ทำอย่างไรจึงมีสติ ปัญญา มีกุศลจิต อยู่ตลอดเวลา

 
dhamma.s
วันที่  24 เม.ย. 2549
หมายเลข  1120
อ่าน  1,605

ทำอย่างไรจึงมีสติ ปัญญา มีกุศลจิตอยู่ตลอดเวลา เพราะในความเป็นจริงมักมีบ้าง

ไม่มีบ้าง ถ้าเช่นนั้น การปฏิบัติในชีวิตประจำวัน น่าจะไม่สะดวก หากมีที่สัปปายะ

หรือที่สงบ สะดวก สบายต่อการปฏิบัติ จะดีกว่าหรือไม่ และมีปัญญามากน้อยแค่ไหน

จึงจะสามารถปฏิบัติธรรมตามความเป็นจริงที่ถูกต้องได้


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
study
วันที่ 25 เม.ย. 2549

ผู้ที่ไม่หลงลืมสติ คือมีสติ ปัญญา สมบูรณ์ ได้แก่พระอรหันต์เท่านั้น บุคคลเหล่าอื่น

ที่นอกจากพระอรหันต์ ย่อมหลงลืมสติบ้าง มีสติบ้าง การปฏิบัติธรรมในชีวิตประจำวัน

ขึ้นอยู่ที่ความเข้าใจ เมื่อเข้าใจในข้อปฏิบัติที่ถูกต้องจากการศึกษาพระธรรมแล้ว สติ

และสัมปชัญญะย่อมเกิดขึ้นทำกิจ โดยไม่มีการเลือกเวลา สถานที่ และอารมณ์ เราเป็น

คฤหัสถ์ มีกิจหน้าที่ ที่จะต้องทำและรับผิดชอบ ขณะที่ทำกิจหน้าที่ก็เป็นกุศลได้ และ

สติปัฏฐานก็เกิดได้ ฉะนั้นการรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ โปรดอย่ารอ

สถานที่ ที่เป็นสัปปายะเลย เพราะขณะที่รอเวลา หรือสถานที่ ขณะนั้น ชื่อว่าเป็น

ผู้ประมาท

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
shumporn.t
วันที่ 25 เม.ย. 2549

ไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็มีสภาพธรรมะให้ศึกษา ขึ้นอยู่ว่าสภาพธรรมะปรากฏอยู่ต่อหน้า

มีความเข้าใจมากน้อยแค่ไหน การเจริญขึ้นของสติและปัญญา ต้องเริ่มจากการฟัง

ฟังแล้วคิดพิจารณาเพื่อให้เกิดความเข้าใจ เมื่อเข้าใจแล้ว ปัญญาจะทำหน้าที่

ของเขาเอง

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
ภพฺพาคมโน
วันที่ 26 เม.ย. 2549

คนที่มีสติและปัญญาสมบูรณ์มีแต่ พระอรหันต์ เท่านั้นค่ะ กุศลจิต ไม่สามารถเกิดได้

ตลอดเวลา แม้แต่พระอริยบุคคล 3 ขั้นแรก บางขณะท่านก็ยังเกิดอกุศลจิต

- อกุศลจิตที่เกิดกับ พระโสดาบัน = โลภทิฏฐิคตวิปปยุตต์ 4 โทสมูลจิต 2

โมหมูลจิต 1 (อุทธัจจสัมปยุตต)

- อกุศลจิตที่เกิดกับ พระสกทาคามี = โลภทิฏฐิคตวิปปยุตต์ 4 โทสมูลจิต 2

โมหมูลจิต 1 (อุทธัจจสัมปยุตต)

- อกุศลจิตที่เกิดกับ พระอนาคามี = โลภทิฏฐิวิปปยุตต์ 4

โมหมูลจิต 1 (อุทธัจจสัมปยุตต)

แม้แต่พระอริยบุคคลยังเกิดอกุศลจิต จะกล่าวไปใยถึงปุถุชน ซึ่งกิเลสหนา ยังละ

สังโยชน์ใดไม่ได้เลย ดังนั้น ปุถุชนเกิดกุศลจิตตลอดเวลา จึงเป็นอฐานะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ