เห็นโทษแม้อกุศลเพียงเล็กน้อย

 
WS202398
วันที่  16 ก.พ. 2552
หมายเลข  11274
อ่าน  1,490

ขออาจารย์ช่วยอธิบายคำว่า ปัญญาช่วยให้เห็นโทษแม้อกุศลเพียงเล็กน้อย ขอบพระคุณ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 16 ก.พ. 2552

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

ปัญญา ความเข้าใจถูกย่อมเป็นปัจจัยให้เห็นโทษของอกุศลแม้มีประมาณน้อย ไฟ

แม้มีประมาณน้อยก็ร้อน คูถแม้น้อยก็เหม็น อกุศลธรรมแม้มีประมาณน้อยก็เป็นสภาพ

ธรรมไม่ดีงามและย่อมเป็นปัจจัยให้อกุศลเพิ่มมากขึ้น

การฟังธรรมจึงเป็นปัจจัยให้ปัญญาเจริญขึ้น แต่การเห็นโทษของอกุศลก็ตามกำลัง

ของปัญญา เห็นโทษของอกุศลแต่ก็ละอกุศลไม่ได้เพราะเป็นเพียงปัญญาขั้นการฟัง

หนทางในการเห็นโทษของอกุศลจริงๆ คือการรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่มีในขณะนี้ว่า

เป็นธรรมไม่ใช่เราเพราะเป็นการรู้ตัวอกุศลที่เป็นโทษจริงๆ รู้ตามความเป็นจริงว่าเป็น

ธรรม ขณะนี้กำลังมีธรรม แต่ไม่รู้ว่าเป็นธรรม เห็นโทษในความไม่รู้หรือยังครับ? อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
WS202398
วันที่ 17 ก.พ. 2552

การเห็นโทษมีสองลักษณะใช่หรือไม่

เห็นว่าเป็นโทษของตน กับ เห็นว่าเป็นโทษโดยความเป็นโทษ

ผมเห็นว่าปุถุชนย่อมเห็นโทษโดยความเป็นของตนเป็นธรรมดา แม้บางครั้งอาจเห็นสภาพธรรม (อกุศล) โดยความไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ในบางขณะ แต่แน่นอนจากการเห็นบ้างเช่นนั้น ผสมกับสังขารธรรมต่างๆ ทั้งฝ่ายกุศลและอกุศล ก็เป็นธรรมดาที่ขณะโดยส่วนใหญ่ ก็เห็นโทษเหล่านั้นด้วยความเป็นตนผู้กระทำ และโทษนั้นก็เป็นของตน

ขอขอบพระคุณ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
ajarnkruo
วันที่ 17 ก.พ. 2552

ความเห็นถูกด้วยความเป็นผู้ตรงว่ากุศลเป็นกุศล อกุศลเป็นอกุศล ก็เป็นปัจจัยระดับหนึ่ง ที่จะทำให้เห็นคุณของกุศล และเห็นโทษของอกุศล ทั้งนี้โดยอาศัยพระธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงโดยละเอียด ๔๕ พรรษา เพราะยากที่ปุถุชนในสมัยนี้จะถ่ายถอนตนออกจากโทษของอกุศลได้โดยง่าย ถ้าคิดเองก็อาจจะพอเห็นโทษบ้าง ในโทษบางอย่างที่ปรากฏ แต่จะไม่มีสักคนที่จะเห็นโทษโดยความเป็นโทษจริงๆ คือ ไม่มีทางที่ปุถุชนที่ไม่ได้ศึกษาพระธรรมจะเห็นว่า แม้โทษนั้น ก็ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ และเป็นอนัตตาได้ การศึกษาพระธรรมจึงช่วยเกื้อกูลให้เราเกิดปัญญาเข้าใจความจริง และเห็นโทษในทีละระดับ จากนั้นจึงจะค่อยๆ ละ ค่อยๆ คลายการยึดถือติดข้อง ด้วยความไม่รู้ความจริงลงไปทีละน้อย จนกว่าจะเห็นโทษจริงๆ ถึงการดับกิเลสได้เป็นสมุจเฉท คือบรรลุเป็นพระอรหันต์ แต่ก่อนหน้านั้นอีกยาวไกล ก็จะต้องรู้เสียก่อนว่าทุกขณะในชีวิตไม่ว่าจะเป็นกุศล อกุศล นามธรรมอื่นๆ หรือรูปธรรมที่ปรากฏ ล้วนแต่เป็นธรรมะทั้งหมดไม่ใช่เรา ต้องถ่ายถอนการยึดถือโทษหรือประโยชน์ว่าเป็นเราก่อนครับ จึงจะนำไปสู่การที่จะเห็นโทษแม้อกุศลเพียงเล็กน้อยได้ ด้วยสติสัมปชัญญะที่เกิดขึ้นระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมใดๆ ก็ตามที่กำลังปรากฏในขณะนี้ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
suwit02
วันที่ 17 ก.พ. 2552

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๕ - หน้าที่ 180

๗. อุปนิสงฆบุปผชาดก ว่าด้วยคนดีไม่ควรทำชั่ว แม้นิดหน่อย

[๙๔๔] ดูก่อนท่านผู้เป็นกับด้วยเรา ท่านดมดอกไม้ที่เกิดในน้ำ คือดอกบัว

ที่เขาไม่ได้ให้นี้ใด การดมนี้นั้นเป็นองค์ หนึ่งของการขโมย ท่านเป็นผู้ขโมยกลิ่น.

[๙๔๕] เราไม่ลัก เราไม่เด็ดดอกบัว แต่เรายืนดมอยู่ไกลๆ เมื่อเป็นเช่นนั้น

เหตุไฉนหนอจึงกล่าวหา เราว่าเป็นผู้ขโมยกลิ่น?

[๙๔๖] ชายคนนี้ใด ขุดเหง้าบัว เด็ดดอกบุณฑริก ชายคนนี้นั้น ผู้มีการงานเลอะเทอะ

อย่างนี้ เหตุไรจึงไม่มีใครว่า?

[๙๔๗] ชายผู้มีกรรมบาปดาดดื่นแล้ว เปรอะเปื้อนบาป เหมือนผ้าอ้อม

ข้าพเจ้าจึงไม่มีคำพูดอะไรในเรื่องนั้น และข้าพเจ้าไม่ควรเพื่อจะว่ากล่าวเขาได้.

[๙๔๘] แต่สำหรับคนผู้ไม่มีกิเลสดุจเนิน มีปกติแสวงหาความสะอาดเป็นนิจ

บาปประมาณเท่าปลายขนทราย จะปรากฏแก่เขา ประมาณเท่ากลีบเมฆทีเดียว.

[๙๔๙] ข้าแต่ท่านผู้ควรบูชายักษ์ ท่านรู้จักข้าพเจ้าแน่นอน และท่านอนุเคราะห์

ข้าพเจ้า ข้าแต่ท่านผู้ควรบูชายักษ์ ท่านจงตำหนิอีกเมื่อท่านเห็นโทษชนิดนี้ของเรา.

[๙๕๐] ข้าพเจ้าไม่ได้อาศัยสิ่งนั้นเลี้ยงชีพเลย ทั้งเราไม่ได้เป็นลูกจ้างท่าน

ข้าแต่ภิกษุ ตัวท่านเอง ควรรู้กรรม ที่เป็นเหตุให้ไปสู่สุคติ.

จบ อุปนิสงฆบุปผชาดกที่ ๗

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
คุณ
วันที่ 17 ก.พ. 2552
ขออนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
paderm
วันที่ 17 ก.พ. 2552

เรียนเสริมในเรื่องการเห็นโทษของอกุศลแม้ประมาณน้อยครับ อย่างเช่น ภิกษุเห็นอาบัติเล็กน้อยก็เท่ากับอาบัติใหญ่คือปาราชิกครับ พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อุทาน เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้าที่ 396 บทว่า อณุมตฺเตสุ วชฺเชสุ ภยทสฺสาวี ความว่า ผู้มีปกติเห็นภัย ในโทษ ต่าง

ด้วยเสขิยสิกขาบทที่ภิกษุไม่แกล้งต้อง และอกุศลจิตตุปบาทเป็นต้น ชื่อว่ามีประมาณ

น้อย เพราะมีประมาณเล็กน้อย. จริงอยู่ ภิกษุใดเห็นโทษมีประมาณน้อย กระทำให้

เป็นเหมือนขุนเขาสิเนรุสูง ๑๐๐,๐๖๘ โยชน์ ฝ่ายภิกษุใด เห็นอาบัติเพียงทุพภาษิต

ซึ่งเป็นอาบัติเบากว่าอาบัติทั้งปวง กระทำให้เหมือนอาบัติปาราชิก ภิกษุแม้นี้ ชื่อว่า

มีปกติเห็นภัย ในโทษมีประมาณน้อย แต่การที่จะเห็นภัยในโทษแม้มีประมาณน้อยซึ่งเป็นอกุศลจึงเป็นเรื่องของปัญญา จริงๆ ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
WS202398
วันที่ 18 ก.พ. 2552
ขออนุโมทนา
 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ