...เมื่อถึงเวลาตาย !

 
พุทธรักษา
วันที่  9 พ.ค. 2552
หมายเลข  12294
อ่าน  2,165

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

สนทนาธรรมที่เขาเต่า ๑ - ๔ สิงหาคม ๒๕๓๗

ท่านอาจารย์ เวลาที่เราดูทีวี เป็นเรื่องเป็นราว ฉันใด เราก็นึกไปเถอะ ไม่จบฉันนั้นหนังสือที่เขาแต่งให้เราอ่าน เราก็อ่านไป แล้วก็มีการคิด เป็นเรื่องเป็นราว. นอกจาก "เรื่องของหนังสือ"ก็ยังมี "เรื่องที่เราจำมาจากหนังสือ" ให้คิดต่ออีก. เพราะฉะนั้น เราเกิดมา เราอยู่ในโลกของความคิด ซึ่ง ส่วนใหญ่ เป็นอกุศล แล้วเรา ก็จะจากโลกนี้ไป โดยเต็มไปด้วย "เรื่องราว"ซึ่งจริงๆ แล้ว เรื่องราวไม่มีไม่มีอะไรเลย นอกจากกุศลจิต อกุศลจิต ตามเรื่องที่เราคิด

ท่านผู้ฟัง ถ้าอาจารย์ใช้คำว่า "ไม่มี" คนอื่นเขาฟัง เขาก็ต้องเถียง ว่า "ทำไมจะไม่มี"

ท่านอาจารย์ เรื่องอะไรล่ะคะ ที่ว่า มี น่ะค่ะท่านผู้ฟังลองบอกมาสักเรื่อง สิคะ.

ท่านผู้ฟัง มี เมื่อ เห็น (แล้วก็) ขอ "แก้ว" ใบหนึ่งซิ

คุณย่าสงวน มี เมื่อ กระทบ

ท่านอาจารย์ มี เมื่อ "กระทบ" เมื่อ "เห็น" ก็มีความทรงจำ

คุณหญิงณพรัตน์ "สัญญา" จำไว้ ว่า "ถ้วยแก้ว"

ท่านอาจารย์ หมายความว่า มีความคิด และ มีความจำ ใน "เรื่อง" นั้น

ท่านผู้ฟัง ไม่มีแก้ว ไม่ได้ คนเขาต้องเถียงตายเลย

ท่านอาจารย์ เวลาที่ "ไม่จำ" ก็ "ไม่มี" (แต่) เป็นความจำ ว่า มี ขณะนั้น จะรู้จัก "สัญญาขันธ์" ขณะที่ว่า "เราจำ" น่ะค่ะ

คุณย่าสงวน จะได้รู้จัก "ขันธ์ทั้ง ๕" ให้ครบ

ท่านอาจารย์ เพียงแต่ท่านผู้ฟัง คิดอะไรขึ้นมาสักคำหนึ่งก็เป็น "สัญญา" แล้วค่ะเช่น นึกถึงคำว่า "ศรีลังกา" ก็เป็น "สัญญาขันธ์" แล้วแล้วลองคิดดูซิคะ ว่า เราจะจากโลกนี้ไปด้วยความมัวเมา ยึดมั่นในสิ่งที่เราคิดว่า จริงจัง แล้วชาติหน้า ก็จะไม่เหลือเลย แม้แต่ ความจำ ชาติหน้า ก็จะต้องเป็น "ความจำใหม่" ทั้งหมดแต่ เมื่อยังไม่ถึงเวลานั้น ความจำ "เรื่องราว" ต่างๆ ช่างสำคัญเสียเหลือเกิน แต่ ความจริงแล้ว เป็นความคิดของเราเองเพราะฉะนั้น คนเรา คิดทุกข์ คิดสุข ก็ได้

... ขออนุโมทนา ...

สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง มีความตายเป็นธรรมดา มีความตาย เป็นที่สุด ไม่สามารถล่วงพ้นความตายไปได้. ถึงอย่างไร ก็จะต้องถึงวันนั้น อย่างแน่นอน แต่ "ช่วงเวลาที่ยังมีชีวิตอยู่นี้" เป็น "ช่วงเวลาที่สำคัญ" ควรที่จะเป็น "โอกาสของการสั่งสมคุณงามความดี"

เจริญกุศลประการต่างๆ ตามกำลัง รวมถึงการศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรม อบรมเจริญปัญญาสั่งสมความเข้าใจถูก เห็นถูก ในลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ ให้ยิ่งๆ ขึ้นไป ก่อนที่วันนั้นจะมาถึง

ทุกคน ที่เกิดมา ล้วนมีความตาย เป็นที่สุด ทั้งนั้น เมื่อตายไปแล้ว ไม่มีอะไรติดตัวไปเลย แม้แต่อย่างเดียว ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าอาภรณ์ ทร้พย์สินเงินทอง ญาติสนิท มิตรสหาย ผู้เป็นที่รัก, บุคคลผู้ที่เคยรู้จักกัน ก็จะไม่ได้เห็น ไม่ได้รู้จักกันอีกแล้วในชาตินี้ เพราะต้องจากทุกสิ่งทุกอย่างไป เมื่อละจากโลกนี้ไปแล้ว "สิ่งที่สั่งสมอยู่ในจิตของแต่ละบุคคล" ไม่หายไปไหนไม่ว่าจะเป็น กุศล หรือ อกุศล.และยัง "จะต้องสั่งสมต่อไปอยู่เรื่อยๆ " ในสังสารวัฎฎ์. เพราะฉะนั้นแล้ว ถ้าเป็น "โอกาสในการได้สั่งสมกุศล" สั่งสม อบรม เจริญปัญญา ย่อมเป็น"โอกาสที่ดีเป็นอย่างยิ่ง" ในชาตินั้นๆ

จาก "ธรรมทัศนะ"

... ขออนุโมทนา ...


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
พุทธรักษา
วันที่ 9 พ.ค. 2552

เมื่อนึกถึงความตาย

ทำให้คิดนำคำบรรยาย ของอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์มาเขียนเตือนใจไว้ ดังนี้
"การตาย" พรากทุกสิ่ง จากชาตินี้ไปหมดสิ้น ไม่มีอะไรเหลือ เป็นของบุคคลนี้อีกต่อไปแม้แต่ "ความทรงจำ" ชาตินี้ เกิดมาแล้ว จำได้ไหมว่า ชาติก่อนเป็นใคร อยู่ที่ไหน ทำอะไร หมดความเป็นบุคคลในชาติก่อนสิ้นเชิง ฉันใด แม้ชาตินี้ จะได้สร้างบุญ ทำกรรมใด มาแล้ว จะมีมานะ ในชาติ ตระกูล ยศศักดิ์ใดๆ ก็ตาม ก็จะต้องหมดสิ้นไม่มีเยื่อใยในชาตินี้ ภพนี้เหลืออยู่อีกเลย ฉันนั้น

"การตาย"พรากจากทุกสิ่ง โดยสิ้นเชิง ทั้งความคิด ความจำ ความยึดถือใดๆ ทั้งสิ้น ที่เคยเกาะเกี่ยว ผูกไว้ ตั้งแต่เกิด จนเดี๋ยวนี้นั้น ก็จะผูกพัน ยึดถือ ว่าเป็น "ตัวเรา" อีกต่อไป ไม่ได้

จาก "ธรรมทัศนะ"

... ขออนุโมทนา ...


 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
opanayigo
วันที่ 10 พ.ค. 2552

เรียนรู้ว่า จะตายอย่างไร

เพื่อจะรู้ว่า จะอยู่อย่างไร

เรียนรู้ว่า จะอยู่อย่างไร

เพื่อจะรู้ว่า จะตายอย่างไร

ความตายเป็นสิ่งธรรมดา-ธรรมชาติ ที่ทุกคนต้อง พบ แน่นอน

สิ่งสำคัญ คือ ทำอะไรเมื่อยังมีชีวิตอยู่ ก่อนตาย?

กราบอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
suwit02
วันที่ 10 พ.ค. 2552

สาธุ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
คุณ
วันที่ 10 พ.ค. 2552
ขออนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
pornpaon
วันที่ 10 พ.ค. 2552

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
สุภาพร
วันที่ 11 พ.ค. 2552

ขออนุโมทนาค่ะ เมื่อเช้าได้ฟังคำบรรยายของท่านอาจารย์มีว่า เมื่อเกิดมาแล้วก็มี ความทุกข์ตั้งแต่อยู่ในครรภ์จนกระทั่งคลอดออกจากครรภ์มารดาขณะนั้นสัญญาความ จำในภพนี้มีแต่เพราะเหตุใดจึงไม่สามารถจำหรือรับรู้เรื่องราวเหตุการณ์ความรู้สึกเจ็บ ปวดในขณะนั้นได้ ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
aiatien
วันที่ 11 พ.ค. 2552
ขออนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
saifon.p
วันที่ 17 พ.ค. 2552

สัญญาเจตสิกเกิดกับจิตทุกดวงแต่ที่จำไม่ได้เพราะจำแล้วว่า จำไม่ได้ดังนั้นจึง มีเรื่องมากมายที่เราจำไม่ได้ค่ะ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
พุทธรักษา
วันที่ 17 พ.ค. 2552

อ้างอิงจาก : หัวข้อ 12294 ความคิดเห็นที่ 8 โดย saifon.p

สัญญาเจตสิกเกิดกับจิตทุกดวงแต่ที่จำไม่ได้เพราะจำแล้วว่า จำไม่ได้ดังนั้นจึง มีเรื่องมากมายที่เราจำไม่ได้ค่ะ

ขออนุโมทนา

คำถามของคุณสุภาพร น่าสนใจและข้าพเจ้าก็สงสัย รอฟังคำตอบอยู่เหมือนกันค่ะ

อ่านแล้ว เข้าใจขึ้นบ้างเล็กน้อย ขอทบทวนความเข้าใจกรุณาแนะนำด้วยนะคะ

ท่านหมายความว่า ปัญญารู้ "ปัจจุบัน" สำคัญกว่า และที่เราจำอดีตที่นานแล้วขนาดนั้นไม่ได้ เพราะไม่ใช่ปัญญาระดับธรรมดา และถ้าสมมติว่า จำได้จริงๆ ขณะที่ว่านั้น ว่า น่ากลัวอย่างนั้นเราคง "รู้จริง" ว่า การเกิดมานี้ น่ากลัวอย่างนี้ ใช่ไหมคะ ซึ่งจริงๆ แล้ว เราไม่มีทางรู้ได้แบบธรรมดาๆ (ถ้าเข้าใจคลาดเคลื่อน กรุณาแนะนำด้วยนะคะ)

ขอบพระคุณค่ะขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
สุภาพร
วันที่ 20 พ.ค. 2552

ขอขอบพระคุณและอนุโมทนาค่ะ ว่าไม่ใช่ปัญญาที่เราจะรู้ได้

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
choonj
วันที่ 21 พ.ค. 2552

ขอเสนอความเห็นให้อ่านกันเล่นๆ เรื่องการตายและการเกิด ความเห็นที่ว่าทุกข์แล้วตั้งแต่อยู่ในครรภ์ แล้กก็แก่เจ็บตายล้วนเป็นทุกข์ แต่ธรรมสอนว่าสิ่งที่เกิดแล้วดับเป็นทุกข์ สองอย่างนี้มีความต่างกันอยู่นะครับ ทุกข์แล้วตั้งแต่อยู่ในครรภ์ทำให้คิดไปว่า เมื่อเรียนธรรมก็มี่แต่เรื่องทุกข์แล้วก็หาทางดับทุกข์ ทุกวันก็ยุ่งอยู่กับการเรียนดับหรือพ้นทุกข์ เลยทำให้ชีวิตมี่แต่ทุกข์ แล้วเวลายิ้ม ดีใจ หัวเหราะ มีความสุกข์ ซึ่งทนอยู่ง่ายหายไปไหมหมดในชีวิตนี้ มีคนบอกว่าการเกิดเป็นสิ่งที่สวยงาม เด็กเกิดไหม่ฝรังบอกว่าเป็นสิ่งที่สวยงาม เป็นศิลปะ ทุกคนดีใจ ขอบคุณต่อการที่ได้มา การที่มีเห็นได้ ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส ถูก เย็นร้อนอ่อนแขง ก็เป็นสิ่งอัสจรรย์ รูปต่างๆ ที่แปลกๆ ก็เป็นที่น่ามีประสพการ เมื่อมีตาหูจมูกลิ้นกายใจ เกิดขี้งได้ยังไง เป็นไปได้ยังไง เกิดมาจากไหน ดับไปไหน เป็นของขวันจากธรรมชาติ เพราะฉะนั้นชีวิตก็ไม่ใช่มีแต่เรืองทุกข์ แล้วก็ยังต้องมีชีวิตต่ออยู่กับสิ่งเหล่านี้ จนกว่าจะประจักษแจ้งสภาพธรรมตามความเป็นจริงและละได้ ครับ ที่นี้รู้หรือยังว่าจะตายตายอย่างไร จะอยู่อยู่อย่างไร เขียนมาให้อ่านเล่นๆ ครับไม่จริงจัง

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
chatchai.k
วันที่ 19 ก.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ