เพียงความทรงจำ !

 
พุทธรักษา
วันที่  13 ก.ย. 2552
หมายเลข  13518
อ่าน  966

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

สนทนาธรรมที่ประเทศอินเดียณ พระคันธกุฎี พระวิหารเชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี กรุงสาวัตถีตุลาคม ๒๕๔๒

ท่านอาจารย์ ขณะที่กระทบสัมผัสกับสิ่งที่อยู่ในมือ ... แข็ง ไหมคะ.?

คุณบุตรสาวงษ์ แข็ง ครับ

ท่านอาจารย์ ทุกคน ตอบได้ ว่า แข็ง แต่ ขณะนั้น ... สติ เกิด หรือเปล่า?

คุณบุตรสาวงษ์ ไม่มี ครับ

ท่านอาจารย์ ไม่มี ... นี่คือความตรงเพราะว่า ลักษณะ "แข็ง" มีจริงๆ ฟังแล้ว อย่างเพิ่งเบื่อฟังแล้ว ฟังอีก แล้วค่อยๆ พิจารณา ตามความเป็นจริงว่า วันหนึ่งๆ มีการกระทบ แข็ง กี่ครั้ง ตั้งแต่ตื่น ... มีใครนับ มีใครบอกได้ไหม? บอกไม่ได้เลย เพราะอะไรคะ?เพราะไม่ได้ใส่ใจใน "ลักษณะแข็ง" เช่น ขณะที่กระทบ "สภาพแข็ง" ก็เป็น ช้อน เป็นซ่อม เป็นแก้วน้ำ ฯลฯ แม้แต่ขณะนี้ ... ขณะที่กำลังกระทบ "สภาพแข็ง" ก็ เป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด นี่แสดงให้เห็นว่า แม้ ปรมัตถธรรม กำลังปรากฏ ทางกายคือ มีการกระทบ อ่อน-แข็ง โดยอาศัย กายปสาทรูปและ รูป ซึ่งมีลักษณะ อ่อน-แข็ง นี้ ปรากฏให้จิต รู้ ลักษณะสภาพแข็ง ได้ แต่ว่า ... ปรากฏเพียงชั่วขณะที่สั้นมาก เพราะฉะนั้น "ความทรงจำ" เรื่องลักษณะสัณฐานของสิ่งที่กำลังปรากฏนั้นเองที่ทำให้ นึกถึง "เรื่องราวต่างๆ " ทันที

ที่ใช้คำว่า "ทันที" ผู้ที่ศึกษา ปรมัตถธรรม ก็ต้องเข้าใจด้วย ว่า หมายถึง จิตประเภทไหนเกิดทางทวารไหน มีจิตอะไรคั่น ก่อนที่จะถึงมโนทวาร แต่ที่กล่าวนี้ กล่าวโดยนัยของพระสูตร ซึ่งไม่ได้แสดง เรื่องของจิตแต่ละขณะ หรือ จิตแต่ละวาระ ฯ แต่ เป็นการแสดงให้ผู้ฟัง ที่กำลังฟังในขณะนี้สามารถที่จะพิจารณาได้ว่า ขณะที่กำลังกระทบ แข็ง ... ขณะนี้เมื่อ ไม่มี "สัมมาสติ" ระลึก เพื่อที่จะศึกษา "ลักษณะของสภาพแข็ง" ก็ไม่รู้ "ลักษณะของสภาพแข็ง" ที่กำลังกระทบกายทวาร ตามความเป็นจริง

ความรู้จริงๆ ก็คือ ว่า "สภาพแข็ง" เป็นสภาพธรรมอย่างหนึ่งที่ปรากฏทางกายไม่ใช่ สิ่งต่างๆ ที่เคยทรงจำไว้ หรือ ทางตา ซึ่ง เห็น สิ่งที่ปรากฏทางตา ก็เป็นสภาพธรรม อีกอย่างหนึ่งที่ปรากฏได้เฉพาะทางตา เท่านั้น ซึ่ง คนตาบอด ไม่เห็นแต่เมื่อเห็นสิ่งที่กำลังปรากฏทางตาเรามักเห็น ว่า เป็นคนนั้น คนนี้ หรือ เป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด แสดงให้เห็นว่า แม้สิ่งที่ปรากฏทางตา มีจริงๆ แต่เกิด-ดับเร็วมากและ "ความทรงจำ" เรื่องของสิ่งที่ปรากฏทางตานั้น ... เกิดสืบต่อ ทำให้ขาดการสังเกต ขาดการใส่ใจ และ ไม่รู้ ว่า แท้จริงแล้ว "สิ่งที่ปรากฏทางตา" นั้น เป็นเพียง "สภาพธรรมอย่างหนึ่ง" ซึ่งปรากฏทางตา เท่านั้น

เพราะฉะนั้น ขณะนี้ ถ้าจะศึกษาธรรมะก็คือ การศึกษา "สิ่งที่กำลังปรากฏในขณะนี้" มีการเห็น ... ซึ่งเคยเป็นเรา ที่เห็น และ เคยคิดว่า เป็นคนนั้น คนนี้ หรือ เป็นสิ่งต่างๆ มี "ลักษณะ" ไหมคะ ที่เริ่มจะ รู้ หรือ เฉลียวใจ หรือ สติ เกิด ระลึกได้ ว่าเป็นเพียง สิ่งที่กำลังปรากฏทางตา ... เมื่อเห็น และ ปรากฏเพียงชั่วขณะที่สั้นมาก เฉพาะเมื่อเห็นขณะใด ไม่เห็น ... สิ่งนี้ ไม่ปรากฏ

เพราะฉะนั้น "สิ่งที่ทรงจำไว้" เมื่อเห็น สิ่งที่ปรากฏทางตาคิดว่ามีอยู่ ... ไม่เกิด ไม่ดับ และ คิดว่า เป็นของเราตลอดเวลา นั้น แท้จริงแล้ว ปรากฏทางตา เมื่อกำลังเห็น เท่านั้น ขณะใด ที่ไม่เห็น ... สิ่งนั้น ก็ไม่ปรากฏเพียงแต่ "ทรงจำ" ไว้ ว่า มีสิ่งนั้นๆ ทรงจำไว้ ว่า เป็นเรา หรือ เป็นของเรา

ขออนุโมทนา

ขออุทิศกุศลแด่ คุณพ่อ คุณแม่ และ สรรพสัตว์.


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
วิริยะ
วันที่ 13 ก.ย. 2552

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
จักรกฤษณ์
วันที่ 13 ก.ย. 2552

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
opanayigo
วันที่ 26 ก.ย. 2552

อนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
rajapol
วันที่ 23 ต.ค. 2552

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
chatchai.k
วันที่ 18 ก.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ