คัพภินีสูตร


    ใน ขุททกนิกาย อุทาน คัพภินีสูตร มีข้อความว่า

    ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้

    สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตะวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ใกล้พระนครสาวัตถี ก็สมัยนั้นแล นางมาณวิกาสาว ภรรยาของปริพาชกคนหนึ่งมีครรภ์ใกล้เวลาคลอดแล้ว ครั้งนั้นแล นางปริพาชิกานั้นได้กล่าวปริพาชกว่า

    ท่านพราหมณ์ ท่านจงไปนำน้ำมันซึ่งจักเป็นอุปการะสำหรับดิฉันผู้คลอดแล้วมาเถิด

    เมื่อนางปริพาชิกากล่าวอย่างนี้แล้ว ปริพาชกนั้นได้กล่าวกะนางปริพาชิกาว่า

    ฉันจะนำน้ำมันมาให้นางผู้เจริญแต่ที่ไหนเล่า

    แม้ครั้งที่ ๒ ...

    แม้ครั้งที่ ๓ นางปริพาชิกานั้นก็ได้กล่าวกะปริพาชกนั้นว่า

    ท่านพราหมณ์ท่านจงไปนำน้ำมันซึ่งจักเป็นอุปการะสำหรับดิฉันผู้คลอดแล้วมาเถิด

    ก็สมัยนั้นแล ราชบุรุษได้ให้เนยใสบ้าง น้ำมันบ้างในพระคลังของพระเจ้า ปเสนทิโกศลแก่สมณะบ้าง พราหมณ์บ้าง เพื่อดื่มพอความต้องการ แต่ไม่ให้เพื่อนำไป

    ครั้งนั้นแล ปริพาชกนั้นดำริว่า ก็ราชบุรุษให้เนยใสบ้าง น้ำมันบ้าง ใน พระคลังของพระเจ้าปเสนทิโกศลแก่สมณะบ้าง พราหมณ์บ้าง เพื่อดื่มพอความต้องการ ไม่ให้เพื่อนำไป ไฉนหนอ เราพึงไปยังพระคลังของพระเจ้าปเสนทิโกศล ดื่มน้ำมันพอความต้องการแล้ว กลับมาเรือน สำรอกน้ำมัน ซึ่งจักเป็นอุปการะแก่นาง ปริพาชิกาผู้คลอดนี้เถิด

    ครั้งนั้นแล ปริพาชกนั้นไปยังพระคลังของพระเจ้าปเสนทิโกศล ดื่มน้ำมันพอความต้องการแล้ว กลับมาเรือน ไม่สามารถเพื่อจะไว้เบื้องต่ำ (ด้วยอำนาจการถ่ายท้อง) ปริพาชกนั้นอันทุกข์เวทนาอันกล้าเผ็ดร้อนถูกต้องแล้ว ย่อมหมุนมาและหมุนไปโดยรอบ

    ครั้งนั้นเป็นเวลาเช้า พระผู้มีพระภาคทรงผ้าอันตรวาสก ทรงถือบาตรและจีวร เสด็จเข้าไปบิณฑบาตยังพระนครสาวัตถี ได้ทอดพระเนตรเห็นปริพาชกนั้น ผู้อันทุกขเวทนาอันกล้าเผ็ดร้อนถูกต้องแล้ว หมุนมาหมุนไปอยู่โดยรอบ ฯ

    ลำดับนั้นแล พระผู้มีพระภาคทรงทราบเนื้อความนี้แล้ว ได้ทรงเปล่งอุทานนี้ในเวลานั้นว่า

    ชนผู้ไม่มีกิเลสเครื่องกังวล มีความสุขหนอ ชนผู้ถึงเวท (คือ อริยมรรคญาณ) เท่านั้น ชื่อว่าผู้ไม่มีกิเลสเครื่องกังวล ท่านจงดูชนผู้มีกิเลสเครื่องกังวลเดือดร้อนอยู่ ชนเป็นผู้มีจิตปฏิพัทธ์ในชนย่อมเดือดร้อน ฯ

    จบ สูตรที่ ๖

    ท่านผู้ฟังคงจะคิดว่า เป็นเหตุการณ์ธรรมดาในชีวิตประจำวัน แต่แม้ว่าจะเป็นเหตุการณ์ธรรมดาอย่างนี้ พระผู้มีพระภาคก็ยังทรงอนุเคราะห์พุทธบริษัทด้วย พระอุทานนี้ เพื่อให้ผู้ที่พิจารณาธรรม น้อมพิจารณาให้เห็นธรรมว่า ชนเป็นผู้มีจิตปฏิพัทธ์ในชนย่อมเดือดร้อน

    และความเดือดร้อนก็ย่อมมีนานาประการ ตามที่ท่านก็ย่อมเห็น ย่อมได้ยิน ย่อมได้ฟังกันอยู่ เป็นชีวิตปกติธรรมดา แต่ถ้าไม่พิจารณาให้เห็นเป็นธรรม ก็ย่อมจะเห็นว่า เป็นสิ่งที่ทนได้ หรือว่าเป็นเรื่องธรรมดาของโลก แต่ถ้าจะน้อมพิจารณาให้เห็นสภาพธรรมตามความเป็นจริง ย่อมเห็นว่า ชนเป็นผู้มีจิตปฏิพัทธ์ในชนย่อมเดือดร้อน


    หมายเลข 4589
    7 ต.ค. 2566