ศึกษาพระวินัยอย่างไร...เป็นปัจจัยให้ถึงความเป็นผู้ทุศีล !

 
พุทธรักษา
วันที่  9 ก.พ. 2553
หมายเลข  15401
อ่าน  1,749

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

สนทนาธรรมที่โรงพยาบาลพระมงกุฏฯ วันที่ ๗ ธันวาคม ๒๕๕๒ (ถอดเทปบันทึกเสียง โดย คุณย่าสงวน สุจริตกุล)

ถาม กรุณาอธิบายคำกล่าวที่ว่าการศึกษา "พระวินัยปิฎก" แบบผิดๆ ไม่แยบคาย ย่อมเป็น เหตุ ให้ ทุศีล

ตอบ ก่อนอื่น ควรทราบว่า พระธรรมคำสอนของพระผู้มีพระภาคฯหรือ "พระธรรมวินัยทั้งหมด" ก็เพื่อ การขัดเกลากิเลสเป็น การนำออก ซึ่งอกุศลทั้งปวง แต่ในสมัยพุทธกาล นั้นเมื่อมีการกระทำที่ไม่สมควร ของพระภิกษุทั้งปวงก็จะให้มีการประชุม "สงฆ์" และขอความเห็นของ"สงฆ์" โดยพร้อมเพรียงกันว่า สิ่งนั้น หรือ การกระทำนั้น ไม่เหมาะ-ไม่ควรแก่ "เพศบรรพชิต"

ควรทราบว่า ในครั้งนั้น บริษัท มี ๔ คือ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ซึ่งทั้งหมด สามารถที่จะรู้แจ้งอริยสัจจธรรมได้ ในเพศ หรือบริษัทของตนๆ โดยความต่างกัน เป็น ๒ เพศ คือ เพศบรรพชิต และ เพศคฤหัสถ์

เพราะเหตุว่า ผู้ที่ "สะสมอัธยาศัย" ที่จะไม่ครองเรือน และ มีจุดประสงค์ที่จะ "ขัดเกลากิเลสอย่างยิ่ง ดุจสังข์ขัด "หมายความว่า มีจุดประสงค์ที่จะขัดเกลากิเลสอย่างยิ่ง ทั้งทางกาย และทางวาจา ตลอดไป ตั้งแต่ตื่นจนหลับ ซึ่งหมายถึง เพศบรรพชิต ไม่ใช่ผู้ที่ครองเรือน หรือ เพศคฤหัสถ์

เพราะฉะนั้น เมื่อผู้ที่มี "ศรัทธา" เห็นว่า พระธรรม เป็นสิ่งที่ลึกซึ้ง เห็นได้ยาก และ มีอัธยาศัยที่จะขัดเกลากิเลส ในเพศบรรพชิต เป็นผู้ตรง ที่จะประพฤติปฏิบัติตาม "พระวินัยบัญญัติ" ซึ่ง หมายถึง "สิ่งที่ควรแก่การเป็นบรรพชิต" และ เป็นผู้ที่มี "เจตนาที่มั่นคง" ในการอบรมเจริญปัญญา ในเพศบรรพชิต ต้องประพฤติปฏิบัติตาม "พระวินัยบัญญัติ" ได้อย่างครบถ้วน จึงจะสมควรในการเป็น "พระภิกษุในพระธรรมวินัยนี้"

แต่ บุคคลใดที่ "ไม่มีอัธยาศัย" ในการที่จะเป็นเพศบรรพชิตหรือพระภิกษุ แต่มีการฟังพระธรรม เข้าใจพระธรรม อบรมเจริญปัญญาในเพศคฤหัสถ์ ก็สามารถที่จะบรรลุอริยสัจจธรรมได้ ในเพศคฤหัสถ์ผู้ครองเรือน

การบรรลุอริยสัจจธรรม นั้นสามารถบรรลุได้ ทั้งผู้ที่มีอัธยาศัยในการครองเรือน และ ผู้ที่มีอัธยาศัยในการไม่ครองเรือน เพราะเหตุว่า สภาพธรรมตามความเป็นจริง คือ การเจริญขึ้นของปัญญา เมื่อปัญญาอบรมเจริญดีแล้ว ไม่ว่าจะอยู่ในเพศไหน ก็สามารถบรรลุอริยสัจจธรรม ได้

ผู้ที่มี "ศรัทธา" ถึงกับบรรพชาอุปสมบท เป็นพระภิกษุ นั้นจะต้องประพฤติปฏิบัติตาม "พระวินัยบัญญัติ" ด้วยความเข้าใจจริงๆ ว่า จุดประสงค์ที่พระผู้มีพระภาคฯ และ สงฆ์ ได้บัญญัติพระวินัยก็เพื่อ "ประโยชน์เกื้อกูล" ให้พระภิกษุ อยู่ร่วมกันด้วยความผาสุกดำเนินชีวิตและมีการบำเพ็ญประโยชน์ ในเพศที่บริสุทธิ์ ทั้งกาย วาจา

ด้วยเหตุนี้ ผู้ที่จะครองเพศบรรพชิต เป็นพระภิกษุต้องเป็นผู้ที่ "เห็นโทษของกิเลส แม้เพียงเล็กน้อย" และ ต้องรู้ว่า "พระวินัยบัญญัติทุกข้อ" บัญญัติไว้ เพื่อไม่ให้มีการล่วงกายทุจริต และ วจีทุจริต ซึ่งเป็นโทษแม้ เพียงเล็กน้อย อย่างเช่น ขณะที่คฤหัสถ์ผู้ครองเรือน เกิดความโกรธแล้ว มีกิริยาอาการแบบของคฤหัสถ์ จะมีใครไปกล่าวว่า เป็น "อาบัติ" หรือเปล่า ถ้าไม่มีการประทุษร้าย เบียดเบียน จนกระทั่งเป็นเหตุให้บุคคลอื่นเดือดร้อน

แต่ สำหรับ "เพศบรรพชิต" ทำอย่างนั้นไม่ได้ ฉะนั้น ก็แสดงให้เห็น "ความแตกต่าง" ระหว่าง บรรพชิต และ คฤหัสถ์ ยิ่งศึกษา "พระวินัยบัญญัติ" โดยละเอียด ก็จะยิ่งเห็นความงามของพระวินัยบัญญัติ ซึ่งเป็นไปทางกาย ทางวาจาถ้าบุคคลใดไม่เข้าใจพระวินัยบัญญัติ จริงๆ ก็ไม่สามารถที่จะแยกได้ว่า พระภิกษุรูปไหน เป็นพระอรหันต์ หรือไม่ใช่พระอรหันต์

เพราะว่า "พระภิกษุผู้ทรงพระวินัย" จะไม่มีการแสดงออกทางกาย ทางวาจา ที่จะทำให้เห็นว่า เป็นผู้มีกิเลส. ด้วยเหตุนี้ ผู้ที่มีความประสงค์ และ มีเจตนาที่มั่นคงจริงๆ ที่จะอบรมเจริญปัญญาในเพศบรรพชิต ก็จะต้องประพฤติปฏิบัติอย่างบรรพชิตจะใช้ชิวิตเหมือนเดิม อย่างเพศคฤหัสถ์ ไม่ได้

เพราะฉะนั้น ถ้าไม่มีความเข้าใจ เรื่องพระวินัยบัญญัติ จริงๆ ก็จะเป็นโทษ เป็นผู้ทุศีล เพราะเหตุว่า บุคคลผู้มีศรัทธาที่จะอบรมเจริญปัญญาในเพศบรรพชิต นั้นไม่ได้ "ขัดเกลากิเลสอย่างยิ่ง" ไม่ได้เห็นโทษของกิเลส แม้เพียงเล็กน้อยแต่มีชีวิตอยู่ ด้วย "ศรัทธาของชาวบ้าน" และถ้าไม่ได้ประพฤติปฏิบัติตาม "พระวินัยบัญญัติ" พระผู้มีพระภาคฯ ตรัสว่า เป็น "มหาโจร" เพราะผู้ที่เป็นโจร หมายถึง ผู้ที่เบียดเบียนบุคคลอื่น นำเอาของๆ บุคคลอื่น มาเป็นของๆ ตน.

แต่ ผู้ที่เป็นพระภิกษุที่ไม่ได้ประพฤติตามพระวินัยบัญญัติ นั้นชื่อว่า เป็น "มหาโจร" เพราะว่า การนุ่งห่มไม่ใช่อย่างคฤหัสถ์ แสดงเพศของความเป็นบรรพชิต แต่ไม่ได้ประพฤติปฏิบัติตาม "พระวินัยบัญญัติ" จึงเป็นผู้ "ทุศีล" และ "มีโทษมาก" สำหรับบุคคลผู้ประพฤติเช่นนั้น

ขออนุโมทนา


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
จักรกฤษณ์
วันที่ 9 ก.พ. 2553

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
ups
วันที่ 9 ก.พ. 2553

การอยู่ในเพศบรรพชิต ยากจริงครับ ไม่ไปแล้ว

สาธุ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
panasda
วันที่ 9 ก.พ. 2553

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
JANYAPINPARD
วันที่ 10 ก.พ. 2553

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
Sam
วันที่ 10 ก.พ. 2553

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
bumbe
วันที่ 11 ก.พ. 2553

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
bsomsuda
วันที่ 11 ก.พ. 2553

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
pornpaon
วันที่ 13 ก.พ. 2553

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
chatchai.k
วันที่ 18 ก.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ