การเจริญเมตตา


    เพราะฉะนั้นก็เป็นเรื่องที่ละเอียดเป็นเรื่องที่ต้องอบรมว่า เมตตาจริงๆ คือ อโทสะ ที่มีต่อสัตว์บุคคลต่างๆ คือ ความไม่โกรธ เพราะว่าเวลาโกรธแล้วที่เคยเป็นอย่างดี ก็กลายเป็นอย่างร้ายไปหมด ที่เคยพูดดีก็กลายเป็นคำร้ายๆ ที่หวังดีก็กลายเป็นหวังร้ายไปหมด

    นี่ก็เป็นเรื่องที่ต้องเข้าใจจริงๆ ว่า ขณะที่โกรธขณะนี้ ไม่ใช่เมตตา สมควรไหมที่จะกล่าวว่า  สัพเพสัตตา ถ้าเรายังเป็นอย่างนี้อยู่ แต่ว่าถ้าเรามีความเข้าใจที่ถูกต้อง จะมีสติระลึกได้ เพราะว่าสติมีหลายระดับ ยังไม่ใช่สติที่ระลึกรู้ในสภาพที่เป็นนามธรรมหรือเป็นรูปธรรม เพราะเราบังคับไม่ได้ พอฟังวันนี้แล้วจะไปให้สติไประลึกลักษณะนามธรรมและรูปธรรมเลย เป็นไปไม่ได้เลย แต่สติจะค่อยๆ เกิด ค่อยๆ เป็นไป ทางกายบ้าง ทางวาจาบ้าง ทางใจบ้าง และเมื่อนั้นเราก็จะรู้ว่า ขณะที่สติเกิดเป็นกุศล ตรงข้ามกับขณะที่เป็นอกุศล

    เพราะฉะนั้นแม้แต่เมตตา  ตั้งแต่คนในบ้าน คนนอกบ้าน ไปเรื่อยๆ แม้แต่ทุกคน หรือคนแปลกหน้าที่ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย ความเมตตากับความไม่เมตตาก็ต่างกัน อย่างนี้เป็นเพียงการอบรม ยังไม่ถึงอัปปนาสมาธิ

    เพราะฉะนั้นก็ยังไม่ใช่ฌานจิต ถ้ายังไม่ถึงฌานจิตแล้วละก็ การที่เราจะแผ่ความเมตตาของเราทั่วทิศ เริ่มตั้งแต่ทิศนี้แล้วก็ทิศโน้น ไม่ว่าจะมีสัตว์อะไรทั้งสิ้น ทิศเบื้องบนทิศเบื้องล้างทั้งหมด จึงจะเรียกว่าแผ่ แต่ขณะที่ยังไม่มีมากพอ ต้องอบรมเจริญ ใช้คำว่าเจริญเมตตาได้ ค่อยอบรมให้มีมากขึ้น แต่จะใช้คำว่าแผ่ไม่ได้


    หมายเลข 4609
    26 ส.ค. 2558