เด็กๆกับธรรม - ต้องมีปัญญากว่านี้
แอ๊ว การที่ได้ยินได้ฟังธรรมอย่างนี้ จะเป็นการค่อยๆละคลายความเป็นตัวเรา
ท่านอาจารย์
เพราะฉะนั้นก็ยังมีอีกมากมายมหาศาลที่จะเห็นว่า ถ้ายิ่งศึกษาก็ยิ่งรู้ว่า ผู้ที่สามารถแสดงความจริงได้ละเอียด มีบุคคลเดียว คือ พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
ชิน ถ้าสมมติเรารู้ธรรม รูปกับนาม แล้วเรารู้เลยว่า นี่คือความอยากได้ และไม่ได้ถึงโมโห เรารู้ว่ามันเป็นอย่างนั้น และจะแก้ มันก็ยังเป็นอย่างนั้น ปรากฏแล้วก็ดับไปแล้ว
ท่านอาจารย์
ชิน พระอนาคามี
ท่านอาจารย์
ชิน ปุถุชนธรรมดา
ท่านอาจารย์
ชิน ก็คือเห็นความน่ารังเกียจของอกุศล
ท่านอาจารย์
ชิน กว่าจะมีปัญญาถึงขั้นนั้น
ท่านอาจารย์
ชิน อดทน ความหมายของอาจารย์ก็คือ
ท่านอาจารย์
ชิน และถ้าสมมติเขาเกิด ๆ ๆ ๆ โทสะเขาเกิด ๆ ๆ ๆ
ท่านอาจารย์
นี่เป็นหนทางเดียว และสามารถเป็นสติปัฏฐานทีละเล็กทีละน้อยได้ ถ้ามีปัจจัยพอ นี่เป็นหนทางเดียว ทรงชี้หนทางเดียวไว้ และเราไปพยายามหาหนทางอื่น ไม่มีทางจะเป็นไปได้ หนทางเดียวต้องเป็นหนทางเดียว
ชิน แต่บางครั้งมันไม่มีสติ รู้ว่า
ท่านอาจารย์
ชิน แต่กรรมที่เป็นอกุศลกรรมเกิดไปแล้ว
ท่านอาจารย์
ชิน ไปว่าคนอื่นแล้วเรียบร้อย ก็คือเกิดไปแล้ว ซอรี่ จบ
ท่านอาจารย์
ชิน เราบอกว่าไม่ทำ ก็เราไม่ชอบ
ท่านอาจารย์
ชิน ยากมาก
ท่านอาจารย์
ชิน ยากมาก เพราะว่าเห็นทุกสิ่งทุกอย่างก็ต้องตามใจตัวเอง
ท่านอาจารย์
ที่จริงชีวิตยังจะต้องพบอะไรอีกมากมาย แล้วความรู้สึกก็เป็นสิ่งที่เราบังคับบัญชาไม่ได้ เราอาจจะมีความผูกพันมากยิ่งกว่าที่เคยเป็น และอาจจะมีสุขมากกว่าที่เคยเป็น มีทุกข์มากกว่าที่เคยเป็น แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ทั้งหมดนั้นก็ไม่ได้อยู่กับเราตลอด วันหนึ่งก็จะต้องจากไปอย่างแน่นอน ซึ่งขณะนี้จริงๆแล้ว ขณะนี้กำลังจากทุกขณะ โดยไม่รู้ตัวเลย เพราะฉะนั้นก็เป็นการจากไปที่เรายังอบอุ่น คืออันหนึ่งไป อันหนึ่งก็มา ทดแทนอยู่เรื่อยๆ จนเหมือนกับว่าไม่ขาดอะไรสักอย่างเดียว ไม่มีอะไรที่พลัดพรากจากเราไปจริงๆ แต่ถ้าเป็นผู้ที่รู้จริง ก็จะประจักษ์การพลัดพรากตลอด สำหรับผู้ที่มีปัญญาถึงระดับนั้น
เพราะฉะนั้นก็จะเห็นความต่างของระดับของปัญญาว่า เพียงปัญญานิดหนึ่ง ดูโทรทัศน์ แล้วก็หูฟัง ก็ยังคิดได้แค่นี้ แต่ถ้าอบรมมากจนกระทั่งสามารถประจักษ์ได้จริงๆ ความเข้าใจอย่างมั่นคง และอย่างประจักษ์แจ้งจริงๆ จะทำให้เราเห็นความจริง ไม่ใช่เพียงขั้นคิด แต่ขั้นประจักษ์แจ้ง เพราะฉะนั้นผลก็ต้องต่างกันมาก แต่ให้ทราบว่า ชีวิตในสังสารวัฏจะไม่พ้นไปจากโลกธรรม ได้ลาภ เสื่อมลาภ ได้ยศ เสื่อมยศ สุข ทุกข์ นินทา สรรเสริญ พวกนี้ต้องมี
เพราะฉะนั้นถ้าเราสามารถเข้าใจความจริงว่า ไม่มีเรา คำสรรเสริญ สรรเสริญอะไร ใช่ไหมคะ ที่จริงเขาสรรเสริญกุศลธรรม ไม่มีใครสรรเสริญอกุศลธรรม คือ ธรรมฝ่ายไม่ดีเลย แต่เพราะความไม่เข้าใจจริงๆ ปัญญาไม่พอ แม้รู้ว่าอกุศลไม่ดี แต่อกุศลก็ยังเกิด
เพราะฉะนั้นเราก็เห็นระดับของปัญญาว่า ระดับขั้นฟังแค่นี้ทำอะไรกิเลสไม่ได้เลย อย่าไปว่าใครเขาว่า ทำไมมาฟังธรรมแล้วนิสัยไม่เปลี่ยน หรือไม่เห็นเป็นคนดีขึ้นมาเลย เพราะว่าไม่ใช่จะเปลี่ยนได้เร็วอย่างนั้น เพียงความดีจากไม่เคยฟัง มาเป็นผู้ฟัง อันนี้แน่ๆ ใครก็ปฏิเสธไม่ได้ ใช่ไหมคะ แต่เมื่อฟังแล้วมีความเข้าใจเพิ่มขึ้น มีความรู้ความเข้าใจเพิ่มขึ้น ก็รู้ว่าเป็นเรื่องของปัญญา ไม่ใช่เป็นเรื่องของเรา ก็จะทำให้เราสะสมปัญญาเพิ่มขึ้น โดยความไม่ประมาท แต่พร้อมที่จะรับทุกอย่างที่จะเกิดขึ้นในชีวิต ซึ่งไม่ใช่มีแต่กลีบกุหลาบ ก็ต้องมีหนาม มีอะไรเยอะแยะ ก็ต้องค่อยๆรู้ไปทีละเล็กทีละน้อยอย่างนี้ว่า เพราะอะไร