ไม่ศึกษาก็ไม่รู้


    เพราะฉะนั้นพุทธศาสนิกชนฟังพระธรรม นี่เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด เพราะอะไร ต้องมีเหตุผลด้วยว่าฟังทำไม ฟังเพราะเหตุว่าเคารพนับถือในพระปัญญาคุณ ในพระบริสุทธิคุณ ในพระมหากรุณาคุณของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า

    ถ้าเราจะนับถือใคร หมายความว่าเราต้องรู้จักคนนั้นอย่างดีพอที่จะกล่าวได้ว่า เรานับถือย่างแท้จริง ถ้าเรายังไม่รู้ว่า คนนั้นเป็นใคร มีคุณความดีมากมายสุดประมาณสักแค่ไหน ความนับถือของเราก็เป็นแต่นับถือเพียงนับถือ หรือนับถือเพียงปาก หรือความคิด หรือใจ แต่ยังไม่ประจักษ์แน่แท้ในคุณความดีของบุคคลนั้น

    เพราะฉะนั้นแม้แต่การที่พุทธศาสนิกชนมีกิจ ไม่ใช่ว่าเมื่อเป็นชาวพุทธแล้วไม่ต้องทำอะไรสบายๆ  ถ้าอย่างนั้นเป็นอะไรก็ได้ เป็นชาวคริสต์ก็ได้ เป็นชาวอะไรก็ได้ทั้งนั้น  เพราะฉะนั้นที่จะเป็นชาวพุทธจริงๆ ก็คือว่า ต้องฟังพระธรรมให้เข้าใจจึงสมควรที่จะได้ชื่อว่า เรานับถือในพระปัญญาคุณ เพราะถ้าบอกว่าพระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยพระปัญญา ปัญญาของพระองค์ตรัสรู้อะไร ถ้าไม่ศึกษา ไม่มีทางรู้เลยว่า พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสคำใด คำนั้นไม่เป็นสอง คือ ไม่มีการเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นเลย เพราะเหตุว่าไม่ใช่ความคิดของคนที่เพียงเดา หรือพิจารณาด้วยเหตุผลว่า ธรรมต้องเป็นอย่างนี้ ถูกต้องเป็นอย่างนี้  ผิดต้องเป็นอย่างนั้น แต่เป็นการประจักษ์แจ้งด้วยพระปัญญา สามารถที่จะประจักษ์การเกิดขึ้นและดับไปของสภาพธรรมในขณะนี้ได้ จึงตรัสว่า สัพเพ สังขารา อนิจจา สังขารทั้งหลายไม่เที่ยง สังขารทั้งหลายเป็นทุกข์ ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา

    สังขารทั้งหลาย คือ สภาพธรรมซึ่งเกิดที่จะไม่ดับ ไม่มี แต่การที่เราเข้าใจว่า สังขารดับ เหมือนกับว่า ร่างกายของเราเกิดมาแล้วก็ค่อยๆ แก่ ค่อยๆ เจ็บ ค่อยๆ ตายไป แต่นั่นไม่ใช่ความหมายของสังขารที่พระผู้มีพระภาคทรงตรัสรู้ พระผู้มีพระภาคทรงตรัสรู้ว่า สิ่งใดก็ตามซึ่งเกิดขึ้น สิ่งนั้นดับทันที เร็วมาก แล้วแต่ว่าจะเป็นนามธรรมหรือรูปธรรม และแต่ละสภาพธรรมก็มีลักษณะเฉพาะของตน ซึ่งเกิดขึ้นแล้วก็ดับไป

    เพราะฉะนั้นถ้ายังไม่ประจักษ์ความจริงอย่างนี้ ยังไม่เข้าใจอะไร แล้วพอใครจะบอกว่า จะพาไปนิพพาน ก็ตื่นเต้นตามไป พาไปไหนก็ไม่ทราบ เพราะเหตุว่ายังไม่รู้ว่า นิพพานเป็นอะไร  แล้วปัญญาคืออะไรก็ยังไม่รู้ แม้ว่าปัญญาไม่สามารถเอาวิชาการอื่นมาวัดได้เลย นอกจากสิ่งที่กำลังปรากฏในขณะนี้ รู้ไหม รู้ความจริงของสิ่งที่กำลังปรากฏหรือยัง ถ้าไม่รู้ ไม่ใช่วิชชา จะมีความรู้สารพัดอย่าง แต่ไม่รู้สิ่งที่ปรากฏ ไม่ใช่ตัวสภาพธรรมที่เป็นวิชชาที่จะไถ่ถอนอวิชชา หรือความไม่รู้จากทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ


    หมายเลข 8010
    6 ก.ย. 2558