ศึกษาให้เข้าใจลักษณะของสภาพธรรม มากกว่าที่จะติดในชื่อ


    คุณอุไรวรรณ ท่านอาจารย์ก็เน้นเตือนเรื่องความเข้าใจสภาพธรรม ท่านอาจารย์กล่าวว่าขณะที่เราศึกษาแล้วเราศึกษามากๆ ศึกษาไปๆ แล้วเราก็จะไปหลงติดอยู่กับทะเลชื่อ แล้วจำชื่อนั้นชื่อนี้มากมาย แต่ว่าเรารู้จักสภาพธรรมตามความเป็นจริงแล้ว หรือยัง ตรงนี้ที่สำคัญ

    ท่านอาจารย์ และบางท่านอาจจะคิดว่าคิดคำใหม่มาอีกแล้ว ความจริงไม่ใหม่เลย ทะเล หรือมหาสมุทร คำนี้มีในพระไตรปิฎกแน่นอน แล้วอุปมาผู้ที่ได้เข้ามาสู่พระธรรมคงจะไม่ใช่ผู้ที่เสมอกันทุกคนเพราะว่าแล้วแต่การสะสมว่าแต่ละคนแต่ละชาติได้สะสมมากน้อยเพียงไหน เพราะฉะนั้นถ้ายังไม่ได้เข้าใจลักษณะของสภาพธรรม ก็เหมือนกับว่าเรายืนอยู่ที่ริมฝั่งทะเล เราก็คงเห็นแล้วว่าทะเลกว้างใหญ่กว่าแม่น้ำมาก และเราก็กำลังอยู่ตรงนั้น ใครจุ่มลงไปบ้าง หรือยัง หางกระต่าย แต่ก็จะรู้ได้เลยว่า แม้แต่คำอุปมา ยังมีอุปมาว่า กว่าจะวิดน้ำคือเอาอวิชชาออกไปได้ ก็คิดดูแล้วกันว่า ด้วยหางกระต่ายที่วิดแล้วก็สลัด วิดแล้วก็สลัด แต่ก่อนอื่นถ้าเป็นกระต่าย หรือเป็นบุคคลใดก็ตามได้ไปสู่ทะเล คือในพระไตรปิฎกก็จะมีคำมากมาย

    ในพระไตรปิฎกเราก็ได้ยินแต่ชื่อทั้งนั้นเลย แม้แต่คำว่าธรรม นามธรรม รูปธรรม ยิ่งเป็นปฏิสัมภิทามรรค ญาณกถา ๗๓ ญาณ แล้วขณะนั้นของใคร เข้าไปได้อย่างไร ไปอยู่ตรงฝั่งทะเล และก็ได้ยินแต่ชื่อๆ ทั้งนั้น ใช่ หรือไม่ เพราะฉะนั้นก็ต้องเป็นปัญญาของแต่ละท่านจริงๆ ไม่ใช่ปัญญาของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือของพระอรหันต์สาวกทั้งหลายที่ท่านแสดง ท่านแสดงความจริงทั้งหมดเพื่ออุปการะด้วยความกรุณา โดยเฉพาะพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดงพระธรรมโดยนัยประการต่างๆ

    แม้แต่เรื่องที่เรายกมากล่าวถึงเมื่อวานนี้ ก็แสดงให้เห็นว่า ด้วยพระมหากรุณาจริงๆ แม้แต่พระสูตรสั้นๆ หรือจะเป็นพระสูตรกลางๆ หรือว่าเป็นพระสูตรยาว ก็เพื่ออัธยาศัยของผู้ฟัง ฟังแล้วได้เข้าใจอะไรบ้างเมื่อวานนี้ ลืมไปหมด หรืออย่างไร หรือว่าจริงๆ แล้วเราคิดว่าเราลืม แต่ความจริงเราสะสมความเข้าใจจากสูตรหนึ่ง จากคำหนึ่งไปสู่อีกคำหนึ่งเรื่อยๆ จนกระทั่งเรามีความเข้าใจที่มั่นคงขึ้น

    เพราะฉะนั้น ที่กล่าวถึงทะเลชื่อเมื่อวานนี้ ก็เพื่อเตือนให้รู้ว่า ถ้าเราศึกษาธรรมเพียงชื่อ ยังไม่ได้เข้าไปสู่ท้องทะเล เป็นเรื่องของปลาตัวเล็กตัวใหญ่ สัตว์เล็กสัตว์ใหญ่ในน้ำ แต่ใครจะได้เห็นอะไรบ้าง แล้วแต่สติปัญญาของบุคคลนั้น และสามารถที่จะข้ามไปสู่ฝั่งก็ด้วยการอบรมเจริญปัญญา ไปสู่ฝั่งที่ดับกิเลสได้ เพราะว่าฝั่งนี้อยู่อย่างไรก็อยู่อย่างนั้น ถ้าไม่มีการฟังพระธรรม ไม่มีการเข้าใจพระธรรม ก็อยู่ไปด้วยความไม่รู้ตลอด แล้วฝั่งนี้พระองค์ก็ทรงอุปมาว่า เหมือนตกอยู่ในเหวลึกด้วย พอเห็นเหวก็ทรงอุปมาให้รู้ว่าเหวนั้นลึกเพียงไหน แต่อวิชชาของสัตว์ซึ่งมีอยู่ในชาติหนึ่งๆ ลึกยิ่งกว่าเหว ก็ทรงอุปมาเพื่อให้เราเห็นว่าเรากำลังอยู่ในอันตรายจริงๆ ซึ่งเราไม่เคยรู้ว่าเป็นอันตราย เพราะว่ากิเลสไม่ว่าจะเป็นไปในประเภทใดก็ตามเป็นอันตราย

    ที่มา ...

    พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 52

    พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 53


    หมายเลข 6520
    19 ม.ค. 2567