โอกาสในการฟังธรรม สนทนาธรรม


    ชีวิตที่ได้เจอกัน พบกันแล้วก็ได้มีการสนทนาธรรมกันแต่ละชาติก็คงหายากมาก เพราะฉะนั้นเมื่อมีโอกาสที่จะได้พบ และก็ได้สนทนาธรรมกัน ก็ควรที่จะได้รับประโยชน์อย่างยิ่ง ในการที่จะเข้าใจพระธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรงตรัสรู้ อย่างที่เราได้น้อม นมัสการเมื่อกี้ นโม ตัสส ภควโต อรหโต สัมมาสัมพุทธัสสะ ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น เราซาบซึ้งแค่ไหน หรือว่าเราเพียงแต่รู้ว่า ท่านเป็นผู้ที่ประเสริฐสุด

    เพราะฉะนั้นก็ขอนอบน้อม แต่ว่ายังไม่ได้เข้าใจธรรมที่ทรงตรัสรู้ และทรงแสดง ซึ่งถ้าเป็นการได้ฟังพระธรรม ก็จะรู้ได้ว่า พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้สิ่งที่คนอื่นไม่รู้

    นี่คือความต่างกันไกลมาก เราเกิดมาแล้วเราก็มีชีวิตอยู่ แต่เราไม่เคยรู้เลยคะว่าธรรมอยู่ที่ไหน และอะไรเป็นธรรม แต่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ธรรม คือสิ่งที่กำลังมีในขณะนี้ตามความเป็นจริง

    เพราะฉะนั้น ก็จะเห็นได้ว่า ธรรมเป็นสิ่งที่เกิดแล้วมีแล้วกับแต่ละคน แต่ไม่เคยรู้เลยว่านี่เป็นธรรม มีใครรู้บ้างคะว่า เห็นเป็นธรรม หมายความว่าถ้าเป็นธรรม ก็คือว่าเป็นสิ่งที่มีจริง แล้วก็ไม่ใช่ของใคร จะเกิดขึ้นต่อเมื่อมีเหตุปัจจัยเท่านั้น แล้วสิ่งนั้นก็เกิดขึ้นกับแต่ละคนด้วย จะไปรู้ธรรมของคนอื่น เช่นใจของคนอื่น ความคิดของคนอื่น ก็เป็นไปไม่ได้

    เพราะฉะนั้น ธรรมก็คือขณะนี้ ซึ่งคนธรรมดาไม่รู้จนกว่าจะได้ฟังพระธรรม และการตรัสรู้พระธรรมก็คือว่าสามารถที่จะรู้สิ่งซึ่งกำลังปรากฏตามความเป็นจริง เช่นขณะนี้เราเห็น แล้วเราก็ไม่เคยรู้ ก็เป็นเรารู้ แต่ไม่ได้รู้จริงๆ ว่า เห็นเป็นธรรมที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ความจริง ก่อนที่คนอื่นจะรู้ เพราะเหตุว่าพระองค์ทรงบำเพ็ญพระบารมีมา เพื่อที่จะได้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า คือ เป็นผู้ที่ทรงตรัสรู้ธรรมโดยประการทั้งปวง และทรงพระมหากรุณาที่จะแสดงธรรมให้คนอื่นได้เข้าใจอย่างที่พระองค์ได้ทรงตรัสรู้ และประพฤติปฏิบัติตามด้วย เพียงเท่านี้ก็จะคือเริ่มที่จะเห็นความต่างของปัญญาของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า กับผู้ที่ไม่รู้จักธรรมที่มีจริงๆ ที่กำลังปรากฏในขณะนี้


    หมายเลข 3859
    11 ม.ค. 2567