โสตาปัตติมรรค โสตาปัตติผล บรรลุอย่างเดียวกันหรือไม่


    ส.   มีข้อสงสัยอะไรไหมคะ

    ถาม   อาจารย์ช่วยอธิบายที่ว่า เป็นมรรค เป็นผล ที่ว่าอย่างโสตาปัตติมรรค โสตาปัตติผล ไม่ใช่ว่าบรรลุธรรมอย่างเดียวกันหรือครับ

    ส.   รู้แจ้งอริยสัจธรรม มีนิพพานเป็นอารมณ์ค่ะ

    โลกุตตรจิตมี ๘ ดวง ได้แก่ โสตาปัตติมรรคจิต ๑ โสตาปัตติผลจิต ๑ โสตาปัตติมรรคจิต เป็นโลกุตรกุศล เมื่อดับไปแล้ว เป็นปัจจัยให้ผล คือ วิบากจิตซึ่งเป็นโสตาปัตติผลเกิด ทั้งโสตาปัตติมรรคจิตและโสตาปัตติผลจิตมีนิพพานเป็นอารมณ์ จะไม่มีอย่างอื่นเป็นอารมณ์เลย แต่ว่าที่เป็นโสตาปัตติมรรคจิต ไม่ใช่โสตาปัตติผลจิต แม้ว่ามีนิพพานเป็นอารมณ์ ก็เพราะเหตุว่า โสตาปัตติมรรคจิตทำกิจละ หรือปหานกิเลส มีนิพพานเป็นอารมณ์ จึงละหรือดับกิเลสได้ ตราบใดที่ยังไม่มีนิพพานเป็นอารมณ์ ยังไม่สามารถที่จะดับกิเลส อาจจะรู้ลักษณะสภาพของนามธรรมและรูปธรรม แต่กิเลสยังดับไม่ได้ ตราบใดที่ยังไม่ประจักษ์ในลักษณะของนิพพาน

    เพราะฉะนั้นจิตซึ่งสามารถดับกิเลสได้ ได้แก่ มรรคจิต ๔ ดวง ซึ่งดับกิเลสตามขั้น  มรรคจิตขั้นต้น คือ โสตาปัตติมรรคจิต ดับกิเลสอกุศลธรรมที่เป็นมิจฉาทิฏฐิและวิจิกิจฉา ความเห็นผิด และความสงสัยในลักษณะของสภาพธรรม

    เมื่อโสตาปัตติมรรคจิตซึ่งเป็นโลกุตตรจิต มีนิพพานเป็นอารมณ์ ดับกิเลส และดับไปแล้ว เป็นปัจจัยให้วิบาก โลกุตตรวิบากซึ่งเป็นผลของโสตาปัตติมรรคจิตเกิดขึ้น สำหรับโลกุตตรวิบาก ก็คือโสตาปัตติผลจิต มีนิพพานเป็นอารมณ์ แต่ต่างกับโสตาปัตติมรรคจิต คือ มีนิพพานเป็นอารมณ์ โดยสภาพที่ดับกิเลสแล้ว จึงเป็นผล แต่สำหรับโสตาปัตติมรรคจิตมีนิพพานเป็นอารมณ์ แต่ทำกิจปหาน คือ ดับกิเลส กิจต่างกันนะคะ  แม้ว่าจะมีนิพพานเป็นอารมณ์เช่นเดียวกัน ขณะที่โสตาปัตติมรรคจิต เป็นขณะที่ดับกิเลส เมื่อดับกิเลสแล้ว ผลของโลกุตตรกุศลก็คือว่า โสตาปัตติผลจิตเกิดขึ้น มีผลอะไร มีผลคือประจักษ์แจ้ง มีนิพพานเป็นอารมณ์ เช่นเดียวกับโสตาปัตติมรรค แต่ว่าไม่ได้ทำกิจปหาน เพราะกิเลสดับแล้ว

    เพราะฉะนั้นโสตาปัตติผลจิตมีนิพพานเป็นอารมณ์ โดยสภาพที่ดับกิเลสแล้ว ต่างกับโสตาปัตติมรรคจิต ซึ่งมีนิพพานเป็นอารมณ์ โดยทำกิจปหานกิเลส

    ผู้ฟัง    ระยะเวลาที่จะบรรลุธรรม ๒ ขั้นนี้ ก็อาจจะไม่ต่างกันมาก

    ส.   ต่อกันเลยค่ะ ไม่มีจิตประเภทอื่นแทรกคั่นได้เลย ทันทีที่โสตาปัตติมรรคจิตดับลง จิตอื่นจะเกิดคั่นหรือแทรกไม่ได้ เป็นกุศลที่ให้ผลทันที คือ เมื่อกุศลจิตซึ่งเป็นโลกุตรกุศลดับแล้ว เป็นปัจจัยให้โสตาปัตติผลจิต ซึ่งเป็นโลกุตรวิบาก เป็นผลของโสตาปัตติมรรคจิตเกิดต่อทันที มีนิพพานเป็นอารมณ์เช่นเดียวกัน แต่สภาพจิตนั้นต่างกันที่ว่า เมื่อเป็นกุศลทำกิจดับกิเลส เมื่อเป็นวิบาก คือ เป็นผล ทำกิจ คือ มีนิพพานเป็นอารมณ์ แต่โดยสภาพของจิตซึ่งดับกิเลสแล้ว


    หมายเลข 7639
    22 ส.ค. 2558