ขอเรียนถามเรื่องการทำโยนิโสมนสิการ
โยนิโสมนสิการเป็นจิตที่ดีเป็นกุศล คือขณะที่จิตเป็นกุศลขณะนั้นเป็นโยนิโสมนสิการไม่ใช่เรื่องมีวิธีการทำ ถ้าทำได้ ทุกคนก็ทำโยนิโสกันทั้งวัน ทุกคนจะไม่มีอกุศลเลย แต่ความจริงไม่เป็นเช่นนั้น ส่วนมากชีวิตประจำวันของทุกคนมากไปด้วยอกุศล มีกุศลบ้างเล็กน้อยเท่านั้น ฉะนั้น โยนิโสมนสิการเป็นจิตที่ดีงามเกิดเพราะปัจจัย
โยนิโสมนสิการเป็นความคิดโดยแยบคายในเรื่องของกุศล เช่นคิดจะฟังธรรมะ ใส่บาตร ปล่อยปลา บำเพ็ญสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมและศาสนา เป็นต้น
มนสิการ เป็นเจตสิกที่ประกอบได้ทั่วไปแก่จิตทั้งหมด เรียกว่า สัพพจิตตสาธารณเจตสิก จะให้มนสิการเจตสิกนี้เป็นไปกับกุศลจิต คือเป็นโยนิโสมนสิการนั้น ผู้นั้นต้องเป็นผู้ที่มีปัญญา ความเห็นถูก ความเข้าใจถูกในความเป็นจริงของสภาพธรรมะ ไม่ได้ขึ้นอยู่ว่าจะทำอย่างไร ขึ้นอยู่ว่ามีปัญญาเข้าใจอะไร และปัญญาต้องเจริญตามลำดับขั้น คือ
๑. สุตมยปัญญา ปัญญาเกิดแต่การสดับการเล่าเรียน
๒. จินตามยปัญญา ปัญญาเกิดแต่การคิดการพิจารณาหาเหตุผล
๓. ภาวนามยปัญญา ปัญญาเกิดแต่การอบรมและปฏิบัติ
ขณะนี้มีสภาพธรรมะปรากฏทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ถ้ามีการสะสมเหตุของความเข้าใจมามากพอก็จะเป็นปัจจัยให้กุศลจิตเกิดเป็นโยนิโสมนสิการ แต่ถ้าขาดความเข้าใจเพราะไม่ได้สะสมมาตามลำดับขั้น ก็ต้องเป็นอโยนิโสมนสิการ
ขณะฟังธรรมและเข้าใจในข้อธรรมะนั้นๆ แสดงว่าจิตขณะนั้นประกอบด้วยโยนิโสมนสิการ และจะเป็นปัจจัยให้สติและปัญญาเกิดได้ แล้วแต่เหตุที่สมกับผล