ขออนุญาตถามความคิดเห็นจากสหายธรรมทุกท่านค่ะ !

 
พุทธรักษา
วันที่  9 พ.ย. 2551
หมายเลข  10330
อ่าน  1,263

เรียน สหายธรรมทุกท่านวันนี้ข้าพเจ้าได้รับโทรศัพท์ทางไกลจากสหายธรรมท่านหนึ่งท่านอาศัยอยู่ที่จังหวัดพังงาค่ะ ท่านโทรมาบอกว่าเอ็มพี ๓ ชุด ปกิณกธรรมที่ส่งไปให้นั้น ท่านฟังแล้วไม่เข้าใจยากเกินไป และเพื่อไม่ให้เป็นการสูญเปล่า ท่านได้นำไปมอบไว้ให้วัดแห่งหนึ่งเพื่อเป็นธรรมทาน และ แจ้งมาให้ทราบเพื่อข้าพเจ้าจะได้อนุโมทนาต่อไป

ข้าพเจ้าจึงเรียนถามท่านว่า เหตุใดจึงกล่าวว่ายากเกินไป ท่านเปรียบตนเองว่า เหมือนคนที่เพิ่งเริ่มประสมอักษรเป็นแต่ธรรมที่ท่านอาจารย์สุจินต์แสดงนั้น เปรียบเหมือนคนที่ผูกประโยคเป็นแล้ว

ข้าพเจ้าจึงเรียนถามเพิ่มอีกว่า ท่านคิดอย่างไร ท่านอธิบายว่า กุศลขั้นทาน และศีล นั้นท่านปฏิบัติอยู่แต่ขั้น ภาวนานั้น ท่านยังไม่กระจ่าง และมีความเห็นว่าสมถภาวนานั้นก็เป็นทางหนึ่งที่จะไปสู่นิพพานได้ ข้าพเจ้าจึงเรียนท่านว่าจากการศึกษาธรรมะ สมถภาวนา ไม่ใช่หนทางแต่สติปัฏฐาน เป็นทางเดียวเท่านั้นที่จะเข้าสู่กระแสนิพพานได้โดยต้องศึกษาควบคู่ไปกับ ความป็นอนัตตา ซึ่งขาดไม่ได้และอนัตตา มีในศาสนาพุทธเท่านั้น การเข้าใจ ความเป็นอนัตตาสำคัญมาก

ท่านกล่าวกับข้าพเจ้าว่า ท่านยังเห็นว่าเป็นเราตลอดเวลา

ประโยคสุดท้ายท่านถามข้าพเจ้าว่า "เป็นไปได้ไหม ว่า เอกายนมรรค หนทางสายเอกนั้นจริงๆ แล้วไม่ใช่ หมายความว่า ทางสายเอกนั้นมีทางเดียวแต่มีหลายทางให้เลือก"
ข้าพเจ้าตอบว่า จากการศึกษา ทราบว่าเอกายนมรรค คือ มรรคมีองค์ ๘ เป็นหนทางเดียว คือสติปัฏฐาน ๔ เท่านั้น

ก่อนที่จะได้สนทนามากไปกว่านี้ ก็มีผู้ต้องการใช้โทรศัพท์การสนทนาธรรมจึงจบลงเพียงแค่นี้ เนื่องจากข้าพเจ้าไม่ใช่ธรรมวาที แต่เป็นผู้ที่กำลังศึกษาและไม่มีความสามารถมากพอในการที่จะอธิบายในสิ่งที่ยาก คือ อภิธรรม

หากครั้งต่อไปที่จะมีโอกาสได้สนทนาธรรมกันอีก ข้าพเจ้าควรจะอธิบายในสิ่งที่สนทนาค้างไว้อย่างไรค่ะที่จะเป็นประโยชน์ต่อท่านผู้นี้ได้บ้าง ไม่มาก ก็น้อย.เพราะท่านผู้นี้บอกชัดเจนว่าอภิธรรมยากเกินไปสำหรับท่านอภิธรรม สำหรับคนกลุ่มน้อยมากๆ ที่จะเข้าใจได้


ปล. ขอให้ข้อมูลเพิ่มเติมนะคะ ที่ข้าพเจ้าให้ความสนใจกับท่านนี้ เพราะว่าครั้งหนึ่งเมื่อสมัยที่ข้าพเจ้าได้สนทนาธรรมกับท่านเมื่อประมาณปี ๒๕๓๕ ข้าพเจ้าเรียนท่านว่า กำลังศึกษาธรรมะจากการบรรยายของท่านอาจารย์สุจินต์อยู่ ท่านกล่าวว่า ท่านเคยได้ยินเสียงของท่านอาจารย์สุจินต์ ทางวิทยุ ประทับใจในเสียงที่ไพเราะ และเนื้อหาที่ท่านได้ฟังจากการบรรยายแต่เมื่อวิทยุของท่านพังไป ท่านก็ไม่ได้ฟังอีกเลยแต่ข้าพเจ้าไม่คิดว่า เป็นเรื่องบังเอิญค่ะ

เมื่อมีโอกาส จะส่งหนังสือ และเทปไปให้แต่สิ่งที่ท่านทำคือ ส่งต่อไปถวายไว้ที่วัดเพราะคิดว่า เป็นของมีค่า ควรแก่ผู้มีปัญญาระดับสูง ปกติแล้ว เวลาที่มีโอกาสกลับบ้านเกิดที่จังหวัดพังงา ในโอกาสต่างๆ วิทยุธรรมดา ไม่สามารถรับฟัง การกระจายเสียงจาก กทม.ได้ในสมัยก่อน กว่า ๒๐ ปีมาแล้ว เวลาที่กลับไปเยี่ยมบ้านเกิด พี่ชายของข้าพเจ้า มักจะตามหาคลื่น สทร.บางนาได้ในบางครั้งที่ไม่มีฝนตกเพื่อฟังธรรมะตอน ๓ ทุ่ม ซึ่งถ้าใช้ซาวด์อะเบาว์ จะได้ยินเสียงแต่ไม่ค่อยชัด และ ต้องฟัง ด้วยหูฟังคนละข้างซึ่งก็เป็นบางวันเท่านั้น ที่พอจะได้ยินเสียงที่ค่อยมาก แต่พอฟังรู้เรื่อง.จึงแน่ใจว่าไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่สหายธรรมท่านนี้มีโอกาสได้ยินเสียงท่านอาจารย์ทางวิทยุในที่ที่รับฟังได้ยากมากเช่นนั้น

จึงเรียนมาเพื่อขอคำแนะนำ สำหรับการสนทนาในครั้งต่อไปกับสหายธรรมท่านนี้อีก หากมีโอกาส

ขออนุโมทนาค่ะ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
wannee.s
วันที่ 9 พ.ย. 2551

แนะนำให้เขาอดทนฟังต่อไป อย่าทิ้ง อย่าขาดการฟัง เพราะถ้าไม่มีพื้นฐานก็ยิ่งต้องฟังให้มากๆ อย่าเพิ่งท้อแท้ ถ้าไม่ฟังหรือท้อแท้ ปัญญาก็ไม่เกิด ความเข้าใจก็ไม่มีค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
ajarnkruo
วันที่ 9 พ.ย. 2551

คิดว่าอย่างน้อยเขาก็คงจะรู้จักตัวเองและก็มีความเข้าใจถูกในระดับหนึ่ง ดังที่กล่าวว่า" พระอภิธรรมยาก " ต้องยากแน่นอนครับเพราะเป็นการตรัสรู้โดยพระสัมมาสัมพุทธเจ้าใครที่บอกว่า "ง่าย" ตั้งแต่แรกอย่างนี้ เราก็คงจะเกื้อกูลเขาได้ลำบากยิ่งกว่า ผู้ที่ศึกษามาหลายสิบปี ก็ไม่มีใครบอกว่าง่ายเลยสักคนครับ ยิ่งถ้าไม่เริ่มศึกษาเลย สิ่งที่ยากก็คงจะยังยากอยู่อย่างนั้น ถ้ารู้จริงๆ ว่า ถึงแม้จะยาก แต่สิ่งที่ยากนั้นเป็นสัจจธรรม ไม่มีวันที่จะเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น และสามารถนำออกจากทุกข์ได้ เพียงแนะนำให้เขาเริ่มตั้งแต่ขั้นฟังเพื่อให้เข้าใจ เข้าใจแค่ไหนก็แค่นั้น คิดว่าก็คงจะไม่เกินวิสัยเกินไป ถ้าเขาได้สะสมศรัทธา และปัญญามา เขาคงจะอดทนฟังต่อเองครับ ถ้าเราอธิบายธรรมไม่เก่ง เราก็แนะนำให้เขาเข้าหากัลยาณมิตรที่มูลนิธิฯ ก็อาจจะเป็นหนทางที่ดีกว่าครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
paderm
วันที่ 9 พ.ย. 2551

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

เหมือนจะเตรียมตัว เหมือนจะทำให้เขาเข้าใจ เหมือนจะให้เป็นดั่งใจ แต่เมื่อถึงวันนั้นได้สนทนา หรืออาจไม่ถึงวันนั้นคือจะได้สนทนาหรือไม่ ธรรมเป็นไปตามเหตุปัจจัย แต่ละคนก็สะสมเหตุปัจจัยมาต่างๆ กัน ธรรมไม่สาธารณะหมายถึงธรรมที่ถูกต้อง ไม่สาธารณะทั่วไปกับใคร อธิบายให้เข้าใจตามความเข้าใจของตนครับ ที่สำคัญการที่บุคคลนั้นจะได้ยินเสียงธรรมจากใครคนหนึ่งอธิบายจะมากจะน้อย จะอธิบายดีหรือไม่ดี ก็ตามเหตุปัจจัยและจะเข้าใจขึ้นหรือยิ่งปฏิเสธ เป็นอนัตตาทั้งนั้นครับ คงไม่ต้องกังวลในวันต่อไป ในวันที่ยังมาไม่ถึง เป็นอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น สำคัญที่ปัจจุบันขณะนี้ !

เพราะเพลินไปกับความคิด ไม่พ้นจากสภาพธรรมและเป็นอนัตตาครับ ไม่ได้ห้ามให้ช่วยหรือไม่ช่วยแต่ช่วยเท่าที่ทำได้ พระพุทธเจ้าทรงรู้จักการแก่รอบของอินทรีย์คือเมื่อเวลาที่บุคคลนั้นพร้อมจริงๆ จึงจะสามารถที่จะรับพระธรรมและเข้าใจพระธรรมในเวลาที่เหมาะสมได้ครับ ประโยชน์ตนสำคัญคือเข้าใจพระธรรมหากเข้าใจพระธรรมก็เข้าใจว่า เป็นอนัตตา ไม่ว่าสิ่งใดจะเป็นอย่างไรก็ตาม ดั่งเช่นเมื่ออ่านความเห็นนี้จะเข้าใจหรือไม่เข้าใจก็เป็นอนัตตาเช่นกันและก็เข้าใจในสิ่งนั้น เข้าใจบุคคลนั้นด้วย

ขออนุโมทนา

อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
choonj
วันที่ 9 พ.ย. 2551

วันนี้ก็มีการสนทนาที่มูลนิธิๆ เกียวกับการชวนผู้ศึกษาใหม่ สรุปได้ว่าต้องขึ้นอยู่กับความสนใจของผู้นั้นๆ ถ้าเขาหล่านั้นไม่ได้สะสมมาหรือสะสมการศึกษาแนวอื่น การชวนก็ไม่ได้ผล คือไม่ต้องชวน ถ้าเขาสะสมมา เขาจะถามเอง เมื่อเขาสนใจการชวนก็จะได้ผล จะเห็นได้จากบางท่านสนใจทั้งๆ ที่ฟังไม่รู้เรื่อง ส่านผู้ที่ไม่สนใจเพราะฟังไม่รู้เรื่องมีแยะ ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
JANYAPINPARD
วันที่ 10 พ.ย. 2551

อ่านที่คุณ prissna.t เล่า ขออนุโมทนาในกุศลเจตนาที่มีต่อท่านผู้นั้นและความพยายามอยากให้เขาเข้าใจธรรมะ จากประสบการณ์ถึงแม้รู้ว่าธรรมะที่กำลังศึกษาอยู่ ดีและถูกต้อง พยายามให้คนที่เรา รักและปรารถนาดีมาสนใจรู้สึกยากจริงๆ จนบ่อยครั้งท้อถอย เพราะไม่รู้จะพูดหรือชี้แจงอย่างไรเพื่อให้เขามาสนใจ จนเดี๋ยวนี้ไม่พยายามแล้ว ค่อยเป็นค่อยไปดีกว่าไม่โต้แย้ง เพื่อรักษาความรู้สึกที่ดีต่อกัน หาโอกาสที่จะแทรกธรรมะที่เรารู้ไปที่ละเล็กละน้อย ด้วยความเชื่อมั่นว่าทุกอย่างแล้วแต่เหตุปัจจัย

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
sirijata
วันที่ 10 พ.ย. 2551

ดิฉัน ขออนุญาต แนะนำให้คุณ prissna.t ส่งหนังสือ "บารมีในชีวิตประจำวัน" ของท่านอาจารย์สุจินต์ (เล่มสีน้ำเงิน มีดอกบัวสีขาว 1 ดอก) ให้สหายธรรมของคุณอ่านค่ะ เพราะไม่ยากมาก

ขณะนี้ดิฉันกำลังอ่านอยู่ ดีมาก เข้าใจมากขึ้น หากเป็นไปได้ควรส่งไปสองเล่มคือเล่มนี้ และ เล่มปรมัตถธรรม จิตตสังเขป เล่มหลังนี้ยากกว่า (ควรอ่านหลังจากจบเล่มแรก) แต่ถ้าอ่านจบแล้วทั้งสองเล่ม และเข้าใจแจ่มแจ้ง ก็คิดว่าไม่จน (อริยทรัพย์) แล้วค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
suwit02
วันที่ 10 พ.ย. 2551

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
นายเรืองศิลป์
วันที่ 11 พ.ย. 2551

ขอเสนอความเห็นด้วยความนอบน้อมน่ะครับ มีผู้ถามอาจารย์ว่าจะแนะนำชักชวนคนที่รักและหวังดีมาฟังพระธรรมที่มูลนิธิฯ ได้อย่างไร อาจารย์แนะนำว่าต้องรู้จักคนคนนั้นดีพอ และต้องรู้ว่าเขาสนใจจะฟังจริงๆ โดยสังเกตว่าเขาจะมาถามเราเอง หากไปแนะนำขณะที่เขายังไม่สนใจก็เปล่าประโยชน์ ทั้งเขาและเราก็จะไม่สบายใจเป็นทุกข์ เป็นอกุศล แต่หน้าที่เราคือเกื้อกูล เมื่อเขาพร้อม เมื่อนั้นจึงจะเกิดประโยชน์จริงๆ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
จักรกฤษณ์
วันที่ 11 พ.ย. 2551

ขออนุโมทนาในกุศลจิต เพื่อปรารถสิ่งประเสริฐแก่เพื่อนมนุษย์ครับ

ในความเห็นของผมนั้น เห็นว่า ความปรารถดีของเรากับการประสบความสำเร็จในสิ่งที่เราปรารถ (เพื่อให้ผู้อื่นเข้าใจธรรมะ) เป็นคนละเรื่อง

ความปรารถดีของเรา เราก็ทำตามที่สมควรแก่เหตุและปัจจัย ตามกาละและโอกาส แต่ขอให้ห่างไกลความอยาก (เพราะเป็นเหตุแห่งทุกข์ จริงๆ นะครับ) จะสำเร็จหรือไม่ (หรือบางครั้งทำให้เค้ากลัวหรือเกลียดก็มี) เราไม่อาจทราบได้

แต่ที่ผมคิดและเข้าใจว่าดีที่สุด คือ การฝึกฝนปฎิบัตตัวเองให้ถูกต้องให้ตรง จนคนอื่นเอาเป็นตัวอย่างได้นั้น น่าจะดีกว่าการชี้แนะด้วยวาจา ด้วยคำพูด หรือนำเสนอในรูปแบบอื่นๆ นะครับ การฝึกอบรมพัฒนาหรือเจริญปัญญาที่ดีแล้ว ย่อมแสดงผลที่ดี น่าเชื่อถือ และไม่ต้องอธิบายอะไรกันมากมายครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
วันชัย๒๕๐๔
วันที่ 11 พ.ย. 2551

โดยส่วนตัว ก็ได้เกื้อกูลผู้ใกล้ชิดตามกาละและโอกาสที่อำนวย ที่สำคัญคือ ไม่คาดหวังผลใดๆ จากการเกื้อกูลนั้นๆ

ท่านทั้งหลายให้ความเห็นได้ดีมากครับ นับว่ามีประสบการณ์มาแล้วทั้งนั้น ยอมรับว่าเท่าที่ได้เกื้อกูลไปมาก ตอนนี้ก็มีหนึ่งท่านที่สนใจฟังบ่อยๆ ซึ่งก็คือคุณภรรยาของผมเองครับ อาจเป็นเพราะเธอเห็นความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น (บ้าง) ของผมหลังจากการได้ศึกษาธรรมจากท่านอาจารย์มาระยะหนึ่ง แล้วก็เป็นได้

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านด้วยครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
pornpaon
วันที่ 12 พ.ย. 2551

ขออนุโมทนาคุณ prissna.t และในกุศลจิตของทุกๆ ท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
Sam
วันที่ 12 พ.ย. 2551

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
เมตตา
วันที่ 12 พ.ย. 2551

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ...

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
Komsan
วันที่ 13 พ.ย. 2551
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
ปริศนา
วันที่ 13 พ.ย. 2551

ขอขอบพระคุณและอนุโมทนาทุกท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 16  
 
เจริญในธรรม
วันที่ 14 พ.ย. 2551

ได้อ่านก็รู้สึกว่า เวลาได้หายไปถึง 20 ปี ในการศึกษาพระธรรมของพระศาสดา ผมก็รู้สึกว่าเสียดายแทนท่านจริงๆ แต่เวลาก็ผ่านไปแล้ว เราคงต้องหาโอกาสในการฟังธรรมในวันนี้เท่าที่จะทำได้ ท่านอาจารย์สุจินต์เคยกล่าวว่า ก่อนจะไปทำอะไร หรือปฏิบัติอะไรควรที่จะศึกษาข้อมูล เสียก่อน ไม่เช่นนั้นเราก็ไม่รู้ว่าเราทำทานเพื่ออะไร รักษาศีลเพื่ออะไร และทำภาวนาเพื่ออะไร และจะไม่รู้แม้ทางไปพระนิพพานเลย

จริตและอุปนิสัยของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ลองแนะนำให้ท่านอ่านในพระสูตร ก่อนก็ได้ครับ ผมเห็นว่าเหมือนอ่านเรื่องราว ชาดก เป็นเรื่องที่อ่านง่ายชวนติดตาม น่าสนใจ ผมก็เริ่มจากพระสูตรก่อนเหมือนกัน แล้วถึงจะมาอ่านหรือฟังพระอภิธรรม มันก็จะง่ายขึ้นนะครับ

อุปมาเหมือนเด็กที่กินนม ต่อมามีฟันก็กินกล้วยบด อาหารเสริม กินข้าวเหลว โตขึ้นมาหน่อยก็กินข้าวสวย พอเริ่มกินข้าวสวยได้ คราวนี้ก็มีอุปนิสัยต่างกันไป บางคนก็ชอบกินเผ็ด บางคนชอบกินผัก ไม่กินผัก บางคนชอบกินแกงจืด และ ฯลฯ มนุษย์เราโอกาสในการเจริญกุศล ไม่เท่ากันเลย มีโอกาสที่จะทำกุศลที่ใหญ่ได้น้อย ลองดูครับผมว่าท่านผู้นั้นจะกลับมาอ่านพระอภิธรรมได้ไม่ยาก

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 17  
 
chatchai.k
วันที่ 19 ก.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ