ในทางธรรมการพิจารณาสิ่งที่ผ่านมาเป็นประโยชน์หรือไม่...อย่างไร

 
JANYAPINPARD
วันที่  20 ก.ค. 2552
หมายเลข  12942
อ่าน  1,313

โดยปกติชินกับการ..ที่ได้ยิน..ได้อ่านว่า ศึกษา วิเคราะห์อดีตเพื่อแก้ไขปัญหาในปัจจุบันและอนาคตหรือบทเรียนในอดีตอาจจะเป็นประโยชน์ในปัจจุบัน....แต่จากการศึกษาธรรมะเหมือนว่าเรื่องดังกล่าวไม่เป็นประโยชน์ควรพิจารณาสภาพธรรมที่ปรากฏเท่านั้น...ในพระไตรปิฏกกล่าวถึงเรื่องนี้อย่างไรคะ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
prachern.s
วันที่ 20 ก.ค. 2552
ถ้าพูดถึงประโยชน์แล้วมีหลายระดับขั้น คือ ประโยชน์โลกนี้ ประโยชน์โลกหน้าและ ประโยชน์อย่างยิ่ง โดยทั่วๆ ไป การกระทำ คำที่พูด และความคิดที่จะทำให้เกิดประโยชน์อย่างใดอย่างหนึ่งก็ใช้ได้ ที่สำคัญอยู่ที่สภาพจิตเป็นสำคัญ ไม่ว่าเรื่องนั้นจะเป็นอดีต อนาคต หรือปัจจุบัน ก็ตาม ถ้าก่อให้เกิดประโยชน์ คือสภาพของจิตเป็นกุศลก็เป็นสิ่งที่ดี แต่จะเป็นประโยชน์ระดับไหนก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เพราะขึ้นอยู่ที่ปัญญาของแต่ละท่านด้วย ทุกคนสะสมมาไม่เหมือนกันครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
ใจรวยริน
วันที่ 20 ก.ค. 2552

บทเรียนในอดีต เป็นประโยชน์หรือไม่

ขึ้นอยู่กับว่าเราเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นแค่ไหน

และเรายอมรับบทเรียนจริงๆ หรือเปล่า

สภาพจิตใจเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา กิเลสยังตัดไม่ได้เด็ดขาด

วันนี้รู้สึกว่าเป็นบทเรียน

แต่วันหน้าสถานะการณ์เปลี่ยนไปกิเลสก็เปลี่ยนรูปแบบ บทเรียนที่ว่าก็ถูกลืม

ตัวสภาวะธรรมวัดไม่ได้ด้วยเรื่องราว หรือบทเรียนใดๆ

เพราะสภาวะธรรม เป็นกุศลหรืออกุศล เปลี่ยนแปลงไม่ได้

แต่ความรู้สึก ความคิดเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา

ถ้าไม่รู้จริงๆ อะไรผิดอะไรถูก ความเป็นตัวตน อดีตที่สะสมมาก็เข้าครอบงำ

ในพระไตรปิฎกมีกล่าวมากมายถึงกิเลสทั้งหลายที่ครอบงำตามการสะสม

หลายๆ เรื่องท่านใช้เวลาและความอดทนนานมากในการละบาป บำเพ็ญบุญ

ยากจริงๆ ที่จะเป็นคนดีจริงๆ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
ajarnkruo
วันที่ 20 ก.ค. 2552

คิดเพราะกุศลจิตเป็นปัจจัยให้คิด ...เป็นประโยชน์คิดเพราะอกุศลจิตเป็นปัจจัยให้คิด ...ไม่เป็นประโยชน์

ถ้าสติฯ ระลึกได้และปัญญาก็เข้าใจถูก เห็นถูกในนามธรรมที่กำลังคิด

ว่าเป็นสภาพธรรมอย่างหนึ่ง ไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่เราไม่ว่าความคิดนั้นจะกำลังคิดด้วยกุศล หรือ ด้วยอกุศลก็ตาม...ขณะนั้นเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง...

เพราะว่ากำลังเป็นการศึกษาให้ค่อยๆ เกิดความรู้ที่ถูกต้อง

ในสภาพธรรมที่ปรากฏ...ตรงตามความเป็นจริง

00327 ไม่ควรคำนึงถึงสิ่งที่ล่วงแล้ว

...พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงได้ตรัสดังนี้ว่า...

บุคคลไม่ควรคำนึงถึงสิ่งที่ล่วงแล้ว

ไม่ควรมุ่งหวังสิ่งที่ยังไม่มาถึง

สิ่งใดล่วงไปแล้ว สิ่งนั้นก็เป็นอันละไปแล้ว

และสิ่งที่ยังไม่มาถึง ก็เป็นอันยังไม่ถึง

ก็บุคคลใดเห็นแจ้งธรรมปัจจุบันไม่ง่อนแง่น

ไม่คลอนแคลนในธรรมนั้นๆ ได้

บุคคลนั้น พึงเจริญธรรมนั้นเนืองๆ ให้ปรุโปร่งเถิด


ธรรมเตือนใจวันที่ : 13 ก.ย. 2548


ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
Sam
วันที่ 20 ก.ค. 2552

เมื่อยังมีเหตุปัจจัย จะห้ามความคิดถึงอดีตหรืออนาคตก็ย่อมไม่ได้ (แม้ว่าจะรู้แล้วว่า

ไม่ควรคิดถึงเรื่องเหล่านั้น)

การเจริญสติจึงไม่ใช่การห้ามความคิดครับ เพราะห้ามไม่ได้ แต่ถ้าหากสติเกิดขึ้น

ระลึกลักษณะสภาพรู้ที่กำลังคิด ขณะที่คิดนั้นย่อมเป็นประโยชน์ (ไม่ว่าเรื่องที่คิด

นั้นจะเป็นอดีต ปัจจุบัน หรืออนาคตครับ)

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
wanchai2504
วันที่ 20 ก.ค. 2552
"...ไม่ว่าความคิดนั้นจะกำลังคิดด้วยกุศล หรือ ด้วยอกุศลก็ตาม ...ขณะนั้นเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง... เพราะว่ากำลังเป็นการศึกษาให้ค่อยๆ เกิดความรู้ที่ถูกต้อง ในสภาพธรรมที่ปรากฏ...ตรงตามความเป็นจริง..." ขออนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
pornpaon
วันที่ 20 ก.ค. 2552

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
suwit02
วันที่ 20 ก.ค. 2552

สาธุ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
วันใหม่
วันที่ 20 ก.ค. 2552

มั่นคงในความเป็นอนัตตาของสภาพธรรม คิดมีจริง ห้ามให้ไม่ให้คิดได้ไหม

เมื่อเห็นสิ่งที่ปรากฎทางตา ย่อมเป็นปัจจัยให้คิดปรุงแต่งไปตามการสะสม

แม้ไม่เห็นสิ่งใด ไม่ได้ยินอะไร นึกคิดได้ไหม ห้ามได้หรือเปล่า

แม้การคิดในเรื่องในอดีต

ขณะที่คิดถึงเรื่องอดีต ขณะนั้นอะไรมีจริง เรื่องราวหรือสภาพที่คิด

ในพระไตรปิฎกในเรื่องผู้มีราตรีเดียวหนึ่งเจริญ

ไม่ควรคำนึงในสิ่งที่ล่วงไปแล้ว เพระระลึกด้วยอำนาจกิเลส

ไม่ควรมุ่งหวังในสิ่งที่ยังมาไม่ถึงเพระเป็นไปด้วยกิเลสในขณะนั้น

เห็นแจ้งในธรรมในปัจจุบัน ขณะที่คิด คิดคือสิ่งที่มีจริงเป็นปัจจุบันกำลังปรากฎ

พึงเจริญธรรมนั้นเนืองๆ คือสติเกิดระลึกว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา

คิดอยู่แล้วเป็นปกติทั้งในเรื่องอดีต..อนาคต

ประโยชน์คือฟังให้เข้าใจในเรื่องสภาพธรรม

นั่นแหละจะเป็นปัจจัยให้เข้าใจตัวจริง

แม้ขณะคิดเรื่องอดีต

อนุโมทนา สาธุ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
khampan.a
วันที่ 20 ก.ค. 2552

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
Pongpat
วันที่ 21 ก.ค. 2552

การพิจารณาผม ขน เล็บ ฟัน หนัง

จัดเป็นการพิจารณาอดีตหรือเปล่าครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
prachern.s
วันที่ 21 ก.ค. 2552
อ้างอิงจาก : หัวข้อ 12942 ความคิดเห็นที่ 11 โดย Pongpat

การพิจารณาผม ขน เล็บ ฟัน หนัง

จัดเป็นการพิจารณาอดีตหรือเปล่าครับ


การพิจารณาผม ขน เล็บ ฟัน หนัง เป็นการพิจารณาบัญญัติครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
Pongpat
วันที่ 21 ก.ค. 2552
ขอบพระคุณครับ ขออนุโมทนา
 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
จำแนกไว้ดีจ๊ะ
วันที่ 21 ก.ค. 2552

บุคคล รำพึง ถึงอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ด้วยสติบุคคล ไม่รำพึง ถึงอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ด้วยสติ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
opanayigo
วันที่ 21 ก.ค. 2552

ทุกสิ่งเกิดขึ้นอย่างมีเหตุและผลเสมอ

ทุกสิ่งเป็นธัมมะ

ความเข้าใจถูกช่วยทุกสิ่งได้เสมอ

อนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 16  
 
เมตตา
วันที่ 22 ก.ค. 2552

การฟังพระธรรมบ่อยๆ เนืองๆ แล้วมีความเข้าใจในลักษณะสภาพธรรม

ที่กำลังปรากฎ เกื้อกูลให้สติน้อมไปในลักษณะสภาพธรรม...

เมื่อมีความเข้าใจพระธรรม ไม่มีตัวตนที่เข้าใจ

มีแต่ปัญญาที่ได้อบรมมาแล้ว...มีแต่สังขารขันธ์ปรุงแต่งให้ปัญญาเกิด...

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 17  
 
 
  ความคิดเห็นที่ 18  
 
orawan.c
วันที่ 22 ก.ค. 2552

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 19  
 
noynoi
วันที่ 22 ก.ค. 2552

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 20  
 
choonj
วันที่ 23 ก.ค. 2552

เจ้าของกระทู้ใช้คำว่า เหมือนว่า ไม่เป็นประโยชน์ ผมว่าไม่เป็นประโยชน์แน่แท้เลยที่เดียว เพราะว่าไม่สามารถประจักษ์สภาพธรรมได้ ในการฟังธรรม เมื่อฟังแล้วก็อาจจะไม่เข้าใจในทันที ท่านว่าจะต้องมีการระลึกและศึกษาเพื่อที่จะเข้าใจได้ถูกต้อง ถ้าไม่เข้าใจก็ถามผู้รู้หรือเทียบเคียงกับพระไตรปิฎก การระลึกและศึกษานั้นก็จะเต็มไปด้วยความคิดเป็นเรื่องเป็นราว ถูกบ้าง ผิดบ้าง เป็นอดีต อนาคต ปัจจุบัน เป็นวิเคราะห์ เป็นปัญหา ฯลฯ ถ้าผิดก็ไม่ต้องพูดถึงทื้งไปได้เลย เอาแต่ที่ถูกทีได้จากกัลยาณมิตรหรือพระไตรปิฎก เมื่อรู้ถูกแล้วก็จบ เป็นรู้ถูกขั้นคิดนึกเท่านั้น แต่จะเป็นสังขารขันธ์ให้สติได้ ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 21  
 
JANYAPINPARD
วันที่ 23 ก.ค. 2552

ที่ว่าคิดถึงอดีตเป็นประโยชน์หรือไม่เป็นประโยชน์..ขึ้นกับขณะจิตที่ระลึกว่าเป็นกุศลหรืออกุศล
.
เช่น..การระลึกถึงความดีที่ทำมาก่อนตายจิตเป็นกุศลนำเกิดในสุขคติภูมิเป็นการระลึกถึงอดีตที่เป็นประโยชน์....และในทางตรงกันข้ามการระลึกถึงอดีตด้วยอกุศลจิตไม่เป็นประโยชน์..

ถ้าสติฯ ระลึกได้และปัญญาก็เข้าใจถูก เห็นถูกในนามธรรมที่กำลังคิด

ว่าเป็นสภาพธรรมอย่างหนึ่ง ไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่เรา

ไม่ว่าความคิดนั้นจะกำลังคิดด้วยกุศล หรือ ด้วยอกุศลก็ตาม...ขณะนั้นเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง (จาก..
ajarnkruo) ............การคิดถึงอดีตโดยปกติเป็นเรื่องราวเป็นบัญญัติไม่เป็นประโยชน์ที่ทำให้รู้สภาพธรรมตามความเป็นจริงแต่บังคับบัญชาไม่ใด้....ความเข้าใจธรรมะจะทำให้พิจารณาได้ว่าอะไรเป็นประโยชน์และไม่เป็นประโยชน์จนถึงเข้าใจธรรมะตามความเป็นจริงด้วยปัญญาละอกุศลได้ตามลำดับและ...ความเศร้าหมองแห่งปัญญาบารมี เพราะกำหนดว่า เรา ของเราเชิญคลิกอ่าน..ความเศร้าหมองแห่งบารมีทั้งหลาย

ขอขอบคุณและอนุโมทนาทุกท่านคะ

 
  ความคิดเห็นที่ 22  
 
choonj
วันที่ 24 ก.ค. 2552

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ