เสทกสูตรที่ ๒


    สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค เสทกสูตรที่ ๒ (ข้อ ๗๖๓ ทุติยเสทกสูตร) มีข้อความว่า

    ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้ สมัยหนึ่งพระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ นิคมของชาวสุมภะ ชื่อเสทกะ ในสุมภชนบท ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาคตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายว่า ดูกร ภิกษุทั้งหลาย

    ภิกษุเหล่านั้นทูลรับพระผู้มีพระภาคแล้ว พระผู้มีพระภาคได้ตรัสพระดำรัสนี้ว่า

    ดูกร ภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนหมู่มหาชนได้ทราบข่าวว่า มีนางงามในชนบท นางงามในชนบทพึงประชุมกัน ก็นางงามในชนบทนั้นน่าดูอย่างยิ่งในการฟ้อนรำ น่าดูอย่างยิ่งในการขับร้อง หมู่มหาชนได้ทราบข่าวว่า นางงามในชนบทจะฟ้อนรำขับร้อง พึงประชุมกันยิ่งขึ้นกว่าประมาณ

    ครั้งนั้นบุรุษผู้อยากเป็นอยู่ ไม่อยากตาย ปรารถนาความสุข เกลียดทุกข์ พึงมากล่าวกะหมู่มหาชนนั้นอย่างนี้ว่า

    ดูกร บุรุษผู้เจริญ ท่านพึงนำภาชนะน้ำมันอันเต็มเปี่ยมนี้ไปในระหว่างที่ประชุมใหญ่กับนางงามในชนบท แล้วจักมีบุรุษเงื้อดาบตามบุรุษผู้นำหม้อน้ำมันนั้นไปข้างหลังๆ บอกว่า

    ท่านจักทำน้ำมันนั้นหกแม้หน่อยหนึ่งในที่ใด ศีรษะของท่านจักขาด ตกลงไปในที่นั้นทีเดียว

    ดูกร ภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจักสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน บุรุษผู้นั้นจักไม่ใส่ใจภาชนะน้ำมันโน้น แล้วพึงประมาทในภายนอกเทียวหรือ

    ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า

    ไม่เป็นอย่างนั้น พระพุทธเจ้าข้า

    พระผู้มีพระภาคตรัสว่า

    ดูกร ภิกษุทั้งหลาย เราทำอุปมานี้ เพื่อให้เข้าใจเนื้อความนี้ชัดขึ้น เนื้อความในข้อนี้ มีอย่างนี้แล

    คำว่า ภาชนะน้ำมันอันเต็มเปี่ยมเป็นชื่อของกายคตาสติ ดูกร ภิกษุทั้งหลาย เพราะเหตุนั้นแหละ เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้ว่า กายคตาสติจะเป็นของอันเราเจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว กระทำให้เป็นดังยาน กระทำให้เป็นที่ตั้ง กระทำไม่หยุด สั่งสมแล้ว ปรารภดีแล้ว

    ดูกร ภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้แล

    พระธรรมเทศนาทั้งหมดที่ทรงแสดงกับพระภิกษุเป็นเรื่องการเจริญสติปัฏฐานเพื่อรู้แจ้งธรรม เพื่อบรรลุอริยสัจธรรม แม้แต่ในคำอุปมานี้ จะต้องเดินถือภาชนะน้ำมันไปโดยที่ว่า ถ้าประมาท ไม่ใส่ใจในภาชนะน้ำมันที่ถือไป ก็จะต้องถึงแก่ความตาย ฉันใด ถ้าประมาทไม่รู้ลักษณะของนามและรูปที่กำลังปรากฏในขณะนี้ ก็จะต้องถึงแก่ความตายเหมือนกัน เพราะเหตุว่าไม่มีโอกาสที่จะรู้ชัดในลักษณะของนามและรูปที่กำลังปรากฏทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ

    พระผู้มีพระภาคตรัสว่า

    ดูกร ภิกษุทั้งหลาย เพราะเหตุนั้นแหละเธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้ว่า กายคตาสติจักเป็นของอันเราเจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว กระทำให้เป็นดังยาน กระทำให้เป็นที่ตั้ง กระทำไม่หยุด สั่งสมแล้ว ปรารภดีแล้ว

    ดูกร ภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้แล

    กายคตาสติ เป็นอีกชื่อหนึ่งของกายานุปัสสนาสติปัฏฐาน ไม่ใช่หมายเฉพาะปฏิกูลมนสิการบรรพ หรือธาตุมนสิการบรรพ เพราะเหตุว่าชื่อกายคตาสติ สติที่ระลึกเป็นไปในกาย ก็ทุกบรรพ และสำหรับการระลึกที่เป็นไปในกายก็ไม่ใช่ว่าจะรู้แต่เฉพาะกาย แม้เวทนาก็รู้ แม้จิตก็รู้ แม้ธรรมก็รู้


    หมายเลข 5459
    28 ก.ย. 2566