ฟังจนกว่าจะเข้าใจว่าแม้ความกลัวก็เป็นสภาพธรรม


    ผู้ฟัง ในชีวิตประจำวัน พูดจริงๆ แล้วขณะนี้ฟังธรรมอยู่ก็ไม่แน่ว่าวันข้างหน้าอกุศลที่สั่งสมไว้แสนโกฏิกัปป์ในอดีตจะทำให้ต้องไปฆ่าพ่อฆ่าแม่เหมือนกับพระเจ้าอชาตศัตรู ใครก็มารับรองไม่ได้ ตรงนี้ก็เป็นไปได้ใช่ไหม ดังนั้นจึงกลัวมากกับอกุศล

    ท่านอาจารย์ กลัวเป็นกุศล หรืออกุศล ถ้าเข้าใจถูกเป็นกุศล หรืออกุศล ทุกคนมีกรรมที่ได้กระทำแล้วมากมาย ไม่รู้ว่ากุศลกรรมเท่าไหร่ อกุศลกรรมเท่าไหร่ ไม่รู้แล้วจะไปคิดทำไมเข้าใจสภาพธรรมที่กำลังปรากฏให้ยิ่งขึ้น เพราะว่าหนทางเดียวที่จะพ้นจากอบายภูมิคือบรรลุถึงความเป็นพระอริยบุคคล ถ้าเป็นพระโสดาบันเมื่อไหร่ไม่มีทางที่จะไปสู่อบายภูมิเลย ส่วนที่สะสมมาแล้วก็ปรากฏให้เห็นว่าไม่ใช่เรา ก็ยังอุตส่าห์เป็นเราอยู่นั่นเอง เพราะฉะนั้นจึงต้องฟัง ฟังไป ฟังไป จนกว่าปัญญาจะมีกำลังพอที่จะรู้ว่าไม่ว่าสภาพธรรมใดก็คือเป็นธรรม ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา มีปัจจัยก็เกิดขึ้น มิฉะนั้นแล้วเราจะต้านการครอบงำของโลภะไม่ได้เลย โลภะครอบงำอย่างหนาแน่นเหนียวแน่นอยู่ตลอด ให้คิดเป็นเราอยู่ตลอดเวลา ให้กลัวความเป็นเราว่าจะต้องลำบาก และจะต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ไม่รู้ว่าแท้ที่จริงแล้วไม่ว่าจะเป็นสภาพธรรมใดก็คือเป็นธรรมเท่านั้นเอง

    ผู้ฟัง แต่เหตุการณ์มันจะเป็นไปได้ในฐานะที่เป็นปุถุชนอยู่ก็ต้องกลัว

    ท่านอาจารย์ ถูกต้อง ถ้ากลัวแล้วก็ให้รู้ว่าขณะนั้นเป็นสภาพธรรม ไม่ใช่กลัวเปล่าๆ

    ผู้ฟัง จึงได้มาฟังธรรม ณ ที่นี้ ก็ไม่ได้ประมาทเลยว่าขณะนี้มาได้ฟังธรรม หากวันข้างหน้าจะต้องไปทำกรรมที่หนักๆ เหมือนกับพระเจ้าอชาตศัตรู จึงรู้สึกกลัว

    ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้นก็ต้องไม่ประมาท กลัวเกิดขึ้นก็ไม่ประมาท คือรู้ว่าสภาพนั้นเป็นธรรมชนิดหนึ่ง จริงๆ ก็ดูเหมือนว่าทุกคนไม่อยากมีอกุศลเลย อยากให้หมดเลย ไม่ให้เกิดเลย เกิดขึ้นก็กลัวอีกด้วยความเป็นเรา แต่ถ้ารู้ว่าบังคับไม่ได้ และเรามีความรู้ความเข้าใจพระธรรมแค่ไหน ก็จะเห็นได้เลยว่าแม้รู้ความเข้าใจพระธรรมที่ได้เรียนมาจะมากจะน้อยอย่างไรก็ตาม ก็ยังไม่สามารถที่จะกันความโกรธ หรือกันความกลัวได้ เพราะฉะนั้นก็มีหนทางเดียวเท่านั้นเองก็คือ ศึกษาให้เข้าใจสภาพธรรมยิ่งขึ้นทางเดียว ไม่ใช่ทางที่เราจะไปใช้วิธีอื่น เพราะว่าไม่มีกำลังของปัญญาพอที่แม้แต่จะคิดอย่างนั้น เมื่อถึงกาลที่อกุศลธรรมเกิดก็เป็นเรื่องของอกุศลธรรม แต่ถึงกาลที่เราจะได้ฟังพระธรรมได้เข้าใจพระธรรม เราก็สะสมความเห็นถูก ความเข้าใจถูก และก็ไม่หวังว่าวันนี้เราสะสมความเห็นถูก ความเข้าใจถูก เราจะได้หายกลัว ก็ไม่ต้องคิดอะไรทั้งหมดเพราะว่าเกินวิสัยที่เราจะไปรู้ได้ว่าที่สะสมมาแล้ว และกำลังสะสมอยู่จะเป็นปัจจัยให้จิตขณะใดเป็นอะไร จะรู้ก็ต่อเมื่อเป็นสติสัมปชัญญะเท่านั้นจริงๆ ที่สามารถจะรู้ตรงลักษณะของสภาพธรรมที่เกิดปรากฏได้

    ที่มา ...

    พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 36


    หมายเลข 6149
    18 ม.ค. 2567