ปกติ

 
ธีรวุฒิ
วันที่  19 เม.ย. 2552
หมายเลข  11997
อ่าน  927

ในการสนทนาธรรมหลายๆ ครั้ง มักมีผู้กล่าวว่า การศึกษาธรรมะ ไม่ใช่เรื่องที่จะไปทำอะไรที่ผิดปกติไปจากเดิมก่อนที่จะศึกษาธรรมะ เรียนถามว่า ปกติ หมายถึงอะไรครับ ตามความเข้าใจของผมหมายความว่า ก่อนที่จะได้ศึกษาธรรมะเคยประพฤติผิด ทางกาย วาจา ใจ อย่างไรก็ทำอย่างนั้น รึเปล่าครับ ถ้าเป็นเช่นนั้นการศึกษาธรรมะก็ไม่ช่วยให้ความประพฤติดีขึ้นเลยสิครับ ขอความกรุณาช่วยอธิบายด้วยครับ ...

ขอบพระคุณเป็นอย่างสูงครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
prachern.s
วันที่ 20 เม.ย. 2552

ปกติในที่สนทนาธรรมกล่าวถึงบ่อยๆ หมายถึง ชีวิตปกติของคฤหัสถ์ที่มีหน้าที่การงาน มีสิ่งที่จะต้องรับผิดชอบมาก ไม่ต้องไปเปลี่ยนนุ่งขาวห่มขาว เข้าป่าธุดงค์ อยู่แต่คน เดียว อะไรทำนองนี้ คือมีชีวิตแบบที่เคยเป็นก็อบรมเจริญปัญญาได้ เจริญกุศลทุก ประการได้ ส่วนอกุศลธรรมนั้น เป็นธรรมที่จะต้องละ ไม่ควรพอใจในอกุศลธรรม ไม่ ควรทำบ่อยๆ แต่ถ้าพอใจในอกุศลธรรมโดยอ้างว่าเป็นปกติ ความเห็นแบบนี้ต้องผิด แน่ๆ ผู้ที่ศึกษาพระธรรมจนค่อยๆ เข้าใจขึ้น ความประพฤติทางกาย ทางวาจา ต้องดี ขึ้นแน่นอน จะเร็วหรือช้าขึ้นอยู่ที่ปัญญาของแต่ละบุคคลครับ

ขอเชิญคลิกอ่านเพิ่มเติมที่

ปฏิบัติโดยไม่ต้องกระทำสิ่งใดให้ผิดปกติขึ้นมา

เป็นผู้มีปกติเจริญสติปัฏฐาน ... คืออย่างไร?

ควรเป็นผู้มีปกติอบรมเจริญสติปัฏฐาน

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
paderm
วันที่ 20 เม.ย. 2552

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

ปกติของปุถุชนเต็มไปด้วยอกุศล การอบรมปัญญาเพื่อละและเข้าใจความเป็นปกติ

ของสภาพธรรมที่เป็นอกุศลว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา ไม่ได้เปลี่ยนการใช้ชีวิตให้ผิดปกติ

โดยยึดถือข้อปฏิบัติที่ผิดก็ย่อมใช้ชีวิตผิดปกติไป แต่การอบรมปัญญาก็คือการฟังธรรม

ศึกษาสิ่งที่มีปกติในชีวิตประจำวัน ไมได้เปลี่ยนการดำเนินชีวิต ยังมีประกอบอาชีพ

ทำการงาน แต่ปัญญาที่เจริญนั่นเองครับ ที่รู้ความจริงที่มีอยู่ในชีวิตประจำวันจึงเป็น

ผู้มีปกติอบรมเจริญสติปัฏฐานและเห็นโทษของอกุศลที่มีในชีวิตประจำวัน ด้วยปัญญา

ขออนุโมทนาครับ

อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
เบน
วันที่ 21 เม.ย. 2552

ปกติ แปลว่า ธรรมดา คงที่ ก่อนที่ไม่ได้ศึกษาธรรม ก็มีปกติเป็นกุศลบ้างอกุศลบ้าง

แต่โดยมากจะมีความคงที่โดยความเป็นอกุศล เมื่อได้ฟังธรรมมากขึ้น เกิดความเข้าใจ

เห็นโทษของอกุศลที่เป็นเหตุให้กระทำทุจริตกรรมต่างๆ ถึงแม้ไม่ถึงความเป็นทุจริต

กรรม แต่ได้เห็นความน่ารังเกียจของอกุศลจิต เช่น ความตระหนี่ ความริษยา ความ

ผูกโกรธ ทำให้ระลึกได้ด้วยสติขั้นฟัง จึงเป็นปัจจัยให้กุศลจิตมาแทนที่อกุศลจิตที่เคย

คงที่มาก่อน กุศลจิตที่อบรมมากขึ้นจึงคงที่และเป็นธรรมดาอย่างนี้ ไม่ผิดปกติโดยวิธี

แปลกใดๆ เลย ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
suwit02
วันที่ 21 เม.ย. 2552

สาธุ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
wannee.s
วันที่ 23 เม.ย. 2552

อะไรที่เจริญบ่อยๆ จนเป็นนิสัยเรียกว่าปกติ เช่น ทางฝ่ายกุศล เป็นผู้มีปกติให้ทาน

รักษาศีล อบรมจิตให้ผ่องใส ฝ่ายอกุศลเป็นผู้มีปกติทุศีล ฆ่าสัตว์ พูดมุสา ฯลฯ ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
nida
วันที่ 26 เม.ย. 2552

ปกติคือ เป็นธรรมดาในชีวิตประจำวันที่มีจริง ๒ อย่างคือ

สภาพรู้ ลักษณะรู้เป็นธรรมดา ที่ไร้ซึ่งเจตนาไปทำทั้งปัจจัยภายในและภายนอก

สภาพไม่รู้อะไรเลยทั้งสิ้น ที่เกิดขึ้นไร้ซึ่งเจตนาทั้งปัจจัยภายในและภายนอก

ผิดปกติคือ ไม่ใช่ธรรมดาในชีวิตประจำวันที่มีตัวไปทำรู้และไม่รู้ด้วยเจตนาจงใจ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
ธีรวุฒิ
วันที่ 27 เม.ย. 2552

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านด้วยครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ