การระลึกรู้...ลักษณะของจิต

 
พุทธรักษา
วันที่  25 ธ.ค. 2551
หมายเลข  10758
อ่าน  1,630

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

สนทนาธรรมกับท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ถอดเทปโดย คุณย่าสงวน สุจริตกุล

เรื่องของการเจริญสติปัฏฐานเป็นเรื่องที่ละเอียดมาก และซับซ้อนมากโดยเฉพาะเรื่องของ "จิตตานุปัสสนาสติปัฏฐาน" ซึ่งเป็น "การระลึกรู้ลักษณะของจิต" ที่เป็นปกติ ในชีวิตประจำวัน ถ้าสติไม่เกิดขึ้น ไม่ระลึกรู้ ลักษณะของจิตซึ่งเป็นไป ในวันหนึ่งๆ ก็จะไม่ทราบเลยว่า แต่ละท่านสะสม พอกพูนกิเลสเอาไว้มากมายแค่ไหน

ถ้าสติเกิดขึ้น ระลึกรู้ ลักษณะของจิตซึ่งเป็นไป ในวันหนึ่งๆ ก็จะทราบได้ว่า ในวันหนึ่งๆ กุศลมาก หรือ อกุศลมากทั้งทางตา หู จมูก ลิ้น กาย และ ทางใจทุกๆ ขณะ ที่เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รู้สิ่งที่กระทบสัมผัส และ คิดนึก

ถ้าสติ ระลึกรู้ ลักษณะของจิต ที่กำลังเห็น ในขณะนี้สภาพธรรมที่เห็น คือ สิ่งที่กำลังปรากฏทางตา นี่คือ "จิตตานุปัสสนาสติปัฏฐาน" (ระลึกรู้ ลักษณะของจิต ทางทวารทั้ง ๖)

ในวันหนึ่งๆ บางท่านอาจคิดนึก ถึงเรื่องราวต่างๆ ได้ มากมายหลายเรื่องบางท่านกล่าวว่า เวลาที่ฟังรายการธรรมะ ทางวิทยุพอฟังไปได้หน่อยหนึ่ง ก็เผลอ คิดนึกถึงเรื่องอื่น อีกแล้ว แต่เวลาที่มี "ปกติเจริญสติปัฏฐาน" ก็ทราบได้ว่า ขณะนั้น เผลอ "คิดนึก" ไปแล้วขณะนั้น ไม่ได้ "ฟัง" เสียแล้ว เมื่อทราบว่า เผลอคิดนึก ก็กลับมาฟังใหม่ฟังประเดี๋ยวหนึ่ง ก็เป็นคิดนึก อีกแล้ว แต่ถ้าเป็นผู้ที่"ไม่มีปกติ อบรมเจริญสติปัฏฐาน"ก็คิดนึกกันไป ไม่รู้วันละมากมายเท่าไร

แล้วแต่ว่าจะคิดเรื่องอะไร ซึ่งเป็นเรื่องที่วิจิตรแตกต่างกันไป ตามการสะสม และขณะนั้นๆ ก็ไม่รู้ตัวเลย ว่า ได้คิดนึก (เสมือน) ล่องลอยไปไกล คือ ไกลจากทางตา ที่กำลังเห็น ในขณะนี้หรือ ไกลจากทางใจ ที่กำลังรู้เรื่อง รู้ความหมายของสิ่งที่ปรากฏ (จากทวารทั้ง ๕) ในขณะนี้และไม่รู้ว่า ในขณะนั้นๆ ก็เป็นแต่เพียง "สภาพธรรม" ซึ่งไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตน

แต่การที่จะ "ละคลาย" อกุศลธรรมให้บรรเทา ลดน้อยลงได้นั้น ไม่ใช่การบังคับ ไม่ให้จิตชนิดนั้นๆ เกิดขึ้นแต่ด้วยการ "รู้ลักษณะ" สภาพธรรมที่แท้จริงว่าเป็น "ธรรม" ซึ่ง ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตนเป็นสภาพธรรมแต่ละชนิด ที่เกิดขึ้นแล้ว ตามเหตุปัจจัยจึงไม่สามารถบังคับบัญชา สภาพธรรมนั้นๆ ให้เป็นไป ตามความต้องการ ได้

ขออนุโมทนา


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
suwit02
วันที่ 26 ธ.ค. 2551

สาธุ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
เซจาน้อย
วันที่ 26 ธ.ค. 2551

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
opanayigo
วันที่ 27 ธ.ค. 2551

อนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
pornpaon
วันที่ 6 ม.ค. 2552
ขออนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
สุภาพร
วันที่ 6 ม.ค. 2552
ขออนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
choonj
วันที่ 6 ม.ค. 2552

ขณะคิดนึกเกิดและสติไม่เกิด การคิดก็จะเป็นไปได้หลายๆ ชั่วโมง แปลกจริงๆ มีปัจจัยให้คิดไปได้เรื่อยๆ ฟุงซ้านไปได้เรือยๆ คิดได้ทุกอย่าง เป็นได้ทุกอย่าง อยากได้ อยากเป็น อยากอยู่ อยากคืออะไร ได้ทุกอย่าง แล้วก็สนุกกับการคิด จึงขอเตือนสหายธรรมว่า ระวังอย่าปล่อยไห้อยู่กับการคิดอย่างนี้ โลภะเขาอยากจะคิดเพราะสนุกดี แต่เป็นการสั่งสมอุทธัจจะ สติต้องรู้ว่าขณะนั้นกำลังคิดนึก เมื่อสติเกิดคิดก็หยุด แล้ว โลภะก็จะชวนให้คิดอีกต้องระวัง ถ้าสติยังไม่เกิดก็ฟังธรรมต่อก็จะเกิดเอง ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
คุณ
วันที่ 23 เม.ย. 2552
ขออนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
pamali
วันที่ 28 มิ.ย. 2553

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
chatchai.k
วันที่ 15 ก.ย. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ