อยู่ไปทำไมถ้าไม่เข้าใจธรรม

 
เมตตา
วันที่  15 ธ.ค. 2551
หมายเลข  10680
อ่าน  1,974

เมื่อเกิดมาแล้วก็จะต้องตาย แล้วก็เกิดอีก ตายอีก ตลอดเรื่อยไปในสังสารวัฎฎ์ หลังจากจุติจิตของชาตินี้คือ หลังจากตายแล้ว ปฎิสนธิเกิดสืบต่อทันที ซึ่งไม่รู้ว่าจะเป็นวันไหน ไม่จำกัดวัยว่าจะต้องเป็นวัยไหน และไม่จำกัดกาลเวลาว่าจะเป็นเช้า สาย บ่าย ค่ำ อาจจะเป็นเย็นนี้ พรุ่งนี้ หรือเมื่อไรก็ได้

วันอาทิตย์ช่วงบ่ายที่ผ่านมาท่านอาจารย์กล่าวไว้ตอนหนึ่งว่า จะอยู่ไปทำไมถ้าไม่เข้าใจธรรม จะอยู่ไปก็เพิ่มแต่กิเลสอกุศล ควรที่จะอยู่ไปเพื่อเข้าใจธรรม

เรายังเป็น "คุณประมาท" อยู่หรือเปล่าค่ะ?


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
suwit02
วันที่ 16 ธ.ค. 2551

สาธุ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 16 ธ.ค. 2551

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ในชีวิตประจำวัน โดยปกติของผู้ยังหนาแน่นไปด้วยกิเลส ย่อมจะปฏิเสธไม่ได้เลยว่าอกุศลจิตจะไม่เกิดขึ้น อกุศลจิตเกิดขึ้นเป็นปกติจริงๆ ห้ามไม่ได้ อีกทั้งไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใคร เพราะได้สั่งสมกิเลส สั่งสมความไม่รู้เป็นเวลาที่ยาวนานตลอดระยะเวลาของการเดินทางในสังสารวัฏฏ์ที่ผ่านมานับชาติไม่ถ้วน ถึงแม้ว่าการศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรม อบรมเจริญปัญญา เป็นหนทางที่จะเป็นไปเพื่อการดับกิเลส ดับทุกข์ทั้งหลายทั้งปวงได้ในที่สุด แต่แม้กระนั้นก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะได้ฟังพระธรรม จึงเป็นเรื่องของการสั่งสมมาของแต่ละบุคคลอย่างแท้จริง ชีวิตของผู้ที่ไม่ได้ฟังพระธรรม ไม่ได้อบรมเจริญปัญญา ก็ดำเนินไปอย่างผู้ที่ไม่มีปัญญา ดำเนินไปด้วยความประมาท เพลิดเพลินมัวเมา ในทางตรงกันข้ามชีวิตของผู้ที่ได้ฟังพระธรรม ได้อบรมเจริญปัญญา ก็ดำเนินไปตามปกติ ถึงแม้ว่าจะยังไม่ได้ดับกิเลสอะไรๆ เลย อกุศลจิตเกิดขึ้นเป็นปกติธรรมดา แต่ก็มีปัญญาที่ค่อยๆ รู้ขึ้น เข้าใจขึ้นในความเป็นจริงของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ ว่าเป็นธรรม เป็นสิ่งที่มีจริง เกิดขึ้นเป็นไปแล้วก็ดับไป ไม่ใช่เรา ซึ่งต้องเริ่มด้วยความเข้าใจที่ถูกต้องเป็นอันดับแรกก่อนชาตินี้ ฟังยังไม่เข้าใจ ก็ต้องสั่งสมศรัทธา มีความมั่นคงที่จะฟังพระธรรมด้วยความไม่ท้อถอย สั่งสมเป็นเหตุที่ดีไว้ เมื่อสังสารวัฏฏ์ยังไม่จบสิ้น เกิดในชาติต่อๆ ไปก็จะได้ฟังพระธรรม อบรมเจริญปัญญาต่อไปอีก ครับ

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
วันชัย๒๕๐๔
วันที่ 16 ธ.ค. 2551
ขออนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
พุทธรักษา
วันที่ 16 ธ.ค. 2551

อยู่กับอวิชชาอยู่เพื่อ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ตายแล้วก็เกิด แก่ เจ็บ ตาย วนเวียนอยู่อย่างนี้ทำดีบ้าง ชั่วบ้าง หวั่นไหว สะดุ้งกลัว ยินดียินร้าย ไปกับโลกธรรม ๘ ที่ไม่เที่ยง แต่เมื่อเกิดมาในภูมิที่ได้มีโอกาสศึกษาพระธรรม และเมื่อเข้าใจขึ้น เห็นโทษภัย ของสังสารวัฏฏ์ ทราบว่า เหตุใดจึงต้องเกิด แก่ เจ็บ ตายแล้วทาง ที่จะพ้นจากเหตุนี้ได้ ก็มีอยู่ การดำรงชีพด้วยปัจจัย ๔ จะมีค่า มีสาระก็ตรงที่ได้มีโอกาสเข้าใจพระธรรม ที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ ด้วยความเห็นถูกตามกำลังปัญญา และเหตุปัจจัย ที่ได้สะสมมา การดิ้นรนขวนขวายเพื่อทรัพย์ภายนอกนั้น เหนื่อยนักหาจุดจบแห่งความพอใจได้ยากนัก ยิ่งหาก็ยิ่งติด ยิ่งต้องการต่อไปเรื่อยๆ แต่ก็ไม่มีใครบังคับบัญญชาเหตุปัจจัยในการดำรงชีวิตได้ เพราะต่างคนก็สะสมมาเช่นนั้นๆ ต่างคนก็มีกิจหน้าที่ แตกต่างกันไปจึงขึ้นอยู่กับแต่ละคน แต่ละอัธยาศัยว่าจะสะสมสิ่งใด จึงจะป็นสาระที่แท้จริง ให้คุ้มค่ากับการได้เกิดมาและพบพระพุทธศาสนาแล้ว เมื่อพบแล้ว ควรทราบสิ่งใด


จะเวียนว่ายอยู่ในสังสารวัฏฏ์ต่อไป หรือจะเดินตามรอยพระศาสดาและพระอริยสาวกทั้งหลายเพื่อถึงฝั่ง ไม่ต้องเกิดมาพบกับความทุกข์ใดๆ อีกเลยควรจะอยู่แบบไหนดี เวลาก็น้อยลงทุกทีแล้วค่ะ

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
choonj
วันที่ 19 ธ.ค. 2551

ยังดีที่เมตตาอ้าง อ. "อยู่ไปทำไมถ้าไม่เข้าใจธรรม" แต่ก็จำไว้แล้วเอามาตั้งเป็นกระทู้ ทำให้คิดไปว่าได้คิดถึงการตายด้วยเหตุอะไรก็แล้วแต่ แต่จริงๆ แล้วทุกวันนี้ไม่มีคนตายและคนเกิด มีแต่ จิตและเจตสิกที่ท่องเทียวอยู่ในสังสารวัฎฎ์ ที่นี้หน้าที่ก็คือ จิต เจตสิก นี้จะประกอบด้วยคุณธรรมจริยธรรม และสำคัญที่สุด ปัญญา ได้อย่างไร ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
ไตรสรณคมน์
วันที่ 19 ธ.ค. 2551

อืมม ก็อยู่ไปด้วยความไม่รู้ไงค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
ajarnkruo
วันที่ 19 ธ.ค. 2551

อยู่ไปทำไม ถ้าไม่เข้าใจธรรม? อยู่ไปวันๆ กับความไม่รู้ อยู่ไปวันๆ กับกิเลสถ้าไม่เข้าใจธรรมอยู่ไปทำไม? อยู่ไปเพื่อศึกษาธรรมให้เข้าใจในธรรมที่ยังไม่เข้าใจ ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
pornpaon
วันที่ 4 ม.ค. 2552

วันอาทิตย์ช่วงบ่ายที่ผ่านมาท่านอาจารย์กล่าวไว้ตอนหนึ่งว่า

จะอยู่ไปทำไมถ้าไม่เข้าใจธรรม จะอยู่ไปก็เพิ่มแต่กิเลสอกุศล ควรที่จะอยู่ไปเพื่อเข้าใจธรรม

ผู้ที่ไม่ได้กำลังฟังพระสัทธรรมหรือไม่ได้กำลังศึกษาพระธรรมคำสอนของพระศาสดา คงมีคำตอบให้กับคำถามนี้สารพัดต่างๆ นานา ตามการสะสมของผู้นั้นๆ แต่ผู้ที่กำลังฟังและศึกษาอยู่ ได้ฟังแล้วคง ต้องถามตนเองกลับ ว่า เรายังเป็น " คุณประมาท " อยู่หรือเปล่าค่ะ?

ตอบ ยอมรับว่า ตนเองยังเป็นผู้ประมาทอยู่เลยค่ะ เพราะยังอยู่กับความหลับเป็นนิจ นานๆ ทีจึงจะปรือตาขึ้นบ้างอย่างริบหรี่เล็กน้อย แล้วหลับไหลต่ออีก แต่คงจะยังต้องอยู่กันต่อไปอีกนานในสังสารวัฏฏ์

เพื่อว่าสักวัน ตาที่ลืมขึ้นบ้างอย่างริบหรี่นั้น จะค่อยๆ ลืมได้กว้างขึ้น นานขึ้น และบ่อยขึ้นจนกว่าจะเป็นผู้ตื่นอย่างแท้จริงในอนาคตอันไกลโพ้น

ขออนุโมทนาพี่เมตตา

ขออนุโมทนาในกุศลจิตและกุศลวิริยะของทุกท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
chatchai.k
วันที่ 28 ก.พ. 2564

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
สิริพรรณ
วันที่ 30 ม.ค. 2566

ชีวิตในแต่ละวัน มีคุณค่ามากกว่าแต่ก่อน อย่างเทียบไม่ได้เลย เมื่อเริ่มเข้าใจว่า คำของพระพุทธองค์แต่ละคำ ส่องถึงความจริงที่อยู่ใกล้ๆ .. ใกล้ที่สุด แต่ไม่เคยรู้มาก่อนเลย

ความจริงนั้น ทำให้ค่อยๆ เข้าใจถูก และค่อยๆ ออกจากความหลงผิด ตามกำลังของความเข้าใจ พระธรรมไม่ง่ายเลย แต่ยากแสนยากสุดจะประมาณ ชีวิตทุกวัน มีสาระเมื่อได้ฟังพระธรรม สะสมความเข้าใจเพิ่มขึ้นๆ .. แม้ทีละน้อยๆ ก็ตาม

กราบขอบพระคุณอนุโมทนาในกุศลทุกท่านที่ได้เกื้อกูลให้ได้ฟังพระธรรมค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
chatchai.k
วันที่ 30 ม.ค. 2566

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ