ขณะใดโลกไม่ปรากฎ


    สุรีย์   มีอะไรอีกไหมที่โลกปรากฏ

    ส.   ถ้าพูดถึงธรรมควรจะเป็นชีวิตประจำวัน ซึ่งเราสามารถที่จะรู้ได้  เช่นขณะนี้กำลังเห็น โลกสีสันวัณณะกำลังปรากฏ ขณะใดที่ได้ยิน เสียงปรากฏ ก็เป็นแต่ละลักษณะ แต่ละโลกไป แต่ว่าขณะใดที่ไม่มีการรู้อารมณ์ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ มีจิต แต่ว่าขณะนั้นไม่ได้อาศัยตา จึงไม่เห็น ไม่ได้อาศัยหู จึงไม่ได้ยิน เพราะฉะนั้น ขณะที่หลับสนิท หรือไม่รู้อารมณ์ทางหนึ่งทางใดใน ๖ ทาง แม้ว่าจิตจะเกิดดับ แล้วก็รู้อารมณ์แต่อารมณ์นั้นไม่ปรากฏ

    สุรีย์   เช่น

    ส.   กำลังหลับสนิท  จะใช้คำว่าภวังคจิตก็ได้ หรือว่าขณะใดก็ตามที่ไม่รู้อารมณ์ทางหนึ่งทางใดใน ๖ ทาง

    สุรีย์   โลก คือ ทุกสิ่งที่เกิดดับ โลกไม่ปรากฏในขณะใด

    ส.   โลกที่คนส่วนใหญ่เข้าใจกัน แต่เวลาที่เราศึกษาธรรม เพื่อที่เราจะเข้าใจคำว่า “โลกในพระธรรมวินัย” ในคำสอนของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ได้สอนถึงโลกแบบภูมิศาสตร์ มีต้นไม้ มีสี มีกลิ่น ดอกไม้ต่างๆ หรืออะไร แต่แยกโลกออกเป็น ๖ โลก เพราะเหตุว่าถ้าเป็นโลกใหญ่ๆ รวมกันอย่างนั้น ไม่มีทางดับ เหมือนอย่างตัวคุณเสกสรรทั้งตัว ก็ไม่มีทางจะดับ แต่ถ้าย่อยออกไปเป็นแต่ละขณะ แต่ละส่วน  จะเห็นว่าแต่ละส่วนเกิดแล้วดับทั้งนามธรรมและรูปธรรม เพราะฉะนั้น เราพูดถึงโลกในพระธรรมวินัย คือ พูดถึงสภาวธรรม ซึ่งไม่ใช่โลกุตตระ แต่เป็นสภาวธรรม ซึ่งมีปกติ เป็นประจำเป็นของประจำโลก หรือว่าคือตัวโลกนั่นเอง คือ สภาพธรรมในชีวิตประจำวัน เกิดแล้วดับจริงๆ ทุกอย่าง นั่นเป็นโลกทั้งหมด


    หมายเลข 9262
    14 ก.ย. 2558