กายถูก วาจาถูก...เมื่อเห็นถูก


    สันติ  ถ้าเกิดรู้ตัว แล้วไม่ระวัง จะล่วงศีลเป็นประจำ ก็เลยพยายามระมัดระวัง แล้วพยายามบังคับตัวเอง เพราะว่าสะสมกิเลสมามีกำลังมากทำให้ล่วงศีล คิดว่าน่าจะมีธรรมที่ทำให้กิเลสส่วนนี้เบาบางลงด้วย

    ท่านอาจารย์    ธรรมในพระไตรปิฎกเต็มเลยค่ะ จะเอาระดับไหน ได้หมดเลย ระดับทาน ระดับศีล ระดับความสงบของจิต แต่ทุกคนก็รู้ว่า ถ้าไม่มีปัญญาที่จะดับความเป็นเรา ศีลก็สมบูรณ์ไม่ได้ วันหนึ่งวันใดในสังสารวัฏฏ์ก็จะต้องล่วงศีล โดยชีวิตของพระโพธิสัตว์เราก็เห็น แล้วก็ทรงแสดงไว้ด้วยว่า ผู้ที่จะสมบูรณ์ด้วยศีล ๕ ต้องเป็นพระอริยบุคคล

    ถ้าเรามีความเข้าใจอย่างนี้ สิ่งที่เราเข้าใจจะเป็นอุปนิสัยที่จะมีการสะสมที่มีกำลัง เพราะเหตุว่าถ้ามีความเห็นถูก กายถูก วาจาถูก

    เพราะฉะนั้นถ้าเรามีความเห็นว่า ที่จริงแล้ว มันก็เป็นสภาพธรรมที่บังคับบัญชาไม่ได้ ถ้าเกิดขึ้น ธรรมของผู้มีปกติสะสมมา จะไม่ล่วงศีล พวกเราล่วงศีลอะไรกันบ้างหรือเปล่า ถ้าศึกษาธรรมจริงๆแล้ว ก็พยายามลดน้อยลง อย่างคนที่เขาฆ่าสัตว์ ฆ่ามด ฆ่าปลวก เขาก็ลดน้อยลง ถ้าจำเป็นจริงๆ บางคนก็อาจจะยับยั้งไม่ได้ในขณะนั้น ต้องในขณะนั้น ทั้งๆที่ก่อนนั้นก็อาจจะตั้งใจว่า จะไม่ฆ่า แต่พอถึงเวลาจริงๆ ไม่มีใครรับรองได้ ถ้าไม่ใช่พระโสดาบัน

    เพราะฉะนั้นถ้าเรามีความเข้าใจจุดนี้จริงๆ แล้วเราสะสมปัญญาไปเรื่อยๆ ปัญญาจะทำหน้าที่ของปัญญาเพิ่มขึ้นได้ แต่ถ้ามีตัวเราที่อยากจะใช้วิธีอื่น อันนั้น ความรู้เรื่องสัจญาณของเราไม่มั่นคง เพราะเหตุว่าขณะนี้เราไม่ได้ล่วงศีลอะไร เราก็ศึกษาธรรม ฟังธรรมให้เข้าใจขึ้น ให้เข้าใจจริงๆว่า สัจญาณ คือ ไม่ทำอย่างอื่น นอกจากระลึกลักษณะของสภาพธรรม แต่คนที่ไม่มั่นคง พออกุศลเกิด ความเป็นตัวตนจะไม่ระลึกลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ เพราะคิดว่าจะใช้วิธีนั้น  จะใช้วิธีนี้  แต่จะใช้วิธีไหนก็ตาม ไม่เหมือนกับสติที่ระลึก

    ด้วยเหตุนี้จึงทรงแสดงเรื่องการอบรมสติปัฏฐาน เป็นสังขารธรรมที่ประเสริฐกว่าสังขารธรรมอื่นทั้งหมด สังขารธรรมหมายถึงสภาพธรรมที่เกิดดับ สภาพธรรมอื่นที่เกิดดับ ไม่ใช่หนทางที่จะทำให้ปัญญาเจริญ ที่จะดับกิเลส แต่มรรค สติปัฏฐานเป็นสังขารธรรมที่ประเสริฐ เพราะเมื่ออบรมไปแล้วก็สามารถดับกิเลสได้

    ถ้าเรามีความมั่นคงอย่างนี้ และมีสภาพธรรมกำลังปรากฏ แทนที่เราจะไปหมกมุ่นเรื่องอื่นที่จะล่วงศีล หรือที่กิเลสระดับนั้นจะเกิด ความที่เราไตร่ตรองธรรมอยู่บ่อยๆ ก็จะทำให้เราเพิ่มความมั่นคงในเรื่องของการระลึกลักษณะของสภาพธรรม ก็เป็นทางให้สติปัฏฐานเกิดได้ เพราะว่าเวลานี้จริงๆ ทุกคนยอมรับว่า มีนามธรรม มีรูปธรรม ตลอดเวลา แต่สติปัฏฐานไม่เกิด พอสติปัฏฐานไม่เกิด เขาเริ่มจะทำอย่างอื่น ย้าย เคลื่อนจากการระลึกลักษณะของสภาพธรรม แล้วเมื่อไรจะรู้ว่า ขณะนี้เป็นนามธรรมและรูปธรรม เพราะว่ารู้ยาก สติปัฏฐานเกิดยาก แต่ถ้ามีความมั่นคงจริงๆ ไม่ไปคิดเรื่องจะไปทำอย่างอื่น ขณะนั้นก็ยังเป็นปัจจัยที่จะทำให้มีการระลึกได้

    ต้องสะสมปัจจัยที่จะทำให้สติปัฏฐานเกิด


    หมายเลข 8363
    9 ก.ย. 2558