ไม่เห็นฝั่งเลย

 
Nareopak
วันที่  12 ก.พ. 2552
หมายเลข  11240
อ่าน  965

"สิ่งที่เห็นเป็นสภาพธรรมะ สิ่งที่จิตคิดเป็นสภาพธรรมะ" จะได้ยินประโยคหรือคำบรรยายนี้จากท่านอาจารย์สุจินต์บ่อยมาก อดที่จะอุปมาอุปไมยไม่ได้ว่า "ตัวเองกำลังอยู่กลางมหาสมุทร การที่จะเห็นเป็นสภาพธรรมะนั้น เหมือนยังมองไม่เห็นฝั่งเลย.." เมื่อวานนี้เด็กป่วยชายรายหนึ่งมารับยา เมื่อได้คุยกัน ดิฉันอดพูดกับเด็ก ไม่ได้ว่า " ไม่ได้มาตามนัด ขาดยาหรือเปล่า ทำไมลุงไม่ได้มาด้วย...ป้ากลุ้มใจกับเธอ จริงๆ " เด็กตอบว่า " ป้าจะเครียดทำไม๊...หนูยังไม่เครียดเลย" ดิฉันก็เลยหัวเราะ คิด ในใจจริงของเด็กนะ ทำไมต้องเครียด เครียดไปทำไม (เพราะเป็นสภาพธรรมะนั่นเอง) และตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงตอนนี้ เมื่อเจอผัสสะอะไร ก็คิดถึงใบหน้าและคำพูดของเด็กว่า "เครียดไปทำไม..หนูยังไม่เครียดเลย" ความขุ่นใจ หรือโทสะ ก็ดับไปอย่างง่ายดาย

ไม่ท้อในการฟังธรรม และเป็นบุญกุศลแล้ว ที่ได้ฟังธรรมะบรรยายจากท่านอาจารย์ สุจินต์ที่เคารพอย่างสูง... ถึงแม้จะมองไม่เห็นฝั่งในตอนนี้ แต่ก็เชื่อว่ามีฝั่งให้ไปถึง แน่นอน


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
choonj
วันที่ 13 ก.พ. 2552

แอ็ะยังไงกลายเป็นเด็กมาสอนป้า ให้มันได้ยังงั้น ศึกษาธรรมอย่าให้น้อยหน้าเด็กครับ ธรรมมีอยู่ตลอดเวลาอยู่กลางมหาสมุทร ก็มีธรรม ฟังไปเรื่อยๆ พิจารณาไปเรือยๆ ติดตามไปเรือยๆ ก็จะสัมผ้สธรรมได้ แล้วก็จะเห็นฝั่งอยู่ไรๆ ได้ แต่จะถึงก็คงยากหน่อยครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
suwit02
วันที่ 13 ก.พ. 2552

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
oom
วันที่ 13 ก.พ. 2552
ขออนุโมทนาด้วยค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
arin
วันที่ 13 ก.พ. 2552

ขออนุโมทนากับโวหารที่ดีครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
Nareopak
วันที่ 14 ก.พ. 2552

ขอน้อมรับในทุกความคิดเห็นมาพิจารณา และขออนุโมทนาในความเมตตาอารี ของทุกท่าน ที่มีต่อสหายธรรมที่ยังมีความรู้น้อย

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
pornpaon
วันที่ 14 ก.พ. 2552

ขออนุโมทนาทุกท่านค่ะ

คุณนฤภัคก็ขยันและใส่ใจในเวลาฟังธรรมมาก

อนุโมทนานะคะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
paderm
วันที่ 15 ก.พ. 2552

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๒- หน้าที่ 358

"บรรดามนุษย์ ชนผู้ถึงฝั่งมีจำนวนน้อย, ฝ่าย ประชานอกนี้ย่อมเลาะไปตามตลิ่งอย่างเดียว.ก็ชน เหล่าใดแล ประพฤติสมควรแก่ธรรมในธรรมที่เรา กล่าวชอบแล้ว, ชนเหล่านั้นล่วงบ่วงมารที่ข้ามได้ ยากอย่างเอกแล้ว จึงถึงฝั่ง." ผู้ที่จะถึงฝั่งคือผู้ที่เห็นพระนิพพานด้วยปัญญา ส่วนสัตว์โลกโดยมากก็ย่อมจมอยู่ใน ห้วงน้ำอันประกอบด้วยความไม่รู้ ไม่รู้ในสภาพธรรมที่มีจริงในขณะนี้ว่าเป็นธรรม ไม่ใช่ เรา สัตว์โลกจึงเพียงเลาะไปตามตลิ่งคือสักกายทิฏฐิ ความยึดถึอว่าเป็นสัตว์ บุคคล ตัวตน ยึดถือว่าสภาพธรรมที่เกิดขึ้นทาง ตา..ใจว่าเป็นเรา เป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด เมื่อยึดถือ ก็ย่อมเดือดร้อนในสิ่งที่ยึดถือด้วยอำนาจกิเลสที่ยึดถือผิดนั่นเอง

การอบรมปัญญาเพื่อถึงฝั่งพระนิพพานคือการฟังธรรมให้เข้าใจว่าทุกอย่างเป็นธรรม ความเดือดร้อนก็เป็นธรรม ความคิดดก็เป็นธรรม ไม่ได้อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาเลย เป็นสภาพธรรมที่มีจริง เกิดขึ้นแล้ว ปัญญาสามารถรู้ความจริงได้เพราะเกิดแล้วและ- ปรากฏให้รู้ มีลักษณะให้รู้ ดังนั้นดับความเห็นผิดอันเป็นตลิ่งที่เหล่าสัตว์วิ่งเลาะไปตาม ฝั่งก่อนครับ

ขออนุโมทนา

อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
Nareopak
วันที่ 15 ก.พ. 2552

ความเป็นเรา ของเรา ละได้ยากจริงๆ (ติดตัวมาอย่างเหนียวแน่นมากๆ)

ขออนุโมทนา ในกุศลจิตของ คุณpaderm ที่อนุเคราะห์แสดงความคิดเห็นพิมพ์ข้อความบางตอน จากพระสุตตันตปิฎก มาให้อ่าน (และเข้าไปอ่านเพิ่มเติมแล้วค่ะ)

ขอบพระคุณมากจริงๆ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
pornchai.s
วันที่ 15 ก.พ. 2552

ชาติที่ได้ฟังพระธรรมและเกื้อกูลในธรรมกันย่อมเป็นชาติที่หาได้ยาก แต่สัตว์โลกทั้งหลายในอนันตจักรวาลที่ไม่เคยเป็นญาติกันก็หาได้ยากยิ่งเหมือนกัน

อนุโมทนาสาธุชนผู้ใฝ่ในธรรมทุกท่านครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ