ธรรมต้องเป็นเรื่องละและเรื่องรู้


    บุษบง เวลาที่ทางตาเห็นรูป และต้องมีภวังคจิตคั่น แล้วท่านอาจารย์ก็กล่าวว่า ต้องมีมโนทวารที่รู้อารมณ์เดียวกับทางตา อันนี้ถูกไหมคะ และถ้าสติเกิดขึ้นมา ต่อจากนั้นจะต้องเป็นมโนทวารที่เกิดขึ้นใช่ไหม จะเป็นจมูกได้กลิ่นไม่ได้ จะต้องเป็นมโนทวารเกิดต่อจากทางมโนทวารอีกทีหนึ่ง จะถูกหรือเปล่าคะ

    ท่านอาจารย์    ขณะใดที่สติเกิด จะเกิดได้ทั้ง ๖ ทวารค่ะ

    บุษบง ใช่ค่ะ จะต้องเกิดทั้ง ๖ ทวาร แต่ดิฉันเรียนถามว่า จะต้องต่อจากมโนทวาร

    ท่านอาจารย์    มโนทวารก็เป็นมโนทวารอยู่แล้ว ทำไมต้องต่อ สติก็เกิดทางมโนทวารได้

    บุษบง เกิดตอนที่ไปรู้อารมณ์เดียวกับตาเลยหรือ

    ท่านอาจารย์    สติเกิดได้ทั้ง ๖ ทวาร

    บุษบง ก่อนจะมาเรียนธรรมกับท่านอาจารย์ ก็ไปนั่งสมาธิ จนมีความรู้สึกว่า ร่างกายของเราแหลกละเอียด บดเหมือนหมูสับเลย ก็ตกใจมาก คิดว่าได้ ภยญาณ วิปัสสนาญาณที่ ๖ แล้ว นึกว่าเห็นรูปนามเป็นภัย แล้วเรียนถามอาจารย์ผู้ฝึก ท่านบอกว่าอย่างนี้ดีมากเลย ไปไกลแล้ว เพราะเห็นรูปนามไม่มีตัว มีตนแล้ว แล้วดิฉันก็ร้องไห้ว่า ตัวเราทำไมจึงสับเป็นหมูสับอย่างนั้น พอถึงเดี๋ยวนี้ก็เข้าใจว่า การไปทำอย่างนั้นมีแต่จิตฟุ้งซ่าน ไม่ได้เกิดปัญญาเลย ก็เลยหันมาสนใจที่ท่านอาจารย์สอน แต่ผลสุดท้ายดิฉันได้ประกาศนียบัตรมาใบหนึ่ง

    ท่านอาจารย์    เห็นไหมคะเพื่ออะไร ประกาศนียบัตรเพื่ออะไร ไม่ใช่เรื่องละ และไม่ใช่เรื่องรู้ เป็นเรื่องโลภะทั้งหมด

    บุษบง ก็ต้องกราบเท้าท่านอาจารย์ที่สอนให้รู้ว่า อะไรดี อะไรชั่ว แต่จะทำได้แค่ไหน ก็เป็นเรื่องที่แล้วแต่บุญแต่กรรม

    ท่านอาจารย์    ค่อยๆสะสมอบรมปัญญาค่ะ เป็นหน้าที่ของปัญญาทั้งหมด ถ้าปัญญาไม่เกิด ต่อให้เราอยากจะเป็นอย่างนั้น อย่างนี้ก็ไม่ได้


    หมายเลข 8215
    7 ก.ย. 2558