ปฏิสนธิจิตที่เป็นโสภณจิตมี ๒ ประเภท คือ ทวิเหตุ กับ ติเหตุ


    สำหรับผู้ที่ปฏิสนธิในภูมิมนุษย์ ซึ่งไม่บ้า ใบ้ บอด หนวก พิการตั้งแต่กำเนิดแล้วละก็ ปฏิสนธิจิตเป็นโสภณจิต แต่ก็ยังแยกออกเป็น ๒ ประเภท ว่าเป็นทวิเหตุ ประกอบด้วย อโลภเจตสิกและอโทสเจตสิก ประเภทหนึ่ง แล้วก็เป็นติเหตุกบุคคล ประกอบด้วยอโลภเจตสิก อโทสเจตสิก และอโมหเจตสิก หรือปัญญาเจตสิก อีกประเภทหนึ่ง

    ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องที่จะคิดว่า ตัวเองเป็นประเภทไหน แต่ว่าอบรมเจริญขึ้นๆ ๆ ๆ  เพราะถึงแม้ว่าจะเป็นผู้ที่เป็นติเหตุกปฏิสนธิ คือ ปฏิสนธิจิตเกิดพร้อมกับอโลภเจตสิก อโทสเจตสิก อโมหเจตสิก แต่ก็ยังไม่สามารถจะรู้แจ้งอริยสัจธรรมในปัจจุบันชาติได้ ไม่ใช่ว่าผู้ที่เป็นติเหตุกบุคคลแล้ว จะรู้แจ้งอริยสัจธรรมได้ทุกคนในปัจจุบันชาติ ถึงแม้ว่าจะเป็นติเหตุกปฏิสนธิ ก็ยังต้องแล้วแต่การอบรมเจริญปัญญาอีก ว่าควรแก่การที่จะรู้แจ้ง หรือว่ายังไม่พร้อมที่จะรู้แจ้งอริยสัจธรรม

    เพราะฉะนั้นในขณะที่ท่านไม่ได้บ้า ใบ้ บอด หนวก มาแต่กำเนิด นอนหลับสนิท ขณะนั้นเป็นโสภณจิต ถูกไหมคะ?

    ปฏิสนธิจิตประกอบด้วยอโลภเจตสิก อโทสเจตสิก เป็นทวิเหตุกบุคคล หรือปฏิสนธิจิตประกอบด้วยอโลภเจตสิก อโทสเจตสิก และปัญญาเจตสิก เป็นติเหตุกบุคคล

    แม้กำลังนอนหลับยังเป็นโสภณ กิเลสไม่เกิด ไม่มีความยินดียินร้าย เพราะเหตุว่ายังไม่ได้เห็น ยังไม่ได้ยิน ยังไม่ได้กลิ่น ยังไม่ได้ลิ้มรส ยังไม่ได้กระทบสัมผัส ยังไม่ได้คิดนึกเรื่องของสิ่งที่เห็นทางตา ได้ยินทางหู รู้ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย เพราะฉะนั้นในขณะนั้นเป็นโสภณ เป็นจิตที่ประกอบด้วยโสภณเจตสิก

    ดีใจไหมคะ เป็นโสภณบุคคลในขณะที่กำลังนอนหลับสนิท แต่ว่าพอตื่นขึ้นจะเสียใจ หรือว่าจะดีใจ ขึ้นอยู่กับอกุศลจิตจะเกิด หรือว่ากุศลจิตจะเกิดในวันหนึ่งๆ


    หมายเลข 7398
    21 ส.ค. 2558