มีอาชีพขายยาฆ่าแมลง

 
ศศิรัศมี
วันที่  18 ก.พ. 2552
หมายเลข  11294
อ่าน  3,276

ขอเรียนถามท่านผู้เจริญ

ดิฉันประกอบอาชีพค้าขายโดยหลักๆ แล้วจะเป็นยาฆ่าแมลง โดยตรง ซึ่งมีลูกค้ามารับคำปรึกษาและให้ดิฉันช่วยจัดยาเพื่อฉีดพ่นแมลง เช่น เพลี้ย หนอน และแมลงอื่นๆ ที่ทำให้พืชผักและผลผลิตของเกษตรกรเสียหาย จึงมีความสงสัย ว่าจะเป็นการส่งเสริมให้ผู้อื่นทำบาปหรือไม่คะ และตัวดิฉันเองในฐานะที่เป็นผู้ชี้แนะ และจัดยากำจัดแมลงจะได้รับผลกรรมหรือไม่ อย่างไร ส่วนตัวแล้วแม้แต่มดหรือยุงดิฉัน ก็ไม่เคยตบตี และกรณีที่มีลูกค้ามาขอซื้อยาเพื่อนำไปฆ่าสุนัขดิฉันจะไม่ขายให้ และ บอกกับลูกค้าว่ายาฆ่าสุนัขไม่มี ถึงมีก็ไม่ขายให้เพราะไม่สนับสนุนให้ใครทำบาป ดิฉัน ศึกษามาทางด้านเกษตร จึงชำนาญเฉพาะทางเรื่องยากำจัดศัตรูพืชเพียงเท่านี้ จะหัน ไปทำอาชีพอื่นก็ไม่ได้แล้ว

จึงขอเรียนถามท่านผู้เจริญเพียงเท่านี้ ขอกราบขอบพระคุณค่ะ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 19 ก.พ. 2552

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

สภาพธรรมทั้งหลายเป็นไปตามเหตุปัจจัย ไม่มีใครเลือก หรือไม่เลือก ก็ตามแต่ว่า จะเป็นอย่างไรแม้การประกอบอาชีพ ธรรมพระพุทธเจ้าทรงแสดงตามความเป้นจริง แม้ ในเรื่องการประกอบอาชีพ ว่าอาชีพใดอุบาสก อุบาสิกา ไม่ควรกระทำ พระพุทธเจ้าทรง แสดงอาชีพที่ไม่ควรกระทำคือ การค้าขายศัสตรา การค้าขายสัตว์ การค้าขายเนื้อสัตว์ การค้าขายน้ำเมา การค้าขายยาพิษ

พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต เล่ม ๓ - หน้าที่ 377

อรรถกถาวณิชชสูตร บทว่า วิสวณิชฺชา ได้แก่ให้เขาทำพิษแล้วก็ขายยาพิษนั้น. การทำด้วยตนเอง การชักชวนคนอื่นให้ทำการค้านี้ทั้งหมด ก็ไม่ควรด้วยประการฉะนี้. จะเห็นได้ว่าธรรมเป็นเรื่องตรง เป็นอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น สิ่งใดควรก็คือควร สิ่งใดไม่ควรก็คือไม่ควรครับ สิ่งแรกที่อยากแนะนำคือไม่ต้องแนะนำการฆ่าให้บุคคลผู้ใช้ ให้ ไปอ่านวิธีเอง เป็นต้น แต่ที่สำคัญทุกอย่างมีทางออกและหลีกเลี่ยงได้เสมอ แม้การ ประกอบอาชีพ การดับกิเลสยังดับได้ แม้ว่าเป็นสิ่งที่ยาก จะกล่าวไปใยถึงการเลือก ประกอบอาชีพในทางที่ถูกต้องครับ หากเห็นประโยชน์และเห็นโทษจริงๆ ครับ

ขออนุโมทนา

อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
ศศิรัศมี
วันที่ 19 ก.พ. 2552

ขอกราบขอบพระคุณ ท่านผู้มีกรุณาจิต ท่าน Paderm ที่แนะนำให้พบทางที่ถูก

ซึ่งคำแนะนำสิ่งนี้ก็ตรงไปตรงมาในความเป็นจริงของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ดิฉันซาบซึ้งในพระมหากรุณาคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

ดิฉันมีความศรัทธาเลื่อมใส มีความเคารพนบนอบ ในพระมหากรุณาคุณ และนอบน้อมผู้ที่มีจิตเมตตา ผู้ที่มีจิตเป็นกุศลทุกท่าน นั่นคือ...ขอนอบน้อมในคุณลักษณะ ในความที่มีจิตเป็นกุศลของท่าน......แต่...ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว...ต้องประกอบอาชีพ (ในฐานะเป็นปุถุชน) ดิฉันมีได้เพียงศรัทธา...ไม่สามารถปฎิบัติได้ตามคำสอน.......เพราะถ้าจะปฎิบัติตามพระศาสดาแล้วนั้น.........ก็หมายความถึง.....ความเป็นอยู่ในปัจจุบัญของสามี บุตร ธิดา.....ดิฉัน

จึงขอรบกวนเรียนถามท่านผู้รู้ว่า......ถ้า........ดิฉันจำต้อง ละ ครอบครัวเพื่อแสวงหาธรรม.........โดย....ปล่อยวางภาระ (ที่ควรจะดูแลในทางโลก) ...เพื่อแสวงหาทางธรรม..................ดิฉันจะผิด?........จะบาป? (เพราะละทิ้ง) ไหมคะ....) ตามความเข้าใจนะคะ....สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านก็ปลง...ทอดทิ้งมเหสีและบุตรชายเช่นกัน

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
ajarnkruo
วันที่ 19 ก.พ. 2552

ขอแนะนำให้เริ่มฟังและศึกษาพระธรรมครับ เรื่องการแสวงหาธรรม ขอให้พักไว้ก่อนเพราะธรรมะมีอยู่แล้วที่ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ไม่ใช่ที่อื่น จึงไม่ใช่เรื่องของการแสวงหาหรือการพยายามจะละทิ้งสิ่งใดโดยที่ยังไม่มีความไม่เข้าใจในสิ่งนั้นๆ แต่เป็นเรื่องของความเข้าใจที่ถูกต้องโดยละเอียดตั้งแต่เบื้องต้น เริ่มตั้งแต่ " ธรรมะ คือ อะไร " ครับ

ขอเชิญคลิกอ่าน

เริ่มต้นศึกษาพระธรรมคือการรู้จักธรรมะก่อน

จุดประสงค์ที่ถูกต้องของการศึกษาพระธรรมคืออะไร?

ในสมัยพุทธกาล ผู้ที่รู้แจ้งอริยสัจจธรรม เป็นพระสาวกแต่ไม่ได้บวช ก็มีครับ เช่นท่านวิสาขามิคารมารดา ท่านก็มีอาชีพค้าขาย และท่านก็มีครอบครัว มีสามี มีลูก และท่านก็เป็นพระโสดาบันโดยไม่ได้บวชตลอดชีวิตครับ เพราะฉะนั้น จะเห็นได้ว่า ไม่ใช่เรื่องที่เราจะพยายามทำตามเพื่อจะได้เป็นอย่างพระศาสดา โดยที่ต้องฝืนอัธยาศัยของเราเอง และไม่ใช่เรื่องที่เราจะทำ เพื่อจะได้หนีออกไปจากความทุกข์โศกใดๆ แต่เป็นเรื่องที่เมื่อได้เข้าใจความจริงที่เป็นอยู่ในชีวิตปกติมากขึ้น โดยอาศัยพระธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงแล้ว ก็จะทำให้เป็นผู้ที่ตรง ที่ได้รู้ว่า ตนควรจะฟัง ควรจะศึกษาและประพฤติปฏิบัติตามพระธรรม อยู่ในเพศใดจึงจะเหมาะสมครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
paderm
วันที่ 19 ก.พ. 2552

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

เพศ มี 2 คือ บรรพชิตและคฤหัสถ์ การที่จะรู้แจ้งอริยสัจจธรรม ไมได้อยู่ที่เพศแต่ อยู่ที่ปัญญาที่สะสมมาในหนทางที่ถูกต้องครับ ดังนั้นคำว่าศึกษาธรรม จึงไม่ได้หมาย- ความว่าจะต้องละทิ้งทุกอย่าง แต่ว่าธรรมมีอยู่แล้วในขณะนี้ให้ศึกษา เพียงแต่ว่าปัญญา ไม่รู้เท่านั้นเอง ดังนั้นเพศไหน (บรรพชิตหรือคฤหัสถ์) ก็สามารถบรรลุธรรมได้ครับ ขณะ- นี้ก็กำลังสนทนาเพื่อความเข้าใจก็ชื่อว่ากำลังอบรมปัญญาอยู่ อันเป็นเหตุให้บรรลุธรรม แล้วครับ ดังนั้นจะสละทิ้งทั้งหมดหรือไม่สละทิ้งทั้งหมดก็ตาม หากไม่มีปัญญาแล้วก็ไม่ สามารถบรรลุธรรมได้เลยครับ ซึ่งปัญญาจะเกิดก็จากการฟังธรรมให้เข้าใจครับ ขอให้ เริ่มจากเหตุที่ถูกต้องคือการฟังธรรม ไม่ใช่อย่างอื่นครับ การศึกษาธรรมจึงเป็นเรื่องเบา สบายเพราะธรรมมีอยู่แล้วในชีวิตประจำวัน ไม่ต้องไปหาที่ไหนหรือให้ผิดปรกติในชีวิต ประจำวันอย่างไรเลยครับ

ขออนุโมทนา

เชิญคลิกอ่านเพิ่มเติมที่นี่ครับ....

เริ่มต้นศึกษาพระธรรมคือการรู้จักธรรมะก่อน

ปัญญาย่อมเกิดจากการฟัง การศึกษา

อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
ศศิรัศมี
วันที่ 20 ก.พ. 2552

ขอกราบขอบพระคุณที่ชี้แนะให้ความกระจ่างค่ะ ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
choonj
วันที่ 24 ก.พ. 2552

กระทู้นี้น่าสนใจ ขอเสดงความคิดเห็นอย่างนี้ครับ

มีพระสูตรหนึ่งที่ว่า ภรรยาของนายพรานซึ่งเป็นโสดาบันเตรียมอาวุธให้นายพรานออกล่าสัตว์ น่าศึกษาว่าจิตของโสดาบันขณะนั้นมีเจตนาฆ่าไหม ไม่มีแน่นอน แล้วเราล่ามีเจตนาฆ่าไหม ถ้าไม่มีก็ไม่ครบองค์ แต่จะรู้ได้ยังไงเมื่อเรายังไม่เป็นโสดาบัน ก็ไม่ต้องเสียใจครับอาชีพค้ายาฆ่าแมลงหรืออาชีพไดๆ ก็ตามก็ต้องระวังรักษาจิตไม่ให้ตกไปกับอกุศล ดีสิกลัวบาปเพราะล่อเหลมในอาชีพทำให้ระวังมากขึ้น เริ่มด้วยทุกอย่างเป็นธัมมะช่วยได้ ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
พุทธรักษา
วันที่ 24 ก.พ. 2552

ข้อความบางตอน จากการบรรยายธรรมโดย ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์

พวกชาวประมงก็มีปัญหาเหมือนกัน ในเรื่องอาชีพแต่ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเป็นชาวประมง.
คนที่สะสมเหตุปัจจัยมาซึ่งเป็นเหตุ ที่ทำให้ต้องเกิดมาอยู่ในสิ่งแวดล้อมอย่างนั้นหรือมีเชื้อสายวงศ์ตระกูล ที่ได้ประกอบอาชีพอย่างนั้นมาก็เป็นเหตุ ให้มีความโน้มเอียงที่จะมีอาชีพอย่างนั้น.

แต่บางท่านก็เลิก...บางท่านก็ไม่เลิกบางท่านก็สะสมเหตุปัจจัยใหม่ โดยการเจริญกุศลมากขึ้น.
เมื่อเจริญกุศลมากขึ้นเรื่อยๆ และอบรมเจริญปัญญา ขัดเกลากิเลสไปเรื่อยๆ จนรู้แจ้งอริยสัจจธรรม เป็นพระอริยบุคคล ก็พ้นจากกรรมที่ได้กระทำไว้คือ กรรมที่เป็นเหตุให้เกิดในอบายภูมิ.

แต่ที่สำคัญ ทุกอย่างมีทางออกและหลีกเลี่ยงได้เสมอ แม้การประกอบอาชีพ การดับกิเลสยังดับได้ แม้ว่าเป็นสิ่งที่ยาก จะกล่าวไปใย ถึงการเลือกประกอบอาชีพในทางที่ถูกต้องครับ หากเห็นประโยชน์และเห็นโทษจริงๆ ครับ.

ขออนุโมทนาคุณ เผดิม ค่ะ.

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
คุณ
วันที่ 3 มี.ค. 2552
ขออนุโมทนาค่ะ
 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ