ตกใจบ่อยหรือขวัญอ่อนง่าย จะมีธรรมอะไรช่วยได้บ้าง

 
ช่อฟ้า
วันที่  11 ส.ค. 2552
หมายเลข  13147
อ่าน  3,557

เป็นจนเบื่อตัวเอง กำลังฝึกสติ กับตามดูจิตตัวเอง ก็ยังเอาไม่อยู่ค่ะ หรืออินทรีย์

อ่อนไป หรือปล่อยเป็นเรื่องของ อนัตตา บังคับบัญชาไม่ได้ ใช้ธรรม อะไร ช่วยดูแล

ได้บ้างไหมคะ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
prachern.s
วันที่ 13 ส.ค. 2552

ควรทราบว่า การฟังพระธรรมเพื่อการสะสมอบรมเจริญปัญญา จนปัญญาเจริญ

ขึ้นเป็นลำดับถึงการดับกิเลสทั้งหมดได้ ชื่อว่าแก้ปัญหาที่มีที่เป็นอยู่ได้ทั้งหมดดังนั้นปัญหาที่คุณช่อฟ้าที่เป็นอยู่ ก็จะแก้ด้วยวิธีเดียวกัน ไม่มีวิธีอื่นเลยครับแต่ต้องอาศัยเวลามากหน่อยนะครับ เพราะกิเลสที่เคยสสะสมมามากต้องอาศัย

เวลามากด้วยเช่นกัน..

ขอเชิญทุกท่านร่วมสนทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
ไตรสรณคมน์
วันที่ 13 ส.ค. 2552

พิจารณาสภาพธรรมที่เกิดขึ้น....ตามความเป็นจริงดีกว่านะคะ

ไม่ควรหาอุบายหรือวิธีที่ทำให้ "ผิดปกติ" ไปจากชีวิตประจำวัน

เพราะนั่นเป็นการเพิ่มความเป็น "ตัวตน"

จะเอาความเป็นตัวตน ไปละความเป็นตัวตนไม่ได้ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
pannipa.v
วันที่ 13 ส.ค. 2552

อนุโมทนา ความคิดเห็นที่ ๓ ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
ไตรสรณคมน์
วันที่ 13 ส.ค. 2552

^

^

โห....พี่สาวหายไปนานเรยค่ะ

แน่ะ....นางฟ้า ท่านจงมาบ่อยๆ อิ_อิ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
วันใหม่
วันที่ 13 ส.ค. 2552

ไม่มีใครปล่อย ไม่มีใครบังคับ ไม่มีใครให้ตกใจหรือกลัว แต่ทุกอย่างเป็นธรรมและเป็นอนัตตา เมื่อยังมีกิเลสที่สะสมมา ก็ยังเป็นปัจจัยให้เกิดการตกใจและความกลัวได้บ่อยๆ ค่อยๆ เข้าใจว่าเป็นธรรมในขั้นการฟัง ย่อมเป็นปัจจัยให้รู้ความจริงของสภาพธรรมว่าเป็นธรรมไม่ใช่เราได้ แต่ไม่ใช่เราที่จะพยายามตามดู เพราะนั่นไม่ใช่สติแต่เป็นเราด้วยโลภะ ความต้องการที่จะรู้ แต่ไม่ได้รู้ ลักษณะของสภาพธรรม ว่าเป็นธรรม

ไม่ใช่เรา
เมื่อกล่าวถึงประเด็นในเรื่องของการดูจิต

ที่กล่าวว่า ดูจิต หมายถึง สติที่ระลึกในสภาพธัมมะ ต้องพิจารณาให้ละเอียด ถาม

ว่าใครดู สติใช่ไหม ธรรมเป็นอนัตตา บังคับบัญชาได้ไหม สติเป็นธรรมหรือเปล่า

บังคับได้ไหม แล้วบังคับที่จะดูจิตได้ไหม ขณะที่มีความต้องการที่จะดูจดจ้องที่สภาพ

ธัมมะที่เกิด ขณะนั้น เป็นความต้องการ เป็นโลภะ หรือ สติ

ดังนั้น ตัวตนหรือความเป็นเรา อันเนื่องมาจากความต้องการ (โลภะ) ไม่ได้หนี

หายไปไหนเลย โลภะเคยต้องการรูป เสียง.... พอมาศึกษาธัมมะก็เปลี่ยนรูปแบบมา

เป็นความต้องการที่จดจ้อง ดูจิต ตามจิตที่เกิด ซึ่งโลภะ แนบเนียนมาก (ขณะนั้นก็ไม่ใช่

หนทาง ยิ่งไกลกันไปอีก) และที่สำคัญที่สุด เราลืมพื้นฐานที่สำคัญที่จะทำให้สติเกิด

และหนทางที่ถูกคือ ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา แม้สติก็เป็นอนัตตา บังคับให้เกิดตามใจ

โดยการตามดูจิตไม่ได้

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
wannee.s
วันที่ 13 ส.ค. 2552

ขณะที่ตกใจ เป็นอกุศลเป็นโทสะ ขั้นแรกให้ละความไม่รู้ ความเห็นผิดก่อน โทสะไม่มี

ใครชอบ และไม่มีใครช่วยเราได้ นอกจากเราสะสมเหตุใหม่ สะสมปัญญาด้วยการตั้งใจ

ฟังธรรมะให้เข้าใจ และการอบรมเจริญเมตตาด้วย เพราะเมตตาตรงกันข้ามกับโทสะค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
จักรกฤษณ์
วันที่ 13 ส.ค. 2552

การพิจารณาเรืองมรณานุสตินั้น

จะช่วยให้โทสะมูลจิตที่เกิดจากความกลัวคลายลงได้บ้างหรือไม่ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
วันใหม่
วันที่ 13 ส.ค. 2552

จากความเห็นที่ 13

ควรเข้าใจว่า โทสะจะดับหมดได้เมื่อเป็นพระอนาคามี แต่หากปัญญาเจริญขึ้น โทสะที่เป็นความกลัวย่อมเกิดน้อยลงตามกำลังของปัญญา ผู้ที่มีการพิจารณาความตายไม่มาก ก็ย่อมเกิดความกลัวตายได้เมื่อเหตุปัจจัยพร้อม ส่วนผู้ที่อบรมพิจารณาความตายเป็นนิจ ปัญญาย่อมเจริญ เข้าใจความจริง ในเรื่องของความตาย ย่อมเป็นผู้เกิดความกลัวตายน้อยลงตามลำดับของปัญญาที่เจริญขึ้น อันเกิดจากการพิจารณาความตายที่เป็นมรณานุสสติที่เป็นกุศลธรรม เชิญอ่านข้อความเพิ่มเติมได้ดังนี้

วิสุทธิมรรคแปล ภาค ๒ ตอน ๑ - หน้าที่ 24

[อานิสงส์เจริญมรณสติ]
สัตว์ทั้งหลายผู้มิได้อบรมเรื่องตาย เวลาจะตายย่อมถึงความกลัว ความสะดุ้ง ความหลง ดุจคนถูกสัตว์ร้าย ยักษ์ งู โจร และผู้ร้ายฆ่าคนจู่โจมเอา (ไม่ทันรู้ตัว) ฉันใด เธอมิได้ถึงความเป็นฉันนั้น เป็นผู้ไม่กลัว ไม่หลงทำกาลกิริยา ถ้าเธอมิได้ชมพระอมตะในทิฏฐธรรมนี้ไซร้ เพราะกายแตก (ตายไป) ย่อมเป็นผู้มีสุคติเป็นที่ไปในเบื้องหน้าเพราะเหตุนั้นแล ผู้มีปัญญาดีพึงทำความไม่ประมาทในมรณสติ อันมีอานุภาพมากอย่างนี้ ทุกเมื่อเทอญ

 
  ความคิดเห็นที่ 18  
 
ups
วันที่ 14 ส.ค. 2552

ขออนุโมทนาคุณวันใหม่ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 19  
 
pornpaon
วันที่ 14 ส.ค. 2552

เคยเป็นคนกลัวผีมากถึงมากที่สุดค่ะ

แต่หลังจากได้ฟังธรรม ศึกษาธรรมมาระยะหนึ่ง

จึงรู้ว่า สิ่งต่างๆ ที่ปรากฏเป็นเพียง รูป นาม และ ผี ก็ไม่มี

และที่สำคัญมากคือ การคิดเอง แต่งเติมความคิดไปตามที่ได้เคยจำไว้

จากหนัง ละคร หรือหนังสือนิยายต่างๆ บ้าง ทำให้ดิฉันยิ่งกลัวหนักขึ้นอีก

(ความคิดเป็นไปในอกุศลนี่แหละค่ะ ที่น่ากลัวยิ่งกว่าผี)

เดี๋ยวนี้ ความสะดุ้งกลัวในอะไรที่ไหวๆ หรือที่มืดๆ แม้จะเบาบางลงแล้ว

แต่ความกลัวผีที่ไม่มีจริงก็ยังมีอยู่ ไม่ใช่ว่าไม่มี

เพราะคงสะสมโทสะในเรื่องนี้มายาวนานในสังสารวัฏฏ์

ความค่อยๆ เข้าใจขึ้นในพระธรรม

ว่าทุกอย่างล้วนเป็นธรรม และอะไรก็ตามที่เกิด ย่อมตาย

จะทำให้การตกใจบ่อยหรือขวัญอ่อนง่ายค่อยๆ คลายลง ทีละนิดๆ ด้วยความเข้าใจ


ขออนุโมทนาในกุศลจิตและกุศลวิริยะของทุกท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 20  
 
กิเลสเน่าหนา
วันที่ 16 ส.ค. 2552

อ้างอิงจาก : หัวข้อ 13147 โดย ช่อฟ้า

เป็นจนเบื่อตัวเอง กำลังฝึกสติ กับตามดูจิตตัวเอง ก็ยังเอาไม่อยู่ค่ะ หรืออินทรีย์

อ่อนไป หรือปล่อยเป็นเรื่องของ อนัตตา บังคับบัญชาไม่ได้ ใช้ธรรม อะไร ช่วยดูแล

ได้บ้างไหมคะ


ความเบื่อก็เป็นสภาพธรรม การฟังธรรมเป็นปัจจัยให้สติเกิดครับ จะไปฝึกหรือจะไปทำ

ไม่ได้น่ะ ที่บอกว่าตามดูจิตตัวเองนี่อะไรตามครับ อินทรีย์ต้องอบรมแต่ไม่ใช่มีเราไป

อบรม หรือจะปล่อยก็ดูเหมือนจะเป็นตัวตนที่ปล่อย ใช้ธรรมอะไรก็ไม่ได้ ก็คุณเองก็

บอกว่าเป็นอนัตตานี่ครับ การระลึกสภาพธรรมล้วนเกิดจากความเข้าใจ ไม่มีเราที่ระลึก

ไม่มีเราที่ใช้

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ