังนี้

" ... คือความเข้าใจของคนในสมัยนั้น ที่เราว่า ท่านรู้อริยสัจจธรรมได้เร็ว ท่านพระอานนท์นี่ คิดดู ท่านจำพระสูตร ... สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับ ณ พระนครสาวัตถี แล้วท่านก็จำคำแต่ละคำที่โต้ตอบกัน ท่านจำได้หมด จนกระทั่งเป็นพระสูตร แล้วก็พระอภิธรรม มีเฉพาะพระวินัยเท่านั้น ที่เป็นท่านพระอุบาลี ... "

" ... ก็แสดงถึงความที่ปัญญาของบุคคลในสมัยโน้น ห่างไกลกันมาก ในระยะสองพันกว่าปี ทีละร้อยปีๆ ประเดี๋ยวก็พันๆ แล้วสองพันกว่าปี แต่ว่าแสดงความต่าง เพราะถ้าเป็นความเข้าใจธรรมะจริงๆ เราสามารถที่จะพูดถึงธรรมะนั้น โดยนัยหลากหลายบทในภาษาบาลี ท่านไม่ใช้คำว่า "คำ" เพราะ "คำ" นี่เป็นภาษาไทย แต่ข้อความในพระไตรปิฏกกับอรรถกถา เราจะได้ยินคำว่า "บทว่า" หมายความว่า คำนี้ บท คือคำแต่ละคำๆ บทหนึ่ง ท่านพระอานนท์สามารถที่จะแสดงความวิจิตรได้ถึง หกหมื่นนัย.."

" ... แล้วก็เราในสมัยนี้ก็ห่างมาก แต่ต้องเป็นผู้ที่ละเอียดรอบคอบ มีความเคารพอย่างยิ่ง ที่จะพิจารณาไตร่ตรอง สิ่งที่ได้ยินได้ฟัง ว่าแม้แต่คำว่า "พุทธ" คำเดียว ข้ามไม่ได้เลย เพราะหมายความถึงเฉพาะ "ปัญญา" ไม่ได้หมายอย่างอื่นเลย ... "


" ... เพราะว่าขณะนี้ ก็กำลังมีสิ่งที่กำลังปรากฏ แต่ไม่รู้ เพราะไม่ใช่ปัญญา ... แล้วข้อสำคัญก็คือว่า ทุกคน เกิดมาไม่นาน ไม่นานจริงๆ แล้วก็ไม่รู้ว่าแค่ไหนด้วย อาจจะเป็น พรุ่งนี้ เย็นนี้ เมื่อไหร่ก็ได้ แล้วจากไปโดยไม่รู้เหมือนเดิม เหมือนเดิมเลย เหมือนแต่ละชาติ แต่ละชาติ ที่ไม่มีโอกาสได้ฟัง ... "

" ... กับโอกาสที่ได้ยินได้ฟังแล้ว ... เริ่มเข้าใจ ... ที่เราใช้คำว่า ปัญญาอบรมเจริญ ก็คือความ "เข้าใจ" นี่แหละ ถ้าไม่มีความเข้าใจ ก็ไม่ใช่ปัญญา แล้วจะเจริญขึ้นได้อย่างไร แล้วพอเข้าใจขึ้น เข้าใจขึ้น ก็คือ "ปัญญา" ที่อบรมเจริญขึ้น เพราะฉะนั้นไม่ต้องห่วงเรื่องสติปัฎฐาน สติสัมปชัญญะ หรืออะไรเลย ถ้าไม่มีความเข้าใจ สิ่งนั้นก็เกิดไม่ได้.."


" ... แต่ความเข้าใจมากขึ้น มากขึ้นนี้ ใครจะไปยับยั้ง การที่จะไปให้สามารถที่จะรู้ลักษณะของสภาพธรรมะในขณะนี้ ตรงตามที่ได้ฟัง ต้องตรง ขณะนี้มีสิ่งที่กำลังปรากฏ ถ้าไม่เข้าใจก็ "ฟัง" เพื่อรู้ว่า เป็นเพียงสิ่งที่กำลังปรากฏให้เห็นได้ ... "


จากนั้น เราเดินทางต่อไปยังเจดีย์ถูปาราม ซึ่งเป็นเจดีย์องค์แรกของประทศศรีลังกาครับ

เจดีย์ถูปารามแห่งนี้ เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ พระรากขวัญเบื้องขวา (กระดูกไหปลาร้า) ของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นี้

แล้วก็เช่นเคย คุณผเดิมและคณะฯ ก็ได้ร่วมกันห่มผ้ารอบพระเจดีย์ ดูงดงามเด่นตามาก
ขออนุโมทนาครับ

จากถูปาราม เราเดินทางไปนมัสการต้นพระศรีมหาโพธิ์ครับ

การมากราบนมัสการต้นพระศรีมหาโพธิ์ของคณะเรา ได้รับความเมตตาอย่างยิ่ง จากทางคณะสงฆ์ที่ดูแลต้นพระศรีมหาโพธิ์ ให้ได้เข้ากราบนมัสการถึง โคนต้นชั้นในสุดซึ่งโดยปรกติ ไม่เปิดให้ใครๆ ได้เข้าถึงด้านในนี้บ่อยๆ เนื่องจากว่า ทางประเทศศรีลังกาต้องถนอม รักษาต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่มีอายุยาวนานถึงสองพันกว่าปี กับทั้งยังเป็นกิ่งจากต้นเดิมที่พระพุทธองค์ทรงตรัสรู้ ณ พุทธคยา ประเทศอินเดีย นับเป็นต้นเดิมต้นเดียวที่ยังคงยืนต้นอยู่ครับ

จากนี้ คณะของเราได้เดินทางไปยัง พระมหาเจดีย์ รุวันเวลิเสยะ ซึ่งข้าพเจ้าได้เขียนและลงภาพไว้ในอีกกระทู้หนึ่งแล้ว ขอเชิญคลิกอ่านและชมภาพที่นี่ครับ ... ณ กาลครั้งหนึ่ง ที่พระมหาเจดีย์รุวันเวลิเสยะ ประเทศศรีลังกา

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านครับ
...

ขอเชิญคลิกชมตอนอื่นๆ ได้ที่นี่ครับ ...

ณ กาลครั้งหนึ่ง ที่ ศรีลังกา ตอนที่ ๑ โคลอมโบ-โปโลนนารูวา
ณ กาลครั้งหนึ่ง ที่ ศรีลังกา ตอนที่ ๓ สิกิริยา-ถ้ำดัมบูลลา-พระเขี้ยวแก้ว
ณ กาลครั้งหนึ่ง ที่ ศรีลังกา ตอนที่ ๔ สวนพฤกษ์ศาสตร์ เพลาดินียา-เมืองนูวาราเอลิย่า
ณ กาลครั้งหนึ่ง ที่ ศรีลังกา ตอนที่ ๕ (จบ) วัดสำคัญๆ ในกรุงโคลอมโบ
กำหนดการเดินทางไปประเทศศรีลังกา

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
opanayigo
วันที่ 2 เม.ย. 2553

ช่างภาพใจดี

อนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
จักรกฤษณ์
วันที่ 2 เม.ย. 2553

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของคณะทุกท่านครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
orawan.c
วันที่ 2 เม.ย. 2553

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
aditap
วันที่ 2 เม.ย. 2553

ขออนุโมทนาในกุศลครั้งนั้นด้วยครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
wannee.s
วันที่ 2 เม.ย. 2553

นอกจากจะใจดีแล้ว ยังถ่ายภาพเก่ง สวยงามมาก ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
ups
วันที่ 2 เม.ย. 2553

สาธุ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
paew_int
วันที่ 2 เม.ย. 2553

อนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
prachern.s
วันที่ 3 เม.ย. 2553

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 16  
 
saifon.p
วันที่ 3 เม.ย. 2553

ภาพถ่ายสวยงามมากค่ะ คุณวันชัยได้นำข้อความบางตอนในพระวินัยเล่ม ๑ มาให้ได้อ่านซ้ำตอนพระมหินทเถระมาเผยแพร่พุทธศาสนาที่เกาะลังกา ทำให้คิดเรื่องราวต่อยาวเลยค่ะ ในพระวินัยเล่ม ๑ บอกถึงความเป็นไปของพุทธศาสนาที่หยั่งลงบนเกาะลังกา อ่านแล้วปิติโสมนัส คุณวันชัยยังใจดีนำการสนทนามาให้ได้อ่านอีก วันนี้จึงเข้าใจคำว่า บท คือ คำ แต่ละคำนั่นเอง..โอ้..นึกถึงพระคุณของพระอานนท์ ที่ได้ถ่ายทอดพระธรรมคำสอนมาให้ชนรุ่นหลังได้เข้าใจตามกราบขอบพระคุณและกราบอนุโมทนาท่านอาจารย์สุจินต์ ที่เมตตาสั่งสอนพวกเราให้ค่อยๆ เข้าใจทีละเล็กทีละน้อยตามกำลังปัญญาของแต่ละคนและขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านด้วยนะคะ

 
  ความคิดเห็นที่ 17  
 
ผิน
วันที่ 3 เม.ย. 2553

ขอขอบคุณ คุณวันชัย มากคะ ภาพถ่ายเป็นธรรมชาติดีคะ สวยทุกรูป ขออุนโมทนาคะ

 
  ความคิดเห็นที่ 18  
 
เมตตา
วันที่ 3 เม.ย. 2553

" ... การทีทุกท่านเกิดมาพบกัน แต่ละชาติ ในสังสารวัฏฏ์บางชาติ ก็อาจจะเป็นมิตรสหาย

บางชาติ ก็อาจเป็นศัตรู

หรือ บางชาติ ก็อาจจะเป็นมารดา บิดา เป็นญาติพี่น้อง

แต่ชาติที่ได้เกื้อกูลกัน เป็นมิตรกันในพระธรรมหรือ มีส่วนร่วมกันเผยแพร่พระธรรมชาตินั้นก็ต้องเป็นชาติที่ประเสริฐสุด ในสังสารวัฏฏ์
ยิ่งกว่าชาติอื่นๆ ที่เกิดมาโดยสถาน อื่น ... "

... กราบอนุโมทนาท่านอาจารย์ค่ะ ...

... ขออนุโมทนาในกุศลจิตคุณวันชัยค่ะ ...

และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 19  
 
khampan.a
วันที่ 3 เม.ย. 2553

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 20  
 
ING
วันที่ 3 เม.ย. 2553

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 21  
 
ป้าจาย
วันที่ 4 เม.ย. 2553

กราบอนุโมทนาท่านอาจารย์ ขอให้ท่านมีอายุบวร

และอนุโมทนาคุณวันชัยกับทุกๆ ท่านด้วยค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 22  
 
pornpaon
วันที่ 4 เม.ย. 2553

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 23  
 
dron
วันที่ 5 เม.ย. 2553

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 24  
 
petcharath
วันที่ 5 เม.ย. 2553

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 25  
 
aiatien
วันที่ 6 เม.ย. 2553

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 26  
 
Khaeota
วันที่ 15 เม.ย. 2553

ขอนอบน้อมแด่องค์สมเด็จพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
แต่ชาติที่ได้เกื้อกูลกัน เป็นมิตรกันในพระธรรมหรือ มีส่วนร่วมกันเผยแพร่พระธรรมชาตินั้นก็ต้องเป็นชาติที่ประเสริฐสุด ในสังสารวัฏฏ์

ขออนุโมทนาในกุศลเจตนาของคุณวันชัย๒๕๐๔ ค่ะ

ขออนุโมทนาในกุศลจิตทุกๆ ท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 27  
 
yuda
วันที่ 20 พ.ย. 2568

ยินดีในกุศลจิตค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ