อารมณ์ค้าง


    ผู้ฟัง การที่เราจะใช้คำว่า “มีเรา” ที่ติดข้องกับอารมณ์นี้อยู่เสมอ เราจะพูดว่าอารมณ์ค้างคงไม่ได้ใช่ไหม คือไม่ใช่ชาติที่แล้ว จบไปแล้ว แต่สำหรับปัจจุบันเราจะใช้คำว่า “อารมณ์ค้าง” อารมณ์นั้นดับไปแล้วนี่ครับ

    ท่านอาจารย์ ก่อนที่ยังไม่ได้ศึกษาธรรมเราจะใช้คำหลายคำซึ่งเราไม่ได้เข้าใจลักษณะของสภาพธรรมเลยเช่นพูดคำว่า “อารมณ์” และก็มาต่อด้วยว่า อารมณ์ค้าง ก็คือเราไม่ได้เข้าใจธรรม แต่เวลาที่เราฟังธรรม เราจะต้องพิจารณาเพื่อที่จะให้เข้าใจจริงๆ ว่าอารมณ์คือสิ่งที่จิตรู้ ไม่ว่าจะเป็นอะไรทั้งสิ้น "ทั้ง" จิตกำลังคิดถึงคำว่า “ทั้ง” ใช่ไหม และมีเสียงเปล่งออกมาด้วย แต่ละขณะเป็นอารมณ์ที่จิตกำลังรู้ เช่นคำว่า “ทั้ง” ขณะนั้นจิตไม่ได้รู้อื่น และก็ไม่ได้คิดอื่น แต่คิดคำว่า “ทั้ง” และเมื่อที่มีเสียงเปล่งออกมาก็ได้ยินเสียง แต่ช่วงเวลาจากนั้นถึงตรงนี้มีจิตเกิดดับสืบต่อ ที่เราจะต้องศึกษาให้เข้าใจว่าคำว่า “อารมณ์” หมายความถึง สิ่งที่จิตรู้ เป็นอะไรก็ได้ทั้งหมดที่จิตกำลังรู้เป็นคำแต่ละคำ แต่ละภาษาก็ได้ ไม่ว่าอะไรทั้งนั้นที่มีในชีวิตประจำวัน ถ้าไม่มีจิต สิ่งนั้นจะปรากฏว่ามีไม่ได้เลย ไม่ว่าจะมีอะไรทั้งนั้นเพราะจิตกำลังรู้สิ่งนั้น เพราะฉะนั้นจริงๆ แล้ว ไม่มีคน ไม่มีสัตว์ ไม่มีวัตถุสิ่งใดเลย แต่มีธรรมคือนามธรรม และรูปธรรม ซึ่งก็ต้องแยกจากกัน รูปธรรมไม่ใช่สภาพรู้ และรูปที่เราเห็นก็มีสมุฏฐานการเกิด จากกรรมก็มี จิตก็มี อุตุก็มี อาหารก็มี แต่เราก็ไม่ได้ไปรู้อย่างนั้นเลย เพราะแม้ในฐานะของความเป็นเพียงรูปซึ่งไม่ใช่สภาพรู้แยกจากนามธรรม บางคนก็ยังไม่สามารถที่จะเข้าใจได้

    เพราะฉะนั้นต้องคิดว่าการศึกษาธรรมเพื่อให้เข้าใจถูกในสิ่งที่ซึ่งเราไม่เคยเข้าใจ แล้วเราใช้คำนั้นโดยที่เราไม่เข้าใจ เพราะฉะนั้นจิตทุกขณะมีอารมณ์ คือสิ่งที่ถูกจิตรู้ และรูปมีอายุเพียง ๑๗ ขณะ จิตที่จะรู้รูปที่มีอายุเพียง ๑๗ ขณะก็ต่อเมื่อรูปนั้นยังไม่ดับ ถ้ารูปนั้นดับแล้วจิตจะมีรูปนั้นค้างมาอีกไม่ได้ หรือแม้แต่ขณะที่กำลังคิดทีละคำก็ไม่ได้มีอะไรค้างมาเลย จิตที่รู้คำนั้นเกิดแล้วดับแล้วหมดแล้ว แต่ก็มีปัจจัยที่จะทำให้จิตที่เกิดสืบต่อรู้อารมณ์ หรือคิดถึงอารมณ์ หรือมีอารมณ์นั้นอีกได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าอารมณ์นั้นค้างมา เพราะเหตุว่าถ้าเป็นรูปธรรมจะมีอายุเพียง ๑๗ ขณะจิต ถ้าเป็นจิต เจตสิก จะมีอายุเพียง ๓ อนุขณะ เพราะฉะนั้นจะเอาอะไรมาค้างที่ไหน คิดนึกเป็นแต่เพียงจิตที่จำ จำเสียง จำภาพ จำอะไรก็แล้วแต่ แล้วก็นึกถึง ขณะนั้นก็ไม่ได้มีอะไรเลยที่จะค้างมา เพราะว่าบัญญัติไม่มีอะไร เป็นแต่เพียงความทรงจำของจิตที่เกิดขึ้นแล้วก็คิดนึก ชั่วขณะที่จิตคิดแล้วดับ ไม่ค้างไปไหนเลย

    ที่มา ...

    พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 98


    หมายเลข 7569
    22 ม.ค. 2567