การแก้ทุกข์ที่ไม่มีวันจบสิ้น

 
พุทธรักษา
วันที่  29 พ.ย. 2551
หมายเลข  10552
อ่าน  1,044

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ท่านผู้ฟัง เท่าที่สังเกต เขาแนะนำคนที่ตกอยู่ในความทุกข์ ว่า ถ้าอยู่ในที่มืด ก็ให้ออกไปอยู่ในที่โล่งๆ หรือให้ไปอาบน้ำหรือให้เปลี่ยนอิริยาบถ หรือพาไปที่ใดที่หนึ่ง ที่คิดว่าพาไปแล้ว เขาจะหายจากความเครียด หรือ คิดที่จะฆ่าตัวตายนอกจากนั้น ก็มีรายละเอียดอื่นๆ . รู้สึกว่า ทางพุทธศาสนา ดูเหมือนจะไม่มีบทบาทในการช่วยเหลือสังคม ในลักษณะนี้เลย เว้นแต่กลุ่มที่เขาสนใจอาจารย์มีความเห็นว่าอย่างไร

ท่านอาจารย์ เห็นว่าเขายังไม่รู้จัก "ทุกข์" แท้ๆ เขารู้จักเพียงความไม่สบายใจ ที่เกิดขึ้นกับเขา แต่ "ทุกข์" จริงๆ เขาไม่รู้เพราะฉะนั้น เขาก็ต้องแก้ทุกข์ไปเรื่อยๆ ไม่มีวันจบ เจ้าค่ะอย่างเช่น คนที่มีโลภะมากๆ เคยหยุด เคยพอไหมคะ แล้วเป็นทุกข์ไหม ที่ไม่เคยหยุด ไม่เคยพอขณะที่ต้องการนี้ เป็นทุกข์ไหมคะ ต้องการ อยากได้ ขวนขวายเพราะไม่สบายใจอยากได้ ทุรนทุราย

ท่านผู้ฟัง ขณะที่โลภะเกิด ก็มีความต้องการอยากได้ถ้าเราไม่เห็น "ความต้องการ"เราก็มีความอยากได้ เมื่อได้มาแล้ว ก็ยินดีพอใจตรงนั้น

ท่านอาจารย์ ค่ะ ส่วนใหญ่เข้าใจแต่ทุกขเวทนา หรือ โทมนัสเวทนาซึ่งส่วนใหญ่ไม่มีใครชอบ แต่ไม่ทราบเลยว่า นอกจากนั้น อะไรเป็นทุกข์ และ ทุกข์นั้นเกิดขึ้นได้อย่างไรเพราะฉะนั้น ตราบใดที่ยังมีความติดข้อง ก็พ้นทุกข์ไม่ได้

แต่จะรู้ตัว ก็เมื่อไม่ได้สิ่งที่ต้องการ เช่น ทุกคนอยากมีความสุข ความสบายอยากมีรูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส ตามที่ตนปรารถนา แต่เมื่อไม่ได้ ก็เป็นทุกข์ แต่ไม่รู้ว่าที่แท้จริง "ขณะที่เป็นทุกข์จริงๆ " คือเมื่อไร และ อย่างไร

เพราะฉะนั้น ก็ไม่มีวันหมดทุกข์ ไม่ทราบว่ามีใคร "รู้จักทุกข์" แล้วหรือยังคะ เพราะว่า ถ้ามีผู้ถามพระภิกษุในครั้งนั้นว่า "ท่านบวชในพระพุทธศาสนา ในพระธรรมวินัยนี้ เพื่ออะไร"
พระภิกษุท่านจะตอบว่า "เพื่อรู้ทุกข์ หรือ เพื่อเห็นทุกข์" แสดงว่า "ทุกข์" ไม่ใช่สิ่งที่จะเห็น หรือ จะรู้ได้ง่ายๆ เลยแม้ว่ากำลังมี "ทุกข์" อยู่ในขณะนี้ก็ไม่เห็น ไม่รู้เพราะว่าจะต้องเห็นด้วย "ปัญญา"


สนทนาธรรมที่วัดฝายหิน อ.เมือง จ.เชียงใหม่ พ.ศ. ๒๕๔๔ โดย อาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์

ขออนุโมทนา

ขออุทิศกุศลแด่สรรพสัตว์


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
suwit02
วันที่ 29 พ.ย. 2551

สาธุ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
nida
วันที่ 29 พ.ย. 2551
ขออนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
Komsan
วันที่ 29 พ.ย. 2551
ขออนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
pornpaon
วันที่ 30 พ.ย. 2551

แสดงว่า "ทุกข์" ไม่ใช่สิ่งที่จะเห็น หรือ จะรู้ได้ง่ายๆ เลยแม้ว่ากำลังมี "ทุกข์" อยู่ในขณะนี้ก็ไม่เห็น ไม่รู้เพราะว่าจะต้องเห็นด้วย "ปัญญา"

กราบขออนุโมทนาท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์

ขออนุโมทนาคุณพุทธรักษา

ขออนุโมทนาในกุศลจิตและกุศลวิริยะของทุกท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
wannee.s
วันที่ 30 พ.ย. 2551

พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ทุกขอริยสัจจ์ทรงรู้แจ้งเหตุให้เกิดทุกข์ ทรงรู้แจ้งธรรมที่ดับทุกข์ทรงรู้แจ้งหนทางปฏิบัติที่ทำให้บรรลุธรรมที่ดับทุกข์ ที่เรารู้ทุกข์นี้เรารู้ทุกข์ธรรมดาสามัญ เช่นเจ็บป่วยก็เป็นทุกข์ นั่งเมื่อยก็เป็นทุกข์ หิวก็เป็นทุกข์ บุคคลทั่วไปรู้ว่าโลกนี้มีทุกข์อย่างนี้เท่านั้น ซึ่งก็เป็นธรรมดา แต่ว่าพระอริยเจ้านั้นท่านรู้สภาพซึ่งเป็นทุกข์ที่แท้จริง คือ รู้ทุกขอริยสัจจ์รู้ลักษณะที่เกิดขึ้นและดับไปของสภาพธรรมทั้งหลายที่ปรากฏ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
ajarnkruo
วันที่ 30 พ.ย. 2551

ที่การแก้ทุกข์ไม่มีวันจบสิ้น เพราะอวิชชาทำให้เราไม่เห็นทุกข์เมื่อไม่เห็นทุกข์ ก็ย่อมจะไม่รู้ว่า อะไรคือ เหตุแห่งทุกข์อะไรคือ ความดับทุกข์อะไรคือ ธรรมข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์เมื่อแก้ทุกข์ที่ไม่เห็นด้วยความไม่รู้ จึงย่อมจะไม่พ้นไปจากทุกข์ปัญญาเท่านั้นที่จะเห็นทุกข์ที่ปรากฏตามความเป็นจริง

...ขออนุโมทนาครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
khondeebkk
วันที่ 30 พ.ย. 2551

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
opanayigo
วันที่ 3 ธ.ค. 2551

การเกิดเป็นทุกข์อย่างยิ่ง

จนกว่าจะเจริญปัญญา ดับกิเลสได้เป็นสมุทรเฉก (อีกแสนนาน)

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
nida
วันที่ 14 ธ.ค. 2551
ขออนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
chatchai.k
วันที่ 19 ก.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ