อุโบสถกึ่งหนึ่ง
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๗ - หน้าที่ 301
อรรถกถากิงฉันทชาดก
เมื่อพระราชากำลังทรงซักถามพวกอำมาตย์ว่า ท่านทั้งหลายสมาทานอุโบสถละ หรือ? จึงตรัส ถามปุโรหิตนั้น ผู้รับสินบนและตัดสินอรรถคดีโดยอยุติธรรม ในเวลา กลางวันแล้วมาสู่ที่เฝ้าว่า ท่านอาจารย์ ท่านสมาทานอุโบสถแล้วหรือ? ปุโรหิตนั้น ทูลคำเท็จว่าสมาทานแล้ว พะย่ะค่ะ แล้วลงจากปราสาทไป. ครั้งนั้น อำมาตย์ผู้หนึ่ง ท้วงว่า ท่านไม่ได้สมาทานอุโบสถมิใช่หรือ? ปุโรหิตนั้นพูดแก้ตัวว่าข้าพเจ้าบริโภค อาหารเฉพาะในเวลาเท่านั้น และข้าพเจ้ากลับไปเรือนแล้วจักบ้วนปากอธิษฐาน อุโบสถ ไม่บริโภคอาหารในเวลาเย็น ข้าพเจ้าจักรักษาอุโบสถศีลในเวลากลางคืน ด้วยอาการอย่างนี้ ข้าพเจ้าก็จักมีอุโบสถกรรมกึ่งหนึ่ง. อำมาตย์ผู้นั้นกล่าวว่า ดีละ ขอรับ ท่านอาจารย์ เขากลับเรือนแล้วก็ได้กระทำอย่างนั้น
ในเวลาต่อมา พราหมณ์ปุโรหิตนั้นทำกาลกิริยาแล้ว ได้ไปบังเกิดเหนือสิริ ไสยาสน์อันอลงกต ในวิมานทองอันงามเรืองรอง มีภูมิภาคเป็นรมณียสถาน ใน สวนอัมพวัน มีบริเวณ ๓ โยชน์ ใกล้ฝั่งน้ำโกสิกิคงคานทีในหิมวันตประเทศ ดุจ คนที่หลับแล้วตื่นขึ้น มีเรือนร่างอันประดับตกแต่งดีแล้ว ทรงรูปโฉมงามสง่า แวด ล้อมด้วยนางเทพกัญญาหมื่นหกพันเป็นบริวาร. เขาได้เสวยสิริสมบัตินั้น เฉพาะใน เวลากลางคืนเท่านั้น.

