พระธรรม และ ผู้ฟัง

 
พุทธรักษา
วันที่  28 ก.ย. 2552
หมายเลข  13745
อ่าน  738

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

สนทนาธรรม ณ อาคารมูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ที่ ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๕๒ ถอดเทปโดย คุณย่าสงวน สุจริตกุล

ท่านผู้ฟัง ท่านอาจารย์เคยสอน ว่า พระธรรมที่พระผู้มีพระภาคฯ ทรงตรัสรู้และ ทรงประทานไว้เป็นศาสดาแทนพระองค์ นั้นมีไว้ เพื่อ "ศึกษา"และ อันตรายที่สุด คือ "การคลุกคลีกับความเห็นผิด"กรุณาขยายความด้วยค่ะ

ท่านอาจารย์ ถ้าสะสมอัธยาศัยมา ที่จะเห็นผิดแม้ได้ยินคำที่ถูก ก็เข้าใจผิดเพราะว่า สะสมมา ที่จะเห็นผิด มีท่านผู้หนึ่ง ท่านเล่าให้ฟังว่า ท่านก็สนใจธรรมแล้วก็ไปสู่สถานที่ ที่มีการสอนธรรมะ หลายแห่งจนกระทั่งถึงที่หนึ่ง ซึ่งสอนว่า ให้ไปอินเดีย และนั่งใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ๗ วัน แล้วจะได้รู้แจ้งอริยสัจจธรรม

ท่านผู้นั้น บอกว่า ท่านไม่ไปที่นั่นอีกเลย เมื่อมีผู้ถามว่าทำไม ท่านก็บอกว่าคนที่พูดอย่างนั้น เชื่อได้หรือไม่ ท่านผู้นั้นไม่ไปสู่คำสอนอย่างนั้นอีกเลย

เพราะเป็นคำสอนที่ไม่ถูกต้อง ไปที่ไหนก็ตาม ที่มีแต่การสอนให้ทำ ให้นั่ง ให้อะไรต่างๆ แต่ ไม่สอน "เรื่องปัญญา" เลย ทั้งๆ ที่ คำสอนของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ทุกคำ นั้นยากแสนยาก กว่าที่จะได้มาแต่ละคำเป็นคำจริง เป็นสัจจธรรมซึ่ง ผู้ฟัง สามารถที่จะไตร่ตรอง พิจารณา คำสอนนั้นด้วยปัญญาของผู้ฟังเอง

ที่สำคัญที่สุด พระธรรมคำสอนที่ถูกต้องคือ สามารถที่จะทำให้ "ผู้ฟัง" เกิด "ปัญญา" ของตนเองนี่เป็นสมบัติล้ำค่าที่สุด ไม่ควรเชื่อ โดยไม่รู้ ไม่เข้าใจ เพราะฉะนั้น ถ้ามีคำสอนใดที่สามารถทำให้เข้าใจ "สภาพธรรม" ที่มีจริง ฟัง และ ศึกษา จนกระทั่งเป็น "ความเข้าใจที่เพิ่มขึ้นได้" ด้วยตนเองนั่นคือ คำสอนของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า

เพราะว่าขณะใด ที่มี "ความเข้าใจถูก" ขณะนั้น ไม่มีอวิชชาคือ ไม่มีการยึดถือในสภาพธรรมทั้งหลาย ที่เคยยึดถือมานานแสนนาน ว่า เป็นเรา หรือ เป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด ด้วยเหตุนี้พระธรรมคำสอนของพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงสมบูรณ์ ด้วย ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ

ถ้าไม่มีปริยัติ คือ การรอบรู้ ในสิ่งที่มีจริง ในขั้นการฟังให้มั่นคงและถูกต้องก็ไม่มีทางที่จะถึง "ความเป็นจริงของสภาพธรรม" ได้ เพราะไม่มี "ปัญญา"

"ปัญญา" ที่รู้ว่าความจริงของสภาพธรรม ที่กำลังปรากฏ ขณะนี้ที่มีจริงๆ นั้น เป็นอย่างไร "ปัญญา" ที่รู้ว่าการที่จะไปถึง "การรู้ความจริงของสภาพธรรม" นั้นไปถึงได้อย่างไร.?เพราะฉะนั้น ก็เป็นเรื่องของ "อัธยาศัย" คือ การสะสมของแต่ละบุคคล

แต่ละท่าน อาจจะเคยผ่าน เคยได้ฟัง เคยสนใจในพระธรรมคำสอนแต่ ความเป็นผู้ละเอียด คือ ฟังแล้ว ก็ไตร่ตรองแล้ว ไตร่ตรองอีก หรือ เป็นผู้ฟังที่ไม่ละเอียดคือ ฟังแล้ว ไม่ไตร่ตรอง จนกระทั่งไม่มี "ความสอดคล้องของธรรม" เช่น คำสอนที่ว่า "ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา" ถ้าพูดอย่างนี้ แล้ว แล้วบอกให้ไปทำอย่างนั้นนี่เป็น "อัตตา" หรือ เป็น "อนัตตา" เพราะฉะนั้น ต้องเป็น เรื่องของปัญญาซึ่งเป็นการเข้าใจ "ความเป็นอนัตตา" อย่างมั่นคงคือ การเข้าใจ ว่า เป็น "ธรรม" ซึ่งใคร ก็บังคับบัญชา ไม่ได้

ขออนุโมทนาขออุทิศกุศลแด่คุณพ่อ คุณแม่ และ สรรพสัตว์


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
Sam
วันที่ 29 ก.ย. 2552

กุศลกรรมที่ได้ทำไว้แล้ว เป็นเหตุให้ได้ยินเสียงพระธรรม ความเห็นถูกที่สะสมไว้แล้ว ทำให้มีการฟัง และเข้าใจพระธรรม ดังนั้น เราจึงควรสะสมกุศลกรรมทุกประการ โดยเฉพาะกุศลที่ประกอบด้วยปัญญา หรือความเห็นที่ถูกต้องนั่นเอง ครับ

ขอกราบอนุโมทนาท่านอาจารย์ฯ

และขออนุโมทนาท่านผู้นำข้อความมาแสดงครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
พุทธรักษา
วันที่ 30 ก.ย. 2552

เราจึงควรสะสมกุศลกรรมทุกประการ โดยเฉพาะกุศลที่ประกอบด้วยปัญญา หรือความเห็นที่ถูกต้องนั่นเองครับ

ขออนุโมทนาในวิริยารัมภกถา ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
อภิรดี
วันที่ 30 พ.ย. 2552

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
chatchai.k
วันที่ 18 ก.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ