ความตายไม่มีนิมิต
สำหรับการระลึกถึงความตาย บางท่านอาจจะยังไม่ค่อยจะระลึกมากเท่าไร แต่การที่จะให้ระลึกถึงความตายที่จะให้เกิดความสลด นอกจากที่จะไม่เห็นนิมิตของชีวิตว่า จะสิ้นสุดลงในขณะไหนแล้ว ก็ยังมีการระลึกถึง ความมีโรค ซึ่งไม่มีนิมิต ซึ่งความตาย ย่อมจะตายด้วยโรค แต่ไม่มีใครสามารถที่จะรู้ได้ว่า ท่านจะตายด้วยโรคอะไร มีโรคมากมายหลายอย่าง แต่ว่าไม่มีใครรู้ได้เลยว่า แต่ละคนจะสิ้นชีวิตลงด้วยโรคอะไร
นอกจากนั้นแล้ว กาละของความตาย ก็ยังไม่มีนิมิต เช่น ไม่มีใครรู้ว่าท่านจะสิ้นชีวิตลงตอนเช้า หรือตอนสาย ตอนบ่าย ตอนเที่ยง หรือตอนเย็น หรือตอนค่ำ ไม่มีใครสามารถที่จะรู้ได้
นอกจากนั้นแล้ว ที่ทอดกายในขณะที่จะตาย ก็ยังไม่มีนิมิต คือไม่สามารถที่จะรู้ได้ว่า จะตายในบ้าน หรือว่าจะตายนอกบ้าน จะตายบนบก หรือว่าจะตายในน้ำ เพราะเหตุว่าแม้สัตว์ที่อยู่ในน้ำ ก็ยังตายบนบก หรือว่าสัตว์ หรือมนุษย์ทั้งหลายที่อยู่บนบก ก็ยังตายในน้ำได้ เพราะฉะนั้น ก็จะเห็นได้ว่า ที่ทอดกายในขณะที่ตายนั้นก็ไม่มีนิมิต
นอกจากนั้นแล้ว ก็ควรที่จะระลึกถึง คติที่ไม่มีนิมิต ในเวลานี้คะ ถ้าท่านผู้หนึ่งผู้ใดจะสิ้นชีวิตลง ไม่มีใครที่สามารถที่จะรู้ได้เลยว่า จะเกิดที่ไหน กรรมอะไรจะทำให้ปฏิสนธิที่ไหน ถ้าคิดอย่างนี้ เกิดความสลด ไม่เป็นโลภะ โทสะ โมหะ ในขณะนั้น ก็ยังไม่พอ เพราะว่าจุดประสงค์ที่ระลึกอย่างนี้แล้ว ก็ควรที่จะเกิดสติ ซึ่งเป็นสติปัฏฐาน ระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ นั่นเป็นจุดประสงค์ของสมถภาวนา โดยนัยของการเจริญสติปัฏฐาน
