กุศลจิตที่เป็นญาณสัมปยุตต์

 
JANYAPINPARD
วันที่  16 พ.ค. 2552
หมายเลข  12386
อ่าน  3,024

[เล่มที่ 75] พระอภิธรรมปิฎก ธรรมสังคณี เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ 252

บัณฑิตพึงทราบความที่กุศลจิตเป็นญาณสัมปยุตต์ในที่นี้ ด้วยเหตุทั้งหลายเหล่านี้ ส่วนความพิสดารแห่งเหตุทั้ง ๗ เหล่านี้ จักแจ่มแจ้งในอรรถกถาแห่งโพชฌงค์วิภังค์

ก็กุศลจิตที่เกิดขึ้นเป็นญาณสัมปยุตต์ด้วยอาการอย่างนี้ชื่อว่า อสังขาริก เพราะความที่จิตนั้นเป็นสภาพเกิดขึ้นโดยอสังขาร (คือไม่มีการปรุงแต่ง หรือไม่มีการชักชวน) โดยไม่มีปโยคะ (การประกอบ) โดยไม่คิดด้วยอุบายกุศลจิตที่ชื่อว่า อสังขาริกนี้นั้น มีสีงที่น่าปรารถนาเป็นอารมณ์จึงเกิดขึ้นโดยแท้ ย่อมเกิดขึ้นโดยกำหนด ๓ อย่าง คือ ทานมัย สีลมัย และภาวนามัย

ถามว่า กุศลญาณสัมปยุตตจิตที่ชื่อว่า อสังขาริกในทานมัยเป็นต้นนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร

ตอบว่า ก็เมื่อใด บุคคลได้ดอกไม้อย่างใดอย่างหนึ่งในบรรดาดอกไม้ที่มีสีเขียว เหลือง แดง และขาว เป็นต้น แล้วรำพึงถึงสีดอกไม้นั้น แล้วบูชาพระพุทธรัตนะ เป็นต้น ด้วยคิดว่า เราถวายสีเป็นทาน ดังนี้ เมื่อนั้นบุญย่อมสำเร็จด้วยทาน ในทานมัยนั้น มีเรื่องเล่าไว้ดังนี้

ได้ยินว่า ผู้รักษาเรือนคลัง ชื่อว่า สังฆมิต ได้ผ้าลายทอง (ขจิตด้วยทอง) ผืนหนึ่ง จึงคิดว่า ผ้าแม้นี้มีสีเหมือนทอง แม้พระสัมมาสัมพุทธะก็มีพระฉวีวรรณเหมือนทอง ผ้ามีสีเหมือนทองสมควรแก่ผู้ที่มีผิวพรรณดังทองเท่านั้น และการให้สีจักมีแก่พวกเรา ดังนี้ จึงให้เอาขึ้นไปห่มพระมหาเจดีย์ กุศลญาณสัมปยุตตจิตในกาลแม้เห็นปานนี้ บัณฑิตพึงทราบว่า เป็นทานมัย

ก็เมื่อใด บุคคลได้ไทยธรรม (วัตถุที่ควรให้) เหมือนอย่างนั้นนั่นแหละ แล้วบูชาพระรัตนตรัยมีพุทธรัตนะ เป็นต้น ด้วยการคิดว่า นั่นเป็นวงศ์ตระกูล เป็นแบบแผนตระกูล เป็นประเพณีตระกูล เป็นวัตรของเรา ดังนี้ เมื่อนั้น ย่อมเป็นสีลมัย

ก็เมื่อใด บุคคลทำการบูชาพระไตรรัตน์ด้วยวัตถุเช่นนั้น แล้วเริ่มตั้งความสิ้นไป เสื่อมไป ด้วยมนสิการว่า สี (วรรณะ) นี้ จักถึงความสิ้นไป จักถึงความเสื่อมไป ดังนี้ เมื่อนั้น ย่อมเป็นภาวนามัย

อนึ่ง กุศลญาณสัมปยุตตจิตเป็นทานมัยยังเป็นไปอยู่ ในกาลใดความเป็นไปของบุคคลผู้บูชาพระไตรรัตน์ด้วยมือของตน ในกาลนั้น เป็นกายกรรม. ในกาลใด เมื่อบุคคลจะบูชาพระไตรรัตน์จึงสั่งบุตร ภรรยา ทาสกรรมกร และบุรุษเป็นต้นให้บูชา ในกาลนั้น เป็นวจีกรรม. ในกาลใดบุคคลปรารภวัตถุ วัตถุทานที่มีอยู่มีประการตามที่กล่าวแล้วนั้นนั่นแหละ แล้วคิดว่าเราจักให้สีเป็นทาน (วณฺณทานํ) ดังนี้ ในกาลนั้น เป็นมโนกรรม ฯลฯ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
orawan.c
วันที่ 23 มิ.ย. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
chatchai.k
วันที่ 30 มิ.ย. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
Kalaya
วันที่ 21 เม.ย. 2564

สาธุค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ