ความเมา...ในความไม่มีโรค

 
พุทธรักษา
วันที่  3 มี.ค. 2552
หมายเลข  11462
อ่าน  917

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ข้อความต่อไปมีว่า "ปุถุชน ผู้ไม่ได้สดับ เมื่อตน เป็นผู้มีความเจ็บไข้ เป็นธรรมดา ไม่ล่วงพ้น ความเจ็บไข้ไปได้.เห็นคนอื่นเจ็บไข้ ก็ล่วงตนเองเสียแล้ว อึดอัด ระอา รังเกียจ ไม่คิดว่า แม้เรา ก็เป็นผู้มีความเจ็บไข้ เป็นธรรมดาไม่ล่วงพ้น ความเจ็บไข้ไปได้

ก็และการที่เรา ซึ่งเป็นผู้มีความเจ็บไข้ เป็นธรรมดาได้เห็นคนเจ็บไข้เข้าแล้ว พึงอึดอัด ระอา รังเกียจข้อนี้ เป็นการไม่สมควร แก่เราเลย.ดูกร ภิกษุทั้งหลายเมื่อเรานั้น สำเหนียกอยู่ ดังกล่าวมาย่อมละความเมา ในความไม่มีโรคเสียได้โดยประการทั้งปวง

นี่ก็เป็นชีวิตปกติปกติประจำวันใช่ไหม เรื่องความเจ็บไข้ แล้วเวลาที่เห็น รู้สึกอย่างไร เวลาที่เห็นคนเจ็บไข้ เบื่อไหม อึดอัด ระอา รังเกียจ ที่ช่วยตัวเองไม่ได้ น่ารังเกียจเหลือเกิน ถ้าเป็นอย่างนั้น ก็เมามากทีเดียว เป็นความเมาที่ลืมไปว่า คนที่กำลังเจ็บไข้นี้ ก็คือตัวท่าน ไม่วันใด ก็วันหนึ่ง ในสังสารวัฏฏ์

ก่อนที่ผู้นั้น จะมีความเจ็บไข้ ก็เหมือนตัวท่าน ที่ยังไม่มีความเจ็บไข้ อยู่ในขณะนี้ แต่วันหนึ่ง ทุกคน ต้องประสบกับความเจ็บไข้ เพราะฉะนั้น ผู้ที่ยังมีความเจ็บไข้ เป็นธรรมดาแล้วรังเกียจ อึดอัด ระอา ผู้ซึ่งกำลังเจ็บไข้เป็นสิ่งที่ไม่สมควรเลย

สติ ระลึกรู้ลักษณะ ของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏขณะนั้นบ้างไหม ถ้ายัง ก็ทราบความจริงได้ว่า ยังเป็นผู้หลงลืมสติ เป็นอย่างมาก.แล้ววันไหน จะดับกิเลสได้เป็นสมุจเฉท นี่เป็นชีวิตจริงๆ ค่ะ.!ซึ่งต้องรู้สภาพธรรมทุกสถานการณ์ ทุกเหตุการณ์ ไม่ว่าจะประสบกับ คนแก่ คนเจ็บ ประการใดก็ตามสติ ควรระลึกรู้ สภาพธรรม ในขณะนั้น ตามความเป็นจริง.

ถ้ายังคิดว่า ไม่ต้องรู้ วันหนึ่งๆ ผ่านไป เห็นคนแก่ แล้วจิตใจจะเป็นอย่างไร ก็ช่าง เห็นคนเจ็บ แล้วจิตใจจะเป็นอย่างไรก็ช่าง.!แล้ววันไหน จะรู้ความจริงว่า ไม่มีตัวตน สัตว์ บุคคลแล้วเมื่อไร จะดับกิเลสได้ เป็นสมุจเฉท เพราะฉะนั้น ถ้าทราบว่า ยังเป็นผู้หลงลืมสติมาก ก็ควรอบรมเจริญสติปัฏฐานให้ยิ่งขึ้น

แนวทางเจริญวิปัสสนาบรรยายโดย อาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ถอดเทปโดย คุณย่าสงวน สุจริตกุล

ขออนุโมทนา


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
suwit02
วันที่ 3 มี.ค. 2552

สาธุ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
เมตตา
วันที่ 4 มี.ค. 2552

นี่เป็นชีวิตจริงๆ ค่ะ.!ซึ่งต้องรู้สภาพธรรมทุกสถานการณ์ ทุกเหตุการณ์ ไม่ว่าจะประสบกับ คนแก่ คนเจ็บ ประการใดก็ตามสติ ควรระลึกรู้ สภาพธรรม ในขณะนั้น ตามความเป็นจริง

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
yupa
วันที่ 4 มี.ค. 2552

ตราบใด ปุถุชน ยังห่างไกล พระธรรม ก็ยังคงหลงลืมสติ เป็นของธรรมดา ทุกข์ไม่เกิดกับใคร ก็ไม่รู้หรอกว่า รสชาติ เป็นอย่างไร มีชีวิตอยู่ด้วยปัญญา เท่านั้นแหละ ที่จะทำให้เราทูกข์น้อยลง เพราะ ทุกอย่างล้วน เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และ ดับไป เท่านั้น

ข้าพเจ้าขอนอบน้อมแค่พระผู้มีพระภาคเจ้าองค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์นั้น

ข้าพเจ้า ของอนุโมทนากุศลจิต ท่านอาจารย์สุจินต์

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
hadezz
วันที่ 4 มี.ค. 2552

ขออนโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
captpok
วันที่ 4 มี.ค. 2552

เคยไปสถานที่ผู้ป่วยโรคเอดส์แล้วมีความรู้สึก ๒ อย่าง คือ ๑ สงสารผู้ป่วย ๒ รังเกียจโรค จึงเกิดสภาวะที่รู้สึกอึดอัดเป็นอย่างยิ่ง ข้อธรรมะนี้จึงเป็นสิ่งเตือนใจได้อย่างดี

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
saifon.p
วันที่ 4 มี.ค. 2552

เห็นคนทั้งแก่และเจ็บเกือบทุกวัน ก็ยังคงหลงลืมสติเสมอมา นึกขึ้นได้ก็เตือนตัวเองทีหนึ่ง ... "สังสารวัฎนี้คงอีกนาน ... กิเลสหนาแน่นเหลือเกิน..

... จุติจิตจะเกิดเมื่อไรก็ไม่รู้ ... กุศลทุกอย่างพึ่งเจริญ ... แล้วได้เจริญหรือไม่

... ถูกความขี้เกียจ ความรักตัวเองมากั้นหรือเปล่า ... วันนี้ฟังธรรมแล้วเข้าใจอะไรบ้าง" ...

... คิดอย่างนี้กำลังของกุศลก็มากขึ้น ...

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
chatchai.k
วันที่ 19 ก.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ