การเกื้อกูลมารดาให้ศึกษาพระธรรม

 
ทับทิม
วันที่  24 พ.ย. 2551
หมายเลข  10494
อ่าน  3,639

คุณแม่ดิฉันเกือบจะเสียชีวิตจากอาการเส้นเลือดในสมองแตก ช่วงที่ยัง 50/50 ดิฉันคิดในใจว่า หากแม่รอดคราวนี้จะต้องพยายามดึงแม่ให้มาศึกษาพระธรรมให้ได้ แต่ตอนนี้คุณแม่รอดตายแล้ว แต่รู้สึกว่า น่าจะดื้อมากขึ้นยิ่งกว่าเดิม การที่จะให้แม่มาสนใจในพระธรรมคงจะเป็นเรื่องเหลือวิสัยจริงๆ ดิฉันสงสารคุณแม่ ใจหนึงก็คิดว่า คงต้องปล่อยไปตามยถากรรม อีกใจหนึงก็อยากพยายามหาวิธีอีก ท่านใดมีอุบายที่ทำให้คุณแม่ที่ไม่สนใจในพระธรรมเลยและดื้อมากๆ คิดว่าความเห็นของตนถูกต้อง หันมาสนใจศึกษาพระธรรมได้สำเร็จบ้างมั้ยคะ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
orawan.c
วันที่ 24 พ.ย. 2551

ถ้าได้พยายามชวนคุณแแม่ให้สนใจฟังพระธรรมแล้ว แต่คุณแม่ก็ยังไม่สนใจ ปัญหานี้มีแนวร่วมมาก (คือเจอปัญหาเช่นเดียวกัน)

ขอเชิญคลิกอ่าน......

ทำอย่างไรดี ให้บิดามารดามีความเข้าใจในสภาวะธรรม

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
paderm
วันที่ 24 พ.ย. 2551

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

ทุกคนสะสมมาต่างๆ กัน การที่บุคคลจะทราบว่าบุคคลใดสะสมการที่จะสนใจธรรมหรือไม่ก็เป็นเรื่องที่ยากจะรู้ และที่สำคัญการจะอนุเคราะห์เกื้อกูลจนบุคคลนั้นสนใจก็ต้องเป็นช่วงเวลาที่บุคคลนั้นพร้อม พร้อมที่จะรับฟัง จึงไม่ใช่เรื่องหวังว่าจะสนใจพระธรรมหรือไม่ เพราะทุกอย่างเป็นธรรมและเป็นอนัตตา ตามแต่โอกาสเวลาในการเกื้อกูลด้วยพระธรรม แม้แต่ท่านพระสารีบุตร มารดาของท่านก็ยังไม่สนใจในพระธรรม ยึดถือข้อปฏิบัติผิด มีคราวหนึ่งท่านพระสารีบุตรไปที่บ้านของมารดา มารดาได้แต่ว่าท่านอย่างเดียว พระราหุลซึ่งเป็นศิษย์ของพระสารีบุตรก็อยู่ด้วย เมื่อกลับมา พระพุทธเจ้าถามถึงเหตุการณ์นั้นกับท่านพระราหุลว่า อาจารย์ (พระสารีบุตร) ของเธอทำอย่างไรเมื่อมารดาของท่านว่าอยู่ พระราหุลก็ทูลว่า อาจารย์ของข้าพระองค์ก็ได้แต่นิ่งเท่านั้น ซึ่งจะเห็นได้ว่า หากยังไม่ถึงเวลาที่สนใจธรรมจริงๆ ก็ไม่มีใครที่สามารถจะช่วยให้สนใจในพระธรรมได้ แม้แต่ท่านพระสารีบุตรผู้เลิศด้วยปัญญา แต่เมื่อเวลาเหมาะสมแล้วท่านก็จะสนใจเอง เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น ซึ่งตัวเราเองก็ทำหน้าที่การเป็นบุตรที่ดีในเรื่องอื่นให้ดีที่สุด ส่วนในเรื่องการเกื้อกูลในพระธรรมก็เริ่มจากให้ตัวเองมีความเข้าใจถูกจนมั่นคงเป็นสำคัญครับ แล้วเมื่อมีความเข้าใจเพิ่มขึ้นเราก็สามารถอธิบายในสิ่งที่ถูกต้องในกาลเวลาที่เหมาะสม โดยไม่ได้หวังว่าจะสนใจหรือไม่สนใจแต่ให้ในสิ่งที่ถูกต้องครับ

อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
suwit02
วันที่ 24 พ.ย. 2551

อ้างอิงจาก ความเห็นที่ 2

มีคราวหนึ่งท่านพระสารีบุตรไปที่บ้านของมารดา มารดาได้แต่ว่าท่านอย่างเดียว พระราหุลซึ่งเป็นศิษย์ของพระสารีบุตรก็อยู่ด้วย เมื่อกลับมาพระพุทธเจ้าถามถึงเหตุการณ์นั้นกับท่านพระราหุลว่าอาจารย์ (พระสารีบุตร) ของเธอทำอย่างไรเมื่อมารดาของท่านว่าอยู่ พระราหุลก็ทูลว่า อาจารย์ของข้าพระองค์ก็ได้แต่นิ่งเท่านั้น

น่าสนใจมาก โปรดแสดงรายละเอียดหน่อย

ขอบพระคุณครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
saowanee.n
วันที่ 24 พ.ย. 2551

หากท่านยังไม่พร้อม ก็แนะนำให้ท่านเจริญกุศลขั้นอื่นไปก่อนก็ได้นี่ค่ะ ดีกว่าปล่อยให้ชีวิตในวันนึงๆ ผ่านไปโดยปราศจากกุศล ระหว่างนั้นเราก็สอดแทรกความรู้ความเข้าใจ ไปด้วย ให้ท่านได้มีศรัทธาและความเห็นถูกเพิ่มมากขึ้น

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
khampan.a
วันที่ 24 พ.ย. 2551

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

การตอบแทนบุพการี ซึ่งเป็นบุคคลผู้มีพระคุณ ผู้กระทำอุปการะมาก่อน มีมารดาบิดา เป็นต้น นั้น ย่อมเป็นสิ่งที่ดี ควรกระทำและบัณฑิตทั้งหลายมีพระพุทธเจ้า เป็นต้น ทรงสรรเสริญบุตรธิดา ผู้ที่ได้ศึกษาพระธรรม มีความเข้าใจพระธรรม เป็นผู้เห็นคุณค่าของพระธรรม แล้วมีความประสงค์ให้บิดามารดาได้ฟังได้ศึกษาด้วยนั้น กล่าวได้ว่า เป็นการตอบแทนพระคุณของท่านอย่างสูงยิ่ง เพราะเป็นไปเพื่อความเจริญขึ้นของปัญญา ความเข้าใจถูก เห็นถูก แต่สิ่งที่ลืมไม่ได้ คือ ธรรม ไม่ได้สาธารณะ (ทั่วไป) กับทุกคน เมื่อไม่ได้สะสมเหตุที่ดีมา ย่อมไม่มีโอกาสได้ฟัง ผู้ที่ได้สั่งสมมาดีย่อมมีโอกาสได้ฟัง และสามารถเข้าใจตามความเป็นจริงได้ เนื่องจาก ธรรมเป็นเรื่องที่ละเอียด ลึกซึ้ง จึงต้องมีความอดทน ตั้งใจที่จะฟัง พิจารณาไตร่ตรอง ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป เริ่มต้นทีตนเองก่อนแล้ว จึงพูดกับท่านด้วยเหตุด้วยผล ตามที่เข้าใจถ้าหากท่านได้สั่งสมเหตุที่ดีมา สักวันหนึ่ง ท่านคงสนใจที่จะฟัง ครับ ..

สำหรับข้อความที่คุณ suwit02 ต้องการรายละเอียดนั้น

ขอเชิญคลิกอ่านข้อความโดยตรงจากพระไตรปิฎก ได้ที่นี่ครับ ...

เรื่องพระสารีบุตร

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
เกมส์
วันที่ 24 พ.ย. 2551

จากประสบการณ์ ขอแนะดังนี้ครับ

1. ถ้าคุณแม่ไม่ชอบฟังธรรม ลองอัดเสียงอ่านของท่านเจ้าของกระทู้ลงในเทปหรือซีดี

2. ถ้าเป็นผู้ชาย ให้บวชวัดใกล้บ้านคุณแม่ พอคุณแม่มาทำบุญก็เทศน์ให้ท่านฟัง

3. เขียนพระธรรมด้วยลายมือ แล้วส่งเป็นจดหมายให้คุณแม่อ่านทุกสัปดาห์

เพราะคุณแม่ทุกท่านย่อมภูมิใจในผลงานของลูก และย่อมแปลกใจว่าทำไมเราถึงสนใจพระธรรม เมื่อเรามีความพยายามให้ท่านเห็นเช่นนี้ ท่านก็จะศรัทธาว่าพระธรรมสามารถเปลี่ยนลูกที่เกเรเป็นคนที่ดีและตอบแทนพระคุณได้

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
suwit02
วันที่ 25 พ.ย. 2551

สาธุ

ขอบพระคุณอ.คำปั่นครับ

ที่นี่น่ารื่นรมย์

บุตรที่ไม่เลี้ยงมารดาบิดาผู้แก่แล้ว ไม่ชื่อว่าเป็นบุตร

ที่ประชุมไม่มีบัณฑิต ไม่ชื่อว่าเป็นสภา

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
bauloy
วันที่ 25 พ.ย. 2551

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

การให้ธรรมะชนะการให้ทั้งปวง ขออนุโมทนาครับ....

การสะสมของแต่ละบุคคลย่อมแตกต่างกันไป จากประสบการณ์ ขอแนะนำดังนี้ครับ

เรื่องใดก็ตามที่ท่านสนใจ และเป็นเรื่องที่ก่อให้เกิดกุศล ควรสนับสนุนเป็นธุระให้ท่านอย่างเต็มที่ พร้อมทั้งคอยแทรกหลักธรรมคำสอนเข้าไปด้วยที่ละเล็ก ทีละน้อย อย่าคิดว่าปล่อยผ่านเลยไปวันๆ การสอดแทรกธรรมะต้องอาศัยเวลา และโอกาสที่เหมาะสม และพร้อมจะรับ ผู้รับพร้อมที่จะรับ ผู้ให้พร้อมที่จะให้ จึงจะเกิดผลสูงสุด

ดังเช่นความคิดเห็นของคุณ khampan.a

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
เมตตา
วันที่ 25 พ.ย. 2551

การเกื้อกูลมารดาให้ศึกษาพระธรรมเป็นสิ่งที่ควรทำ และเป็นประโยชน์สูงสุดที่ลูกพึงเกื้อกูลค่ะ แต่ก็ขึ้นอยู่กับการสะสมของท่านว่า ท่านได้สะสมอุปนิสัยในการฟังในการศึกษา และเข้าใจพระธรรมมาหรือเปล่า ถ้าท่านไม่ได้สะสมอุปนิสัยมาก็เป็นการยากที่จะเกื้อกูลท่านได้ แต่ก็ควรเกื้อกูลสิ่งที่พอจะเข้าใจได้ และเกิดกุศล เช่น การให้ทาน การงดเว้นจากการกระทำทุจริตทางกาย ทางวาจา ทางใจ ควร ยกตัวอย่างการให้ทาน การสละวัตถุสิ่งของเพื่อประโยชน์แก่ผู้อื่น ขณะที่สละให้ขณะนั้นจิตผ่องใส จิตไม่มีกิเลส จิตเป็นกุศล ควรเกื้อกูลจากขั้นต้นๆ ที่เป็นเหตุเป็นผล ท่านจะได้ค่อยๆ พิจารณาได้ค่ะ เพราะข้าพเจ้าเองก็ได้เกื้อกูลมารดาตามที่ได้กล่าวมาค่ะ แต่ต้องใช้เวลานานมากค่ะ ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปค่ะ เดี๋ยวนี้ท่านมีความศรัทธาในพระธรรมมากค่ะ ถึงแม้ท่านจะฟังพระธรรมยังไม่เข้าใจ ข้าพเจ้าจะบอกท่านว่าพระธรรมเป็นของยาก และลึกซึ้งมาก ไม่ใช่จะเข้าใจได้ง่ายๆ อย่างน้อยก็ให้ท่านได้อบรมเจริญกุศลเท่าที่ท่านจะเข้าใจและกระทำได้ค่ะ

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
พุทธรักษา
วันที่ 25 พ.ย. 2551

หากคุณแม่ของคุณไม่ได้สั่งสมบุญมาที่จะเข้าใจพระธรรมที่ลึกซึ้งได้ไม่ควรมองข้าม การเกื้อกูลท่านด้วยความเมตตาอย่างน้อย ความเมตตาที่คุณมีต่อคุณแม่ก็มีประโยชน์มากในยามนี้เช่น ช่วยคุณแม่ให้เกิดความสบายใจ แช่มชื่นใจการดูแลเอาใจใส่สุขภาพของคุณแม่ ที่กำลังย่ำแย่จากการป่วยปกติผู้ที่ป่วยกาย ย่อมมีความทุกข์ใจ ตามมาหากลูกหลานเอาใจใส่ หมั่นดูแลใกล้ชิดดูแลคุณแม่ด้วยตนเอง แทนการพาไปนอนโรงพยาบาล หาสิ่งที่คุณแม่ชอบมาให้ เช่น อาหารจานโปรด หรือการได้พบกับคนที่อยากพบ เช่นเพื่อน หรือลูกหลาน เป็นต้น หมั่นถามอาการและ ชักชวนให้ท่านมีความร่าเริงใจ เบิกบานใจสภาพจิตใจเช่นนี้ ย่อมเป็นปัจจัยให้จิตใจเบาสบาย คลายจากความเครียด จืตใจไม่จมอยู่กับความทุกข์ แล้วพิจารณาว่าท่านสะสมมาที่จะเจริญกุศลในด้านใด เช่น ชอบตักบาตร เลี้ยงอาหารเด็กกำพร้า ไหว้พระ ปล่อยปลา ฯลฯ คุณก็เป็นธุระจัดการให้ ด้วยความเมตตา อ่อนโยน จริงใจเชื่อว่าคุณแม่ท่านรับรู้ได้ ท่านจะเกิดปิติและนี่เป็นการตอบแทนบุญคุณต่อผู้บังเกิดเกล้าที่ดีมากๆ อย่างหนึ่งจิตใจของคุณแม่ ก็จะแช่มชื่น อ่อนโยน แทนที่จะเศร้าหมองและสามารถที่จะมีกำลังใจในการเจริญกุศลใดๆ ที่เป็นปัจจัยให้เกิดสภาพจิตที่ดีงาม (บุญ) ได้ควรเป็นกิจกรรมที่ไม่ใช่ข้อปฏิบัติที่ผิด งมงาย
นี่คือสิ่งที่ควรคำนึงถึงก่อนส่วนท่านจะศึกษาธรรมได้หรือไม่...แล้วแต่เหตุปัจจัย การศึกษาพระธรรมไม่ใช่เรื่องฝืนอัธยาศัยค่ะ.


เป็นความเห็นส่วนตัวค่ะ

แล้วแต่ท่านจะเห็นสมควรนะคะ

ขออนุโมทนาค่ะ.

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
suwit02
วันที่ 26 พ.ย. 2551

ขอพระสัทธรรมอันงดงาม บังเกิดแต่ดอกบัว คือพระโอษฐ์ของพระสัมพุทธเจ้า ผู้เป็นที่พึ่งของสรรพสัตว์ ทำให้ใจของท่านทั้งหลายเบิกบาน

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
นายเรืองศิลป์
วันที่ 26 พ.ย. 2551

เมื่อตอนเราเป็นเด็กท่านพร่ำสอนให้เราทำในสิ่งดีงาม เมื่อท่านเห็นเราทำความดีท่านก็ปลื้มใจ เช่นกันครับ ตอนโตมา เราได้มีโอกาสได้ทำความดีอย่างประเสริฐ คือการได้ฟังพระธรรม และปฏิบัติตามคำสอนของพระศาสดา ซึ่งพ่อแม่ทุกคนย่อมรักและห่วงใยลูก และย่อมสนใจในสิ่งที่ลูกทำด้วย โดยเฉพาะความดี

ก็ให้เรียนแก่ท่านบ่อยๆ ว่าเราได้ทำบุญกุศล ได้ฟังพระธรรม นี่เป็นเพราะพระคุณของท่านพร่ำสอนตั้งแต่เด็ก เราจึงได้มีโอกาสเติบโตและอยู่ในแนวทางแห่งความดี จึงควรเรียนท่านถึงความดีที่เราได้ทำ ให้ท่านได้ยินดี อนุโมทนาบุญกับเราด้วย หากท่านถามว่าทำอะไร อย่างไร แสดงว่าท่านเริ่มสนใจในสิ่งที่เราทำ แล้วจึงค่อยๆ แนะนำให้รู้จักธรรมะ

ผมเองก็ใช้วิธีนี้กับคนที่เรารักและหวังดีอยู่เหมือนกันครับ

ขออนุโมทนาบุญนะครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
pornpaon
วันที่ 26 พ.ย. 2551

มักฉวยโอกาสขณะที่ท่านพูดเรื่องการทำบุญ หรือบ่นน้อยใจเรื่องต่างๆ สนทนาธรรมกับท่าน เล็กๆ น้อยๆ ตามที่เป็นไปได้ เท่าที่ไม่ฝืนอัธยาศัยของท่าน ค่อยเป็นค่อยไปค่ะ

ไม่ค่อยแปลกใจกับปัญหานี้ เพราะว่าตนเอง กว่าจะได้มาพบและได้ฟังก็นานกว่าจะเข้าใจบ้าง ทีละคำสองคำ ก็นานมากอีกเหมือนกัน แล้วแต่การสะสมจริงๆ ค่ะ

ขออนุโมทนาในกุศลจิตและกุศลวิริยะของทุกท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
Noparat
วันที่ 27 พ.ย. 2551

เริ่มต้นที่ตนเองก่อนค่ะ เพราะท่านรู้จักอุปนิสัยเราได้ดีกว่าใคร เมื่อเราทำดี ปฏิบัติดี เป็นที่น่าเชื่อถือ เวลาพูดคุยอะไรให้ท่านฟัง ท่านมักจะคล้อยตามด้วยเหตุด้วยผล และที่สำคัญก็อยู่ที่การสั่งสมมาของท่านด้วยค่ะ

ขออนุโมทนาในกุศลจิตและกุศลวิริยะของทุกท่าน ที่ช่วยเกื้อกูลบิดามารดาให้ได้ศึกษาพระธรรมค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
ทับทิม
วันที่ 27 พ.ย. 2551

ดิฉันจะพยายามต่อไปดีกว่า แต่ก็จะไม่คาดหวังอะไร ทำให้แม่ได้เท่าไหน ก็เท่านั้นค่ะ

ขอขอบคุณในทุกความเห็น และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 16  
 
wannee.s
วันที่ 29 พ.ย. 2551

ใช้วิธีชวนทางอ้อมค่ะ เวลาเราฟังธรรม เราก็เปิดธรรมให้คุณแม่ได้ยินด้วย ใหม่ๆ ท่าน อาจจะฟังไม่รู้เรื่อง ไม่สนใจ แต่ฟังไปนานๆ ท่านก็อาจจะสนใจ เมื่อเหตุปัจจัยพร้อมค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 17  
 
คุณ
วันที่ 28 ก.พ. 2553

ขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ